โฆษกมาร์คเย้ย “แม้ว” ฝันหวาน พท.กวาดที่นั่งเกินครึ่ง ขยันโฟนถี่ยิบ คาดจัดคิวยาวถึงเลือกตั้ง สะกิด กกต.งัด กม.สกัดคนถูกตัดสิทธิช่วยพรรคการเมืองหาเสียง เหน็บ “ป๋าเหนาะ” ซุกปีกเพื่อไทยเพื่อหาจุดยืนทางการเมือง เย้ยปั้น “เจ๊มิ่ง” เป็นนายกฯ ไม่ต่างเตี้ยอุ้มค่อม ชี้ไม่กลัวกระแสไม้บรรทัด “ปุ” มาแรง เชื่อมั่น “มาร์ค” ยังสู้ไหว ยันพรรคร่วมจับมือดัน กม.ลูก 3 ฉบับทันยุบสภา
วันนี้ (3 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมายังกลุ่มชมรมคนรักอุดรฯ โดนบอกว่าการเลือกตั้งที่จะนี้พรรคเพื่อไทยจะได้เกินครึ่งและได้จัดตั้งรัฐบาลว่า เป็นความเพ้อฝันของ พ.ต.ท.ทักษิณที่พยายามสร้างกระแสให้เกิดความนิยมในตัวพรรคเพื่อไทย หวังที่จะให้ผลการเลือกตั้งเป็นแลนด์สไลด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะจุดขายของพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรน่าสนใจที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน ยังชูประเด็นการเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศเป็นจุดขาย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถยอมรับได้กับการจะเอาผลการเลือกตั้งมาฟอกตัวคนผิดเพื่อไม่ให้รับโทษตามที่ศาลตัดสินไว้
นายเทพไทกล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้เป็นการทำทุกวิถีทางเพื่อต้องการให้ตัวเองได้กลับประเทศโดยไม่ต้องติดคุก และคงจะใช้วิธีการโฟนอินไปยังสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้นจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องให้ กกต.กลับไปดูข้อกฎหมายว่าเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองสามารถที่จะใช้วิธีการโฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์ หาเสียงให้พรรคการเมืองหนึ่ง พรรคการเมืองใดได้หรือไม่ ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณทึกทักไปว่าพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนิยมเหนือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะแม้จะดูผลสำรวจของเอแบคโพลล์ก็จะเห็นว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยยังคงสูสีก็ตาม แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนนิยมสูงกว่าร้อยละ 26.4 ต่อ 25.5 ยังถือว่าเหนือว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเกินครึ่ง
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูดถึงผลการเลือกตั้งใน กทม.ว่าเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง นายเทพไทกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าของพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ยังเชื่อว่ายังคงสามารถรักษาที่นั่งเดิมได้ ถ้าผลการเลือกตั้งกรุงเทพฯ เป็นปัจจัยชี้ขาดจริง พรรคก็จะมีโอกาสชนะเพื่อไทยค่อนข้างสูง
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าในวันที่ 5 เม.ย.นี้จะหาตำแหน่งในพรรคให้นายเสนาะ เทียนทอง นั้นเป็นการหาที่ยืนทางการเมืองให้แก่นายเสนาะ ถ้าดูข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญปี 50 จะเห็นได้ว่ามีการห้ามการควบรวมพรรคการเมืองเข้าด้วยกันหลังจากการเลือกตั้ง จึงไม่เข้าใจว่านายเสนาะเป็นหัวหน้าพรรคประชาราช แล้วมามีตำแหน่งเป็นประธาน ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยได้ข้อยุติที่จะสนับสนุนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ นั้น นายเทพไทกล่าวว่า น่าจะเป็นกลลวงมากกว่า ถ้าเป็นนายมิ่งขวัญจริง พรรคก็ยินดีและเชื่อว่าเป็นคู่แข่งขันที่สมน้ำสมเนื้อกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลัวว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเสียก่อนมากกว่า
“การที่นายเสนาะประกาศว่าจะชูนายมิ่งขวัญขึ้นเป็นนายกฯ ถ้าดูเงื่อนไขในหลายๆ ด้าน ไม่แน่ใจว่าจะชูได้สูงแค่ไหน เพราะตัวเองก็ล้มละลายทางการเมือง นายมิ่งขวัญก็ไม่โดดเด่นพอ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากเตี้ยอุ้มค่อม” นายเทพไทกล่าววิจารณ์
