“สาทิตย์” ไม่เชื่อนักบุญหน้าจอเบี้ยวเงินบริจาค โยนเจ้าหน้าที่ตามเช็กวันนี้ รับยังต้องระดมเงินบริจาคช่วยสร้างบ้านอีกมาก เล็งจ่ายชดเชย 5 พันหลังสงกรานต์ ปัดงวดที่แล้วจ่ายไม่ครบ ยันอนุมัติให้ 100% แต่มีคนนับหมื่นไม่ยอมมารับ
วันนี้ (6 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงยอดเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ที่มีแต่ตัวเลขเป็นหลัก 100 ล้านแต่เงินเข้าบัญชีจริงแค่ 27 ล้านบาทว่า อาจเป็นไปได้ที่ยังเก็บเงินไม่ได้ทั้งหมดตามข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องไปติดตามอีกที แต่ตนไม่คิดว่าเงินจะหายหรือใครจะเบี้ยว เพราะคนที่บริจาคเขาตั้งใจที่จะช่วยจริงๆ แต่ตัวเงินอาจจะทยอยกันเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องปกติเหมือนกับทุกครั้ง ที่ผ่านมามีการบริจาค 3 ครั้ง ผ่านทางช่อง 9 ซึ่งทำ 2 ช่องทาง คือให้โอนเข้าบัญชีโดยตรง และโทรศัพท์มาแจ้งความจำนงไว้ ซึ่งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่โทรไปติดตาม ขณะที่ทางช่อง 11 ส่วนใหญ่มามอบให้เป็นเช็ค และมีแจ้งความจำนงส่วนหนึ่ง และทางช่อง 5 ส่วนใหญ่เป็นบริษัทใหญ่ๆ ร่วมบริจาค อีกส่วนก็แจ้งความจำนงมา
“ทั้ง 3 ที่ ในวันนี้ผมจะให้ประสานว่าให้มีเจ้าหน้าที่โทร.ไปตามเขาหน่อย ผมคิดว่าเขาตั้งใจบริจาคแล้วก็คงจะให้ ไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้เมื่อวาน (5 เม.ย.) คงพูดเท่าที่รู้ว่ามีเงินโอนมาเท่าไหร่ ส่วนที่มีการพูดว่าพอโทร.ไปตาม ผู้บริจาคก็แจ้งว่าไม่ประสงค์จะบริจาคแล้วนั้น ผมยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ผมเชื่อโดยความสุจริตใจว่าคนที่อยากบริจาคไปช่วยเหลือคนซึ่งประสบความเดือดร้อนนั้น เขาตั้งใจจริงๆ” นายสาทิตย์ กล่าว
ส่วนการนำเงินบริจาคมาจัดซื้อถุงยังชีพนั้นก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเดิมเงินในกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีเหลืออยู่ 80 กว่าล้านบาท ซึ่งได้นำไปถุงยังชีพแล้ว 1 แสนถุง ราคาถุงละ 560 บาท เป็นเงิน 50 กว่าล้านบาท ดังนั้นเงินกองทุนขณะนี้ก็จะเหลือประมาณ 30 กว่าล้านบาท และก็มีเงินที่ได้รับบริจาคมาเพิ่มเติมอีก เราก็จะเอาส่วนนี้ไปดำเนินการต่อ ซึ่งตอนนี้ภาระการใช้จ่ายก็จะอยู่ที่เรื่องบ้านเป็นหลัก ดังนั้นเราคงต้องระดมเงินบริจาคอีกมาก
นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องบ้านนั้น เท่าที่ตนเดินทางไปดูในพื้นที่เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขสูงกว่าที่คาดไว้มาก เฉพาะที่ จ.กระบี่ มีบ้านพังทั้งหลัง 160 หลัง ที่ จ.นครศรีธรรมราช 200 หลัง คาดว่าเบื้องต้นอาจต้องไปช่วยสร้างใหม่ทั้งหลัง ซึ่งจะทำในลักษณะบ้านมั่นคง แต่เท่าที่ฟังชาวบ้านบางแห่ง เช่นที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ชาวบ้านไม่อยากอยู่ที่เดิม ก็คงต้องหาที่ใหม่ให้อยู่รวมกลุ่มกัน และทำลักษณะบ้านเครือข่ายที่ดูแลเรื่องการป้องกันภัย จับคู่เป็นบัดดี้ดูแลภัยของกันและกัน ทั้งนี้การสร้างบ้านจะตกหลังละเกือบ 2 แสนบาท ดังนั้นอาจต้องใช้เงินอีก 60 กว่าล้านบาท จึงต้องขอให้ทางช่อง 9 ช่อง 5 และช่อง 11 โทรศัพท์ไปติดตามเงินจากผู้แสดงความจำนงบริจาค คิดว่าน่าจะได้มา แต่อาจจะไม่ได้ทั้งหมด 100% เพราะโทร.ไปอาจไม่เจอเจ้าตัวบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนเงินเยียวยาครอบครัวละ 5 พันบาทนั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า คาดว่าหลังสงกรานต์จะเริ่มจ่ายได้ทันที โดยในวันเดียวกันนี้ (6 เม.ย.) เวลา 13.30 น. ตนจะประชุมชี้แจงกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.เป็นต้นไป จะให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอออกสำรวจทันที ส่วนที่มีการโจมตีว่าคงทำไม่ได้ เพราะการจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งที่แล้วยังทำไม่ครบนั้น ยืนยันว่าครั้งที่แล้วอนุมัติครบ 100% แล้ว ยกเว้นมีประชาชนบางส่วนที่ไม่มารับ เนื่องจากยังตามตัวไม่ได้ เพราะเจ้าตัวอาจไปทำงานที่อื่น ซึ่งมีประมาณหมื่นกว่าคน แต่ตามระเบียบเราจะเก็บเงินนี้ไว้ 1 ปี รอจนกว่าเจ้าตัวจะมารับ หากครบปีไม่มารับ เงินจำนวนนี้ก็จะส่งคืนคลังไป