xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉดีเอ็นเอ ปชป. 40 ปีเลวไม่เคยเปลี่ยน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ย้อนอดีต ปชป.ปี 14 โดนคอลัมนิสต์ชำแหละ เป็นบิดาแห่งการซุบซิบนินทาด่าแม่และให้ร้ายป้ายสีคนอื่น แฉเคยด่าอดีคนายกเล็ก กทม.ทุจริต แต่พอคนของตัวเองเข้าไปกลับแย่งกันกินเสียเอง ส่วนในสภาโชว์ผลงานอัปยศ ผ่านกฎหมายปิโตรเลียมยกทรัพยากรทางทะเลให้ฝรั่ง เหมือนยุคหลังที่เปิดบีไอบีเอฟ ออก กม.ขายชาติ 11 ฉบับ ทำ MOU 43 ยกดินแดนให้เขมร สะท้อนชัด 40 ดีเอ็นเอไม่เคยเปลี่ยน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”  

เวลา 20.50 น. วันที่ 1 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า วันนี้จะเอาสิ่งมหัศจรรย์ในโลกนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะว่าในปี 2514 กับ ปี 2554 หรือ 40 ปีผ่านไป พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ทั้งที่ตามธรรมชาติแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำพรรคสมัยบนั้นก็ล้มหายตายจากไปแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ ดีเอ็นเอ.ของคนในพรรคนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว โดยนายยอดธง ทับทิวไม้ ได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ไว้เมื่อ 40 ปีที่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นบิดาแห่งการซุบซิบนินทาด่าแม่ และให้ร้ายป้ายสีคนอื่น ซึ่งรายละเอียดทุกอย่างเหมือนกับที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ทุกประการ

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปราศรัย

“พี่น้องครับ ไม่ใช่กระแดะ มันเป็นไข้ มันหนาวสะท้านทั้งตัวเลย เลยต้องใส่เสื้อ นี่ขนาดใส่ยังรู้สึกหนาวเลยครับพี่น้อง วันนี้จะเอาสิ่งมหัศจรรย์ในโลกนี้มาเล่าให้พี่น้องฟัง 2514 พรรคประชาธิปัตย์ กับปี 2554 พี่น้องครับ 40 ปี 40 กว่าปี ตอนนั้น อภิสิทธิ์ ยังแก้ผ้าเล่นน้ำฝนอยู่ แต่พี่น้องรู้ไหมว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาในวงการวิทยาศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเขากำลังทึ่งอยู่ ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เมื่อเราเกิด เราเป็นเด็ก เราโตขึ้นมา เราแก่เฒ่า แต่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วกับปีนี้ ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์สมัยนั้นล้มหายตายจากกันไปแล้ว เด็กรุ่นใหม่รุ่นนี้ พี่น้องเชื่อหรือไม่ มหัศจรรย์มาก ดีเอ็นเอ ไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว

พี่น้องจำได้ไหม ผมเคยเอากลอนของคุณยอดธง ทับทิวไม้ มาอ่านให้ฟัง กลอนที่บอกว่า กูจะเอาฟ้ามาขยี้...จำได้ไหม คุณยอดธง ทับทิวไม้ เขียนบทความเรื่อง พรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เขาใช้หัวข้ออย่างนี้ เขาบอกว่า ประชาธิปัตย์ บิดรแห่งการซุบซิบนินทาด่าแม่ และให้ร้ายป้ายสีคน นี่เขาพูดเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วนะ พี่น้องตามผมมา ตั้งใจฟังให้ดี นี่คือข้อเขียนของเขา และพี่น้องลองคิดดู ว่าที่เขาเขียนเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว รายละเอียดทุกอย่าง เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราในวันนี้ทุกประการเลยพี่น้อง

พี่น้องครับ เริ่มตั้งใจฟังนะ ภายใต้ส้นเท้าของทรราช หมูกำลังแพง ความสกปรกเลอะเทอะกำลังเกิดขึ้น เทศบาลกรุงเทพมหานครของนายชำนาญ ยุวบูรณ์ กำลังเป็นเสี้ยนหนามหัวใจประชาชนจนกลัดหนอง คนกรุงเทพทั้งหมดภาวนาว่า จะต้องมีเทวดาที่ไหนสักคน หรือกลุ่มหนึ่งเข้ามากวาดล้างมัน ไม่วันหนึ่งก็วันใด ท่ามกลางเสียงภาวนานั้น ก็เกิดมีเทวดากลุ่มหนึ่งเข้ามาประกาศว่า เขาและพวกคือเทวดาที่ประชาชนต้องการ จะเข้ามาบริหารกวาดล้างเทศบาลให้จำรัสโสภิณไปในชั่วพริบตาครับพี่น้อง เขาขุดค้นความชั่วของเทศบาลยุคนั้นขึ้นมาให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะกรณีที่ดิน 207 ล้าน

