รองนายกฯ มั่นคง ป้อง “กษิต” ยังไม่สมควรไขก๊อก อ้างทำหน้าที่เดินหน้าเจบีซีอยู่ ชี้ประชุมจีบีซีต้องแค่ที่ไทยหรือเขมรเท่านั้น ยันยูเอ็นสั่งอาเซียนส่งคนสังเกตุการณ์ 2 ชาติไม่ให้สู้รบ โยน กต.ต่อรอง - บอกรัฐคงช่วยอะไร “วีระ-ราตรี” ไม่ได้มาก อ้างเป็นอำนาจอธิปไตยศาลเขมร ไม่รู้ถูกปัดขออภัยโทษ โยน กต.สรุป
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กองทัพออกมาประกาศไม่เข้าร่วมการประชุมที่อินโดนีเซียดูจะสวนทางกับนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ สมควรที่จะลาออกได้หรือยังว่า ยัง นายกษิตยังต้องอยู่ต่อ เพราะเขาทำหน้าที่ของเขาอยู่ ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ จีบีซี กับเจบีซี โดย จีบีซีเป็นเรื่องข้อตกลงระหว่างกัมพูชากับไทยว่าเราจะมีคณะกรรมการ ว่าด้วยเรื่องชายแดนทั่วไป อาทิ เรื่องเดินทางไปมาหาสู่กัน การลดข้อพิพาทในบริเวณที่กระทบกระทั่งกัน โดยจะเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม คณะกรรมการส่วนใหญ่ของ 2 ประเทศ จะเป็นจากกระทรวงกลาโหม ที่จะตกลงกันว่าจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ และครั้งนี้ถึงรอบที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ เพราะฉะนั้นทางฝ่ายไทยเองก็รออยู่ว่า หากทางกัมพูชาเชิญไทยไปร่วมประชุมเราก็ต้องไป
นายสุเทพกล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือเรื่องเจบีซี เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่วมเกี่ยวกับการปักปันเขตแดน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่หาข้อเท็จจริงมาแสดงว่า เขตแดนระหว่างประเทศหลักไหน อยู่ตรงไหน ที่สูญหายไป สมควรจะอยู่ตรงไหน เอาหลักฐานมาตรวจสอบดู คณะกรรมการชุดนี้ที่ทางฝ่ายกัมพูชาไปร้องต่อศาลของสหประชาชาติว่าเขาไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ ซึ่งตรงนี้ทางสหประชาชาติได้ให้ 2 ประเทศมาหารือกันเอง โดยให้อาเซียนมาเป็นคนกลางช่วยดูแลสนับสนุน และในปีนี้ประธานาธิบดีประเทศอินโดนีเซียเป็นประธานอาเซียนก็ต้องเข้ามาช่วยดูแล โดยทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์เป็นผู้จัด เป็นผู้สนับสนุนให้มีการประชุมเจบีซี หรือคณะกรรมการปักปันเขตแดน
นายสุเทพกล่าวอีกด้วยว่า ยังมีข้อที่ต้องไปดำเนินการกำหนดกันว่า คณะผู้สังเกตการณ์ที่จะมาจากอินโดนีเซียจะมากี่คน เป็นใคร ไปอยู่กัมพูชา หรืออยู่ที่ไทยอยู่ตรงไหนกันบ้าง การประชุมจะดำเนินการอย่างไรนั้นตรงนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะต้องไปประชุมปรึกษากับกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา และทางอินโดนีเซียด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแบ่งหน้าที่กัน เรื่องระหว่างกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหากัน เมื่อถามว่าเรื่องการประชุมเจบีซีเป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา แล้วทำไมต้องไปประชุมที่อินโดนีเซีย แล้วยังให้ทางอินโดนีเซียส่งคนมาสังเกตการณ์ดูเหมือนกระทรวงการต่างประเทศไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ก็ถูก
“วันนี้คิดว่าชัดเจนแล้วเมื่อแยก 2 เรื่องออกมาจากกัน จีบีซีไม่ต้องไปอินโดนีเซีย ไปกัมพูชาหรือไม่ก็มาประเทศไทย ส่วนเจบีซีจะไปอินโดนีเซียไม่เป็นไร ส่วนการที่จะส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาเพราะสหประชาชาติได้ขอให้ทางอาเซียนมาช่วยดูแล อย่าให้มีกรณีการสู้รบกันระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะฉะนั้น การจะมีผู้สังเกตการณ์มาก็จะต้องมาโดยวัตถุประสงค์ว่า ไม่ให้มีการยิงกัน ให้มีการหยุดยิง ผู้สังเกตการณ์มาจะได้ทำหน้าที่ดูว่าใครยิงก่อนยิงหลัง และเมื่อมีผู้สังเกตการณ์มาอยู่ทั้ง 2 ประเทศก็จะไม่เกิดเหตุ”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ทางฝ่ายทหารเองก็ได้ออกมากล่าวยืนยันว่าผู้สังเกตการณ์ที่มาจะต้องไม่ใช่กองกำลังทหาร เพราะถ้าเป็นกองกำลังทหารก็จะกระทบต่ออธิปไตย เพราะประเทศไทยมีเอกราชจะให้ชาติอื่นเอากองกำลังมาอยู่ในประเทศไทยคงไม่เหมาะสม ซึ่งตรงนี้ก็คิดว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศเองก็เข้าใจ เพราะเขามีหน้าที่ที่ต้องไปเจรจาต่อรอง กระทรวงการต่างประเทศของไทย หรือทางกัมพูชา ก็ต่างคนต่างคิด จึงมีเรื่องที่ต้องต่อรองกันตลอด
เมื่อถามว่า แล้วทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดจากลับไปกลับมา รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ท่านนายกฯ ไม่ได้พูดกลับไปกลับมา ท่านพูดชัดกว่าตนเสียอีก และยืนยันว่า ไทยจะไม่ขัดแย้งกับทางอินโดนีเซียความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ยังดีมาก ทุกอย่างที่บอกไปจะต้องฟังจากอินโดนีเซีย และจะต้องอธิบายต่อเขาด้วย ส่วนในเรื่องการไปประชุมเจบีซีนั้น ทาง รมว.ต่างประเทศก็จะต้องไปร่วมประชุมด้วย โดยจะต้องตกลงกันก่อนว่าข้อกำหนดใน TOR ที่ว่าด้วยการให้มีผู้สังเกตการณ์จะว่าอย่างไรก็ต้องไปคุยกัน
นายสุเทพยังให้สัมภาษณ์ถึงความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาจับกุมว่า ต้องรอให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น เวลานี้ทางรัฐบาลคงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจอธิปไตยในกระบวนการทางศาลของกัมพูชา ส่วนที่ทางกัมพูชาปฏิเสธในเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ก็ไม่ทราบได้แต่ติดตามข่าว กับครอบครัวของนายวีระก็ต้องรอให้ทุกอย่างยุติก่อน จึงจะสามารถทำความเข้าใจได้ ส่วนจะต้องรอจนกว่านายวีระ และน.ส.ราตรี รับโทษก่อนหรือไม่ ต้องรอทางกระทรวงการต่างประเทศสรุปมาให้ทราบก่อน เวลานี้ทุกคนที่สามารถพูดคุยช่วยเหลือได้ก็พยายามช่วยเหลืออยู่