โฆษกวอร์รูม พผ.ยังกั๊ก 7 เม.ย.นี้แค่งานหมั้น เตรียมแต่งจริงหลังยุบสภา รายงานระบุ “ชาญชัย” หน.พผ.ยังค้านรวมพรรค เตรียมลุยเดี่ยวนั่งเฝ้าพรรค เผื่อเป็นอะไหล่หลังเลือกตั้ง โอกาสสูงส่ง “ไพโรจน์” ไปกลุ่มเดียว
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2554 นพ.ภูมินทร์ ลีกิจธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ในงานวันที่ 7 เม.ย.เป็นเพียงการทำพิธีหมั้น โดยมีเจ้าภาพเป็นผู้ใหญ่ของทั้ง 2 พรรคมาร่วม เบื้องต้นได้รับการยืนยันจากนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าจะเดินทางไปร่วมงานและร่วมแถลงข่าว ส่วนความชัดเจนเรื่องการควบรวมจะเกิดขึ้นภายหลังการยุบสภา สำหรับโครงสร้างผู้บริหารพรรคใหม่ เบื้องต้นทราบว่าจะใช้โครงสร้างเดิมของพรรครวมชาติพัฒนาที่มี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินจะเป็นส่วนเสริมในโครงสร้างบริหารดังกล่าว เพราะไม่ยึดติดกับตำแหน่ง และไม่ได้มีความสำคัญมากไปกว่าแนวนโยบายที่ 2 พรรคจะทำร่วมกัน
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่ม 3 พีได้เรียกผู้บริหารของพรรคเพื่อแผ่นดินในสายของตัวเองเข้ารับทราบความคืบหน้าในการแถลงข่าวร่วมกับพรรครวมชาติพัฒนา โดยนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แสดงความไม่เห็นด้วยกับการควบรวมพรรคดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการร่วมมือกับกลุ่มของนายสุวัจน์จะเป็นประโยชน์เฉพาะในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่ง ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่ม 3 พีดูแลอยู่เท่านั้น ส่วนในพื้นที่อื่นๆ อาทิ จ.มหาสารคาม ที่นายชาญชัยดูแล หรือ จ.อุบลราชธานี ที่มีนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ดูแลอยู่นั้น จะไม่ได้ประโยชน์ ทั้งยังอาจเป็นผลเสียต่อฐานคะแนนเสียงของผู้สมัครที่หาเสีย’ในนามพรรคเพื่อแผ่นดินมาโดยตลอด
ทั้งนี้ยังมีเหตุผลในส่วนของเงินสนับสนุนประจำปีที่ได้จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินได้มาเป็นอันดับ 2 คิดเป็นเงิน 27 ล้านบาท ซึ่งมีการวางแผนดำเนินการทางการเมืองไว้แล้วเสร็จจนถึงปลายปี 54 แล้ว หากมีการควบรวมหรือยุบพรรค ก็จะทำให้แผนการต้องสะดุดลง จึงมีแนวคิดว่าหากมีการย้ายไปร่วมมือกับพรรครวมชาติพัฒนาจริง ก็จะมีผู้บริหารบางส่วนที่ยังอยู่ทำหน้าที่หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นนายชาญชัยเอง หรือนายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรค ที่ต้องการทำงานทางการเมืองในนามพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป และสามารถใช้เป็นพรรคอะไหล่ หากเกิดอุบัติเหตุถูกยุบพรรคภายหลังการเลือกตั้งได้ด้วย ขณะนี้จึงยังไม่มีความชัดเจนในแนวทาง และมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มโคราชของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ จะไปร่วมงานกับนายสุวัจน์เพียงกลุ่มเดียว