หยุดตรงนี้ก่อน สมัยนั้นเมืองกรุงเทพฯ ยังไม่มีผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าฯ กทม.คือ นายกเทศมนตรี คุณชำนาญ ยุวบูรณ์ เป็นผลผลิตของรัฐบาลทรราชย์ ถ้าเปรียบชำนาญ ยุวบูรณ์ ก็ไม่ได้ต่างกับทักษิณ ชินวัตร ที่ดิน 207 ล้าน คืออะไร สมัยก่อน ก่อนที่จะมีหมู่บ้านเสนานิคม เป็นหมู่บ้านแห่งแรกในประเทศไทย เราจะอยู่กันชั่วลูกชั่วหลาน จำได้ไหมโฆษณา คนที่อายุมากๆ จะจำได้ ที่ดินนั้น เขาซื้อที่ดินมาแล้วไม่มีถนนเข้าไป ชำนาญ ยุวบูรณ์ กำลังจะสร้างถนนเข้าไปให้ พรรคประชาธิปัตย์เลยโจมตีชำนาญ ยุวบูรณ์ เรื่องบริษัทสามัคคีค้าสัตว์ เรื่องราคาหมูที่แพงขึ้นพรวดพาด สมัยก่อนการฆ่าหมู หมูข้ามเขตไม่ได้ หมายความว่า หมูนครปฐมจะเข้ามาขายในกรุงเทพฯ ไม่ได้ ต้องส่งหมูเป็นๆ มาฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ที่เขาเรียกว่า บริษัทสามัคคีค้าสัตว์ แล้วอีกร้อยเรื่องพันเรื่องที่สารพัดชั่วในเทศบาลแห่งนั้น ที่เขาเองเต็มไปด้วยความเครียดแค้นและชิงชัง เขาประกาศอย่างโอหังบังอาจว่า เขาและพวกเขาจะเป็นผู้แก้ไขมัน และเป็นมหาปารมะเทวดาที่เข้ามาแก้ไขโดยเด็ดขาด เขาจึงสมัครเข้ามารับเลือกตั้งเพื่อเข้าไปจัดการในเทศบาล ให้เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ในทางการปรับปรุงและสร้างสรรค์ขึ้น

หลังจากที่เขาซุบซิบนินทา ด่าแม่ ให้ร้าย ประกาศก้องไปทั่วปฐพีแล้ว ประชาชนกรุงเทพฯ ก็เลือกเขาเข้าไปทำหน้าที่แทน เป็นผู้บริหารงานเทศบาล เป็นนายกเทศมนตรี เป็นเทศมนตรี เป็นทุกอย่างในเทศบาล ในนามของพรรคการเมืองยิ่งใหญ่ของชาติพรรคเดียวของเมืองไทยที่มีอายุนานที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์ ในระยะนั้นยังไม่นานเกินกว่าที่ใครจะลืม ถ้าคนกรุงเทพฯ ทุกคนไม่ปัญญาอ่อนเกินไป และไม่โง่เกินไป หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์เอง หากว่าจะไม่ถ่อยเกินไป ก็จะต้องยอมรับว่าการเข้าไปบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผลของมันมีอยู่อย่างเดียวคือ ความล้มเหลวอย่างน่าอับอายไม่เป็นท่า ทุกอย่างที่ตนพูด ทุกอย่างที่ตนเคยประกาศ โฆษณาอย่างโอหังบังอาจนั้น เป็นความเท็จและความตลบแตลงหาศีลสัตย์ไม่ได้เลยทั้งสิ้น พี่น้อง คุ้นๆ ไหมพี่น้อง กฎเหล็ก 9 ข้อ คุ้นๆ มะ และสิ่งที่พิสูจน์ว่าพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งของไทย คือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความรู้ทางด้านการบ้านการเมือง หรือ การบริหารประเทศใดๆ แม้แต่ส่วนย่อยอย่างเทศบาลแม้แต่นิดเดียว ก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจ เท่าที่พรรคประชาธิปัตย์พูด ก็เท่าที่พรรคประชาธิปัตย์ด่า และเท่าที่พรรคประชาธิปัตย์หวัง เป็นเรื่องคิดฝันตามอำเภอใจของตนเท่านั้น ประชาธิปัตย์จะต้องยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ถ้าพรรคนี้ มีสามัญสำนึกพอจะรู้ว่า ความรู้สึกละอายกรณีที่ควรละอายนั้น คือคุณสมบัติของลูกผู้ชาย

นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีความรู้ หรือประสีประสาอะไรในสิ่งที่ตนเองอ้างว่าทำได้ในการบริหารเทศบาลแล้ว การเข้าไปสู่เทศบาลครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงวิญญาณของตนออกมาให้ประชาชนเห็นคือ คอร์รัปชั่นและการแย่งกันกินอย่างเอาเป็นเอาตาย คุ้นๆ มะพี่น้อง พรรคประชาธิปัตย์มีลักษณะเหมือนเสือ ในสายตาของคน การที่เสือมันจะกินอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง มันต้องกินอย่างเสือ คือกินเนื้อ แต่เสืออย่างพรรคประชาธิปัตย์เมื่อเข้าเทศบาล ซึ่งไม่มีเนื้อมากนัก นอกจากกิ้งก่า แย้และตะกวด ประชาธิปัตย์ก็เริ่มกินตั้งแต่แย้เล็กๆ น้อยๆ จนถึงงานทำถนนที่จะเข้าสู่ที่ดิน 207 ล้านคือตะกวด เคยเจอพรรคการเมืองที่เขากินปลากระป๋องเน่าบ้างไหม ก็มีพรรคประชาธิปัตย์ ที่กินแม้กระทั่งปลากระป๋องเน่า

หนังสือพิมพ์มหาราชในยุคนั้น ได้สรุปบทบาทของการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไว้ว่า เรื่องการเรียกร้องเงินเก๋าเจียะเพื่อช่วยแผงลอยใต้สะพานลอยพระโขนง การเช่าแผงลอยตลาดท่ากลาง ปากคลองตลาด การยอมให้สิ่งปลูกสร้างล้ำเข้ามาในที่ดินสาธารณะ ถนนพระราม 4 แม้แต่การประมูลสร้างถนนในซอยเสนานิคม 1 เพื่อสร้างความเจริญและความมั่งคั่งให้แก่เจ้าของที่ดิน 207 ล้าน ในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อบริหารเทศบาลนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้เอากรณีที่ดิน 207 ล้าน มาเป็นจุดโจมตี พรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นความชั่ว และทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน จนตัวเองพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อาจจะทนดูดายได้ จะต้องเข้าไปทลาย ถล่มความชั่วร้ายนี้เสีย ประชาชนก็อนุโมทนาสาธุการอย่างพร้อมเพรียง

แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นพี่น้อง เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปบริหารแล้ว พรรคประชาธิปัตย์เองกลับเป็นผู้ขออนุมัติเงิน 8 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนเข้าสู่ที่ดินแปลงนี้ เพื่อช่วยให้ที่ดินที่คืนเจ้าของเดิมไปแล้ว มีราคาสูงขึ้นอย่างทันอกทันใจ เหมือนคนบางคน พอเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ก็ด่ารัฐบาลว่า ขายชาติขายแผ่นดิน พอตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ตัวเองก็ขายเสียเอง มันเป็นไปได้อย่างไร สมัยนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังขี้เปื้อนผ้าอ้อมอยู่เลย มันติดเชื้อมาได้อย่างไรพี่น้อง

นี่คือคำพูดของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ คณะเทศมนตรีชุด ร.ท.ถวิล ระวังภัย ก็คือ นายกเทศมนตรี ได้ใช้ให้บุคคลสำคัญที่นั่งอยู่ในที่ประชุมสภาคนหนึ่ง วิ่งเต้นขออนุมัติเงินจาก จ.พระนคร และกระทรวงมหาดไทย เอาเงินกว่า 8 ล้านบาท มาตั้งเป็นงบดำเนินการพิเศษ เป็นการด่วน มาตัดถนนจากพหลโยธินเข้าไปที่ดินซอยเสนานิคม 1 ต.จระเข้บัว อันเป็นที่ดิน 207 ล้าน และมีความสามารถอย่างยิ่ง เพราะสามารถวิ่งเต้นให้ได้เงินก้อนนี้มาได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ นี่แหละพรรคประชาธิปัตย์ เทวดาทางการเมืองที่ประชาชนยุคนั้นเคยหวัง และตะโกนบอกกล่าวแก่ประชาชนทั้งชาติถึงอัจฉริยะและความหวังดีต่อประเทศชาติของตน