นายเทพไทยังกล่าวถึงการที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ตั้งพรรครักษ์สันติ ว่าถือว่าเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้ประชาชน เพราะดูจากผลสำรวจยังมีคนจำนวนร้อยละ 32.7 ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมือง จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่พรรคการเมืองทุกพรรคพยายามจะช่วงชิงกลุ่มพลังเงียบเหล่านี้ พรรครักษ์สันติของ ร.ต.อ.ปุระชัยที่พยายามสร้างจุดขายเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต โดยการแจกไม้บรรทัดเป็นสัญลักษณ์นั้นก็เพื่อหวังกระแสเหมือนกับพรรคพลังธรรมในอดีต เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล เพราะในพรรคประชาธิปัตย์ ภาพลักษณ์ในความซื่อสัตย์ของนายอภิสิทธิ์ก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร เชื่อว่าการเกิดขึ้นมาของพรรครักษ์สันติไม่ส่งผลกระทบต่อฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาวิจารณ์การแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล หลังจากลงพื้นที่ในภาคใต้ว่า อยากจะให้นายพร้อมพงศ์กลับไปถามความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะมากล่าวหารัฐบาล ยืนยันว่านายกฯ ให้ความสำคัญลงพื้นที่ด้วยตัวเอง 3 ครั้งแล้ว และได้สั่งการให้ทุกฝ่ายระดมความช่วยเหลือ จะเห็นว่าทหารทุกเหล่าทัพก็ได้เข้าไปช่วยกู้วิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งต่างจากกรณีของนายพร้อมพงศ์ที่ลงพื้นที่เพียง 1 วัน แล้วกลับมาแถลงข่าวสร้างภาพ จึงไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยลงไปช่วยเหลือประชาชน หรือลงไปหาเสียงทางการเมืองบนความทุกข์ยากและคราบน้ำตาของประชาชนกันแน่ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดขณะนี้เริ่มกระเตื้องดีขึ้นแล้ว และหลังจากวิกฤตครั้งนี้รัฐบาลยังต้องทุ่มเทงบประมาณและหาแนวทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน บูรณะสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงษ์ออกมาระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลเล่นเกมในสภาเพื่อดึงกฎหมายลูก 3 ฉบับให้ล่าช้าหวังจะยืดอายุรัฐบาลว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง โฆษกพรรคเพื่อไทยมีหน้าที่สร้างความเท็จ สักแต่จะพูดไปเพียงวันๆ ยืนยันว่าจะไม่มีการเล่นเกมในสภาโดยเด็ดขาด และเป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดันให้กฎหมายลูก 3 ฉบับผ่านในวาระ 2-3 ให้เร็วที่สุด และในสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณากฎหมายดังกล่าว และจะเป็นบทพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่เล่นเกมการเมือง ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากจะให้ยุบภาโดยเร็ว ก็ควรจะมีมติให้ ส.ส.ของพรรคเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันไม่ควรที่จะเล่นเกมตีรวนโดยการนับองค์ประชุม และควรจะเสียบบัตรแสดงตนทุกครั้งที่มีการตรวจสอบองค์ประชุม อย่าทำตัวท่าดีทีเหลว กล่าวหาคนอื่นเพื่อให้ได้รับความเสียหาย แต่ตนเองเป็นฝ่ายกระทำเสียเอง
นายเทพไทกล่าวว่า แต่ถ้าองค์ประชุมไม่ครบก็สามารถเลื่อนการพิจารณาไปในวันถัดไปจนกว่าจะผ่านวาระ 2-3 แต่ถ้าออกไม่ทันจริง นายกฯ ก็สามารถยุบสภาได้ตามที่ประกาศไว้ แล้วให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอาร่างกฎหมายมาประกาศของ กกต. แต่ถ้าใครขัดขวางไม่ให้กฎหมายผ่าน สังคมต้องประณาม และควรจะจับตามองพรรคเพื่อไทยมากกว่ามาจับตามองพรรคร่วม
“เป็นไปไม่ได้ที่เราจะยื้อเพื่อเลื่อนอายุรัฐบาลออกไป เพราะนายกฯ ยืนยันว่าจะไม่ผิดคำพูด เพราะการประกาศในที่ประชุมสภาถือว่าเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้ จะไม่มีการบิดพลิ้วโดยเด็ดขาด และท่านก็เป็นคนรักษาคำพูด ขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะพยายามสุดความสามารถที่จะให้กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านวาระ 2-3 ในสัปดาห์นี้ให้ได้” นายเทพไทกล่าวย้ำ