คนอย่างผมอย่าแต่ขายชาติ อย่าว่าแต่มีสิทธิจะเป็นคนไทยเลย ถ้าขายชาติ ขายแผ่นดินในแผ่นดินไทย ผมก็ไม่มีสิทธิยืนได้ จำได้ไหม คุ้นๆ พี่น้อง เราจะไม่พูดถึงเรื่องหมู และการยกวงศาคณาญาติเข้าไปกินในโรงหมูของบริษัท สามัคคีค้าสัตว์ แต่เราพูดกันเพียงสั้นๆ ว่า ขนาดงานเทศบาล ซึ่งเล็กกระจิ๋วหลิวที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ยังได้แสดงวีรกรรมแห่งความรักชาติบ้านเมือง แบบโกงกินออกมาได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นระดับประเทศไทย ชาติแล้ว ประชาธิปัตย์จะทำอะไร และอย่างไร ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องนำมาคิดอีกว่า มันจะไม่ชั่วช้าและล้มเหลวอย่างน่าอับอาย อย่างที่เคยเป็นมาแล้วหรือไม่ บทบาทและพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีหลักฐานยืนยันและชัดแจ้งดังกล่าวนี้แหละ ที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช กล่าวออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดเด่นคือ เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด มีความต่อเนื่องมาตลอด ทุกคนได้ต่อสู้เสียสละในหลักการ เป็นเพื่อนประชาชนมาตลอด เป็นการกล่าวที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ถ้าการโกหกมดเท็จว่าจะทำไอ้นู้นไอ้นี่ ได้แล้วทำไม่ได้ เพราะความไม่รู้และคาดหมายเอาเองว่า งานบ้านงานเมืองเป็นเครื่องทดลอง อย่างการเข้าไปบริหารเทศบาล เป็นเรื่องการต่อสู้เสียสละ และเป็นเพื่อนกับประชาชนแล้ว คนไทยทั้งชาติ หรือประชาชนทั้งชาติ ก็โชคร้ายมากที่เกิดมีพรรคการเมืองที่มีคุณภาพต่ำที่สุดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ คนเราถ้ากินแย้ ขนาดค่าแผงลอยและเงินบริษัทก่อสร้างที่สร้างถนนพระราม 4 และถนนราคา 8 ล้าน เพื่อเอาไปมีส่วนรับใช้เจ้าของที่ดิน 207 ล้าน ที่ตัวเองโจมตีมาทั้งชีวิตและวิญญาณ เป็นการต่อสู้เสียสละ เป็นหลักการและเป็นเพื่อนกับประชาชนมาตลอด ถ้าอย่างนั้นแล้วคนไทยก็อาภัพ และโง่อย่างมหันต์ ที่ถือเอาหลักการหรือการเสียสละเหล่านี้มาไว้ในบ้านเมือง

มันเป็นเรื่องโกหกมดเท็จและการพูดของคนที่ไม่ยอมเกิดความละอายใจแก่ตนเอง นี่เป็นลักษณะพิเศษของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นมาตั้งแต่สมัยตลกโปกฮาของ นายควง อภัยวงศ์ เมื่อพูดในแง่วิชาการ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะขาดการจัดตั้ง ขาดการสร้างอุดมการณ์ในหมู่มวลชน ขาดการสนับสนุนและความเป็นผู้นำทางความคิด ปัญญาแก่บุคคลในชาติ และขาดที่สำคัญที่สุด คือการเป็นผู้นำประชาชนให้พ้นจากความกดขี่และความไม่เป็นธรรม

พี่น้องฟังตรงนี้ให้ดีๆ 40 กว่าปีที่แล้วมาถึงตรงนี้ ยังไม่มีอะไรผิดเลย แต่ตรงข้าม พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่รวบรวมของนายทุน ขุนนาง เจ้าของที่ดิน ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และรวมกลุ่มกันเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันตามแต่จะมีตามแต่จะได้ เพราะฉะนั้น การแสดงออกของพรรคประชาธิปัตย์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ หรือการทำหน้าที่ในรัฐสภา จึงทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้ที่จะให้ประโยชน์แก่ตนได้เท่านั้น คุณยอดธง ยกตัวอย่าง ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายคือ บทบาทในรัฐสภาเมื่อสมัยก่อนปฏิวัติ 17 พฤศจิกายน 2511 มีกฎหมาย 3 ฉบับ ที่ออกมาเพื่อทำลายผลประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน ที่พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนและรู้เห็นเป็นใจอย่างไม่น่าเชื่อ กฎหมายฉบับแรกคือ พระราชบัญญัติ CNES ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินการก่อวินาศกรรมทางการศึกษา และวัฒนธรรมขององค์การซีไอเอ ที่สุขุมวิท เป็นกฎหมายที่ทำลายเอกราช และอธิปไตยของชาติอย่างเลวทรามที่สุด แต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ให้การสนับสนุนแก่งานก่อวินาศกรรมของ ซีไอเอ แห่งนี้ ก็ยังดำเนินงานอย่างเป็นสุขสืบมาจนบัดนี้ โดยไม่มีเจ้าของชาติไทยคนใดสามารถแตะต้องได้

สอง ระหว่างนั้น มีบริษัทน้ำมัน 6 บริษัท ของอเมริกัน กำลังจะเข้ามาขอสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในประเทศไทย เป็นเหตุให้รัฐบาลไทยต้องเร่งกฎหมายเพื่อช่วยเหลือและเป็นทาสอเมริกันออกมาฉบับหนึ่ง เรียกว่า พระราชบัญญัติปิโตรเลียม ซึ่งเป็นหน้าที่กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ที่นายพจน์ สารสิน ต้องเป็นผู้เสนอ เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาโดยสะดวก และบรรจุข้อความอันเป็นประโยชน์ต่อบริษัท ของอเมริกันไว้ให้มากที่สุด เท่าที่จะได้ บริษัทอเมริกัน ซึ่งมีนักการเมืองไทยเป็นที่ปรึกษา ได้จ่ายเงินค่ายกมือให้แก่ใครคนหนึ่งไปเป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท พี่น้อง 40 กว่าปีที่แล้ว 2 แสนบาทนี่มันเยอะไหม มหาศาล ก็ปรากฏว่า กฎหมายฉบับนี้ ออกไปได้ง่ายดาย พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอ้างว่า ได้ต่อสู้เสียสละ ก็คัดค้านเพียงเป็นพิธีเล็กน้อย และวันนั้น คนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็ไม่ได้มาสภา

พ.ร.บ.อีกฉบับ คือ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเหลือคนยากคนจนที่เช่าบ้านอยู่อาศัยไม่ให้ถูกไล่ ถูกฟ้องร้อง หรือถูกเล่นงาน อย่างหมูอย่างหมา พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นเพื่อนกับประชาชนตลอด เป็นผู้นำเสนอร่างกฎหมายนี้มา เพื่อช่วยเช็ดน้ำตาให้คนจนคล้ายกับว่า ตัวเองมีสันดานเมตตากรุณาแก่ประชาชนอยู่ในน้ำในเนื้อ แต่เมื่อ พ.ร.บ.นี้เข้าสภา ถึงเวลาลงมติ รัฐบาลชนะไป 61 ต่อ 60 เสียง ซึ่งในคะแนน 60 เสียงนั้น ไม่ใช่คะแนนเสียงของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด เพราะวันนั้น พอลงคะแนนเข้าจริงๆ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เดินหนีออกจากสภา เสนอกฎหมายเพื่อหลอกประชาชน ว่ายืนข้างประชาชน แต่แอบจับมือนายทุนและตัวเองก็ไม่เข้าไปลงคะแนนเสียง เดินหนีไป

เจ้าของคอลัมน์หน้ากากการเมืองในเดลินิวส์ บันทึกไว้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ร่างกฎหมายควบคุมค่าเช่าขึ้นมาเอง เสนอต่อสภาเอง อภิปรายเอง แต่พอถึงคราวลงมติ กลับหลบลี้หนีหน้าในการลงมติเอาดื้อๆ เพราะเหตุใด ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ยอมทำในสิ่งที่ตนควรจะทำ และต้องกระทำ และการหลบหนีในการลงมตินั้น ได้ทำเพื่อประชาชน หรือรัฐบาลกันแน่ นี่คือพฤติกรรมพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ที่ได้ต่อสู้ เสียสละ เพื่อยืนหยัดในหลักการเป็นเพื่อนประชาชนมาตลอด และประชาธิปัตย์จะอ้างเสนอว่า เป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีเกียรติ ประชาธิปัตย์ไม่มีความละอายอย่างใด ที่จะอ้างอวดตัวเองออกมาล่อนจ้อนไม่เคยได้หยุด แต่ผู้ที่รู้จักความละอายได้แก่ นิสิต นักศึกษา กลุ่มหนึ่งในยุคนั้น ที่ร่วมอภิปรายถึงบทบาทของนักการเมือง และพรรคการเมือง

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2515 ที่ร้านศึกษิตสยาม นักศึกษากลุ่มนี้ตีแสกหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมองแต่เปลือกนอก ก็แสดงว่าเป็นฝ่ายค้าน แต่แท้จริงแล้วมีนักการเมือง หรือ ส.ส.ในสังกัดไม่น้อยที่คอยซูเอี๋ยกับรัฐบาล ปชป.แทบจะไม่สามารถแก้ปัญหาใหญ่ๆ ของบ้านเมืองได้เลย การบริหารงานเทศบาลของกรุงเทพ ของ ปชป. เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็นถึงความไร้สมรรถภาพอย่างดีที่สุด เพราะนับตั้งแต่ ปชป.เข้ามาบริหารงานเมืองหลวงเป็นต้นมา ไม่ได้ทำอะไรให้ประชาชนคนเมืองหลวงเลย พรรคประชาธิปัตย์มีแต่อยากดัง และคอยทะเลาะเบาะแว้งกับรัฐมนตรีเพื่อหาคะแนนนิยมเท่านั้น คุ้นๆ ไหมพี่น้อง ในทางวิชาการ หรือตามหลักการระบบการเมืองในโลกเขาทำกัน ประชาธิปัตย์มิได้เป็นพรรคการเมือง แต่เป็นก๊กที่ร่วมกลุ่มเข้ามาเป็นกลุ่มๆ หรือเป็นบุคคลที่มีอำนาจต่อรองทางผลประโยชน์ทางการเงิน ที่จะอาศัยชื่อการรวมกลุ่ม เป็นบันไดแสวงหาผลประโยชน์ หรือชื่อเสียงทางการเมือง ซึ่งแต่ละกลุ่ม ต่างขัดแย้ง แตกแยกไม่มีระเบียบวินัยมาตลอด

ฉะนั้น เมื่อสมัยจะมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในปี 2512 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรค ได้ป่าวร้องให้คนดีมีฝีมือเข้ามาเล่นการเมือง และสมัครเป็นสมาชิกพรรค นายสมพร จุรีมาศ สมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประณามความสกปรกของพรรคประชาธิปัตย์ว่า บ้านตัวเองยังปัดกวาดเช็ดถูกไม่สะอาด เรียบร้อย และจะเรียกให้คนอื่นเข้าบ้านตน ใครเขาจะมา พรรคประชาธิปัตย์เป็นก๊ก เพราะฉะนั้น ในแง่วิชาการ พรรคประชาธิปัตย์จึงขาดคุณสมบัติของการเป็นพรรคการเมืองที่สำคัญ 3 ประการ ประการที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทิศทาง หรือจุดมุ่งหมายที่แน่นอน 2. ไม่มีการนำ นี่เขาพูดมาตั้งแต่ 40 กว่าปีที่แล้วนะ พี่น้อง ประชาธิปัตย์ไม่มีการนำ

3.เพราะไม่มีคุณสมบัติทั้ง 2 ประการ จึงขาดการริเริ่ม เมื่อไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ทิศทางที่ประชาธิปัตย์แสดงออก จึงขึ้นอยู่กับจังหวะและการฉวยโอกาสทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ชอบฉวยโอกาสทางการเมือง พูดพล่อยๆ แล้วกล่าวเท็จ เช่น ชอบพูดว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นสังคมนิยมอ่อนๆ มีที่ไหน ลัทธิทางการเมืองและเศรษฐกิจการเมือง ย่อมไม่มีอ่อนไม่มีแก่ มันมีทฤษฎีและหลักเกณฑ์ตายตัว เมื่อมันจะเป็นทุนนิยม มันก็เป็นทุนนิยมไม่มีอ่อนไม่มีแก่ เมื่อจะเป็นสังคมนิยมก็เป็นสังคมนิยม จะแก่จะอ่อนก็เป็นไปไม่ได้ ลัทธิสังคมนิยม ไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกที่จะมาเปลี่ยนสีขนของตนเองเอาได้ตามฤดูกาล เมื่อไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว บทบาทและพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีลักษณะเอาตัวรอดอย่างเดียว เมื่อมีปัญหาสำคัญอันเป็นผลประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง เกิดขึ้น เฉพาะในยุคปฏิวัติรัฐประหาร เผด็จการขึ้นมาครองอำนาจ จะเห็นได้ทันทีว่า พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกคนสำคัญๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกระดับ จะหุบปากนิ่งทันที

แต่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเสมอเฉพาะในกรุงเทพฯ อะไรคือเหตุผล ตอบง่ายๆ พรรคนี้เป็นพรรครู้จักฉวยโอกาส และเก็งจังหวะอารมณ์ของประชาชนที่เกิดความไม่พอใจต่อระบอบการปกครองของทรราชย์ ความไม่พอใจนั้น ทำให้เกิดความกระวนกระวายที่ทางเซ็กซ์วิทยาเรียกว่า ต้องการบรรลุถึงจุดสุดยอด ออแกสซึ่ม ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์จึงฉวยโอกาสทำหน้าที่เป็นผู้บำบัดความใคร่ หรือเป็นคนชักว่าวให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมาเลือกตัวเอง เรียกได้ไหมว่าเป็น พรรคชักว่าวประชาชน การบำบัดให้ประชาชน ก็เลยออกวิธีการซุบซิบ นินทา ใส่ร้าย ด่าแม่ การปล่อยข่าว การป้ายสี การแสดงความกักขฬะ หยาบคาย เพื่อบำบัดความเครียดแค้นของประชาชน และการด่าถึงพ่อแม่ เป็นความชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้ายท่านปรีดีย์ พนมยงค์ ในโรงภาพยนตร์ว่า ท่านปรีดีย์ คือผู้ที่ลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 5 หรือใส่ร้าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ว่าเป็นคนพาคนไปตาย หรือใส่ร้ายหาว่า ผมนั้นบินไปเมืองนอกเพื่อรับเงินทักษิณมาล้มการชุมนุม เห็นหรือยังพี่น้องมันไม่เคยเปลี่ยนใช่ไม่ใช่พี่น้อง

พรรคประชาธิปัตย์จึงได้ถูกยกย่องในฐานะที่เป็นบิดาแห่งการซุบซิบ นินทา ด่าแม่ และใส่ร้ายผู้อื่น การหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ หรือในการปราศรัย เราจะพบข้อความเช่นนี้ ไอ้ตัวนี้แหละครับถ้าผมได้เป็นใหญ่เป็นโตวันไหนผมจะตัดหนวดมันออกเลย ประชาชนก็จะเฮ เฮ เฮ ไอ้รัฐบาลชุดนี้แหละครับหางมันงอกแล้วมีแต่หาง คนก็เฮ เฮ เฮ ยิ่งร้ายไปกว่านั้น ในการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อสมัยก่อน เลือกตั้งซ่อมในเดือนสิงหาคม 2514 สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง ได้นำเรื่องการสมสู่ระหว่าง นายควง อภัยวงศ์ กับคุณหญิงเลขา อภัยวงศ์ ออกมาเล่นเฮฮาต่อหน้าประชาชน โดยประกาศว่า คนที่ทำให้คุณหญิงเลขาเสียวก็มีคนเดียวคือ นายควง อภัยวงศ์ เท่านั้นเอง นี่แหละคือพรรคประชาธิปัตย์

พี่น้องครับ จะเห็นได้ชัดว่า ทุกอย่างที่เขาพูดมา 40 กว่าปีที่แล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย แต่เพื่อให้การจบเรื่องราวของพรรคประชาธิปัตย์ถูกต้อง เห็นจะต้องเอาข้อความสรุปคุณภาพของพรรคนี้ ด้วยกลอนสั้นๆ บทหนึ่ง ที่คุณยอดธง ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ กลอนเขียนว่า

“ได้ข่าวก็ค่อนข้างร้าวใจอยู่ ขอฝากสบู่มาให้ก้อนหนึ่ง ลูกทุ่งธาตุแท้ราษฎร์ เอนกายลงนอนพลางถอนใจ สงครามน้ำลายที่ปลายลิ้น จะช่วยชาติช่วยแผ่นดินได้ไฉน ข้าวเอ็งกินทุกเมื่อ ณ เหงื่อใคร เอ็งจะช่วยสังคมใหม่อย่างไรกัน เพียงชื่อพรรคก็ยังแย่งกันเหมือนหมา โอ้จะช่วยชาวนามันน่าขัน ฟอกตัวเองให้สะอาด เลิกฟาดฟัน เอ็งไปช่วยวอชิงตันเสียเถอะไป”

พี่น้องครับ วันนี้รู้ข้อเท็จจริงแล้วใช่ไหมว่า พ.ร.บ.การปิโตรเลียม ที่ร่างขึ้นมาสมัยพรรคประชาธิปัตย์อยู่นั้น คือ พ.ร.บ.ยกสมบัติน้ำมันของชาติไทยให้กับต่างชาติ และพี่น้องจำได้ไหม สมัยคุณชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ออกกฎ BIBF ให้แบงก์ต่างชาติเข้ามาตั้งในประเทศไทย แล้วกลืนทรัพย์สินของคนไทยไป ทำให้เกิดเหตุ IMF เข้ามา แล้วยังร่างกฎหมายขายชาติอีก 11 ฉบับ เสร็จเรียบร้อยแล้วมาถึงยุคนี้ ยุคคุณชวนยังร่าง MOU 2543 แล้วมายุคนี้ก็ดำเนินการใช้ MOU 2543 ขายชาติขายแผ่นดินให้เขมรและให้ฝรั่ง เพื่อฝรั่งจะได้มาทำน้ำมัน มหัศจรรย์ไหมพี่น้อง มันไม่เปลี่ยนแปลงเลย มันชั่วได้คงเส้นคงวา ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ รุ่นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ มาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ดีเอ็นเอมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว

พี่น้อง ถ้าเราเข้าใจแล้วเราต้องโหวตโนเท่านั้นเอง เพราะว่าอัปรีย์ไปจัญไรมา แล้วชอบพูดตลอดเวลา บอกว่า ไม่เลือกเราเขามาแน่ พี่น้องเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองมันเลว แต่คนที่ปล่อยให้เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองแล้วช่วยเสื้อแดงประกันตัวออกมา เลวกว่าใช่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นการแสดง ฉันทามติ การโหวตโน คือการแสดงพลังเงียบเพื่อสั่งสอนพวกนักการเมือง และพรรคการเมืองสัตว์นรก เพราะว่าเลือกอย่างไรอัปรีย์ไปจัญไรมา เพราะฉะนั้นแล้วต้องออกไปให้หมดทั่วประเทศ สั่งสอนมัน บอกพี่น้องเรา บอกเพื่อนฝูงเรา บอกว่าต้องโหวตโน ต้องโหวตโนเพื่อสั่งสอนมัน

พี่น้องครับ ต้องขออภัยแทนพี่ปุ่น เรื่องเหรียญ แต่กำลังสั่งทำล็อตใหม่ ปลุกเสกใหม่ พี่น้องครับขอฉันทานุมัติพี่น้องก่อน เงินที่ได้มา 3 ล้าน ครึ่งหนึ่งเราขออนุญาตพี่น้องว่า เราจะเอามาตั้งเป็นกองทุนเขาพระวิหาร ใช้จ่ายในการชุมนุมทุกวัน อีกครึ่งหนึ่งเราขอตั้งเป็นกองทุนที่จะดำเนินการส่งเสริมให้มีการโหวตโนทั่วประเทศ ถ้าใครเห็นด้วยปรบมือหน่อย

ขอบคุณครับพี่น้อง ที่ผมได้มา เหงื่อแตกพลั่กเลยตอนนี้ รู้สึกว่าไข้จะเริ่มกระจายออกมาแล้ว พี่น้องก่อนจะถึงพันธ์ คูณมี เรามาไล่กันซิว่ามีใครมาบ้าง...ชูหน่อย ท่ายางเพชรบุรี สมุทรปราการ กาไม่เลือกใคร พัทยาพันธมิตรฯ นาเกลือ บางคอแหลมไม่ชนะไม่กลับ น่าน กาญจนบุรี กำแพงเพชร จันทบุรี อ.นายายอาม พันธมิตรฯ ลพบุรี ภูเขียว พันธมิตรฯ นาหม่อม บ้านบึง เชียงดาว เชียงใหม่ ASTV Shop ชลบุรี ราชบุรี พันธมิตรฯบางสะพาน ซานฟรานซิสโก โหวตโน สุราษฎร์ธานีไม่เอาเทพเทือก ศรีสำโรงสุโขทัย นครปฐม พันธมิตรฯปทุม อุตรดิตถ์ พันธมิตรฯคลองสาน ตาคลี กรุงเทพฯ ลำปาง อุทัยธานี สมุย ฉะเชิงเทรา เลือดสุพรรณมาทวงคืนแผ่นดิน อ่างศิลาชลบุรี ศรีราชา ปราจีนบุรี พิจิตร แม่สาย มุสลิมบ้านครัว อัสสลามุอะลัยกุม ลพบุรี พันธมิตรฯโคราช ยโสธร พี่น้องครับ เชียงใหม่ พี่น้องครับโหวตโน ประจวบคีรีขันธ์ พี่น้องครับโหวตโน โหวตโน โหวตโน โหวตโน พี่น้องครับต้องช่วยกัน มีเพื่อนกี่คน อธิบายง่ายๆ พี่น้อง บอกสั้นๆ ว่า อัปรีย์ไปจัญไรมา เพราะฉะนั้นจะโหวตโน ถ้ามันบอกว่า แล้วถ้าไม่เลือกเราเขาก็มา บอกว่าเขามาดีแล้วกูไม่เป็นกันชนให้มึงอีกต่อไป มึงก็เจอไปเต็มๆ เลย อธิบายว่า เสื้อแดงเผาเมืองนั้นเลว แต่คนที่ปล่อยเสื้อแดงเผาเมืองและช่วยเสื้อแดงประกันตัว เลวกว่า”


กำลังโหลดความคิดเห็น