“เพื่อไทย” ได้โอกาสรุมอัด “มาร์ค” โวยขีดเส้นยุบสภา ขณะกม.ประกอบยังลูกผีลูกคน ขู่ทำลวกๆ บ้านเมืองอาจลุกเป็นไฟ แนะกกต.ตั้งสติอย่าสนองตัณหารัฐบาล หนุนลดวันเลือกตั้งล่วงหน้าเหลือ 1 วัน อ้างเปิดช่องซื้อสิทธิขายเสียงอื้อ พร้อมร่วมแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่
วันที่ 23 มี.ค.2554 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณารหลักการวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ จากการเสนอของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ฉบับที่... พ.ศ. ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฉบับที่... พ.ศ... และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่ ... พ.ศ... โดยมีหลักการและเหตุผลสำคัญ คือ มีการแก้ไขเพิ่มเติมนิยามเขตเลือกตั้ง ยกเลิกคำนิยามกลุ่มจังหวัด เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบชองสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 500 คน โดยแบ่งเป็นส.ส.แบบเขต 375 คน และระบบบัญชีรายชื่อ 125 คน แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของกกต.ในส่วนที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง และเปลี่ยนคำว่าการเลือกตั้งแบบสัดส่วนเป็นการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ยังมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ฉบับที่... พ.ศ. ของนายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เสนอประกบเข้ามาด้วย ซึ่งสาระสำคัญคือเสนอให้ลดจำนวนวันเลือกตั้งล่วงหน้าเหลือเพียง 1 วัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับหลักการและเหตุผลในการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างอภิปรายสนับสนุนร่างของนายพีระพันธุ์ที่มีการลดวันเลือกตั้งล่วงหน้าเหลือ 1 วัน เพราะถือเป็นจุดอ่อนเปิดโอกาสให้มีการซื้อเสียงอย่างถูกกฏหมาย ยากจะตรวจสอบได้ จึงจะเป็นช่องทางที่ช่วยลดการทุจริตเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มองว่าการกำหนดวันยุบสภาก่อนที่ร่างกฏหมายที่มารองรับการเลือกตั้งไม่ผ่านสภา จะทำให้เกิดปัญหาตามมา นอกจากนี้ยังวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของกกต.ว่าไม่อยู่บนความเป็นธรรม และ กกต.ไม่มีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เพราะมาจากรัฐธรรมนูญปี 50 โดยผู้ถือปืนเป็นคนออกแบบ ท่ามกลางข้อครหาต่างๆ
นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญจะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา แต่กระบวนการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับเป็นกระบวนการของสภานิติบัญญัติ แต่นายกฯ กลับออกมายืนยันได้อย่างไรว่าจะมีการยุบสภาก่อนวันที่ 10 พ.ค. เพราะเมื่อพิจารณาร่างกฏหมายเสร็จก็ต้องส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญอีกหากมีเหตุบางประการให้ไม่เสร็จ จะโยนไปให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ออกระเบียบเองใช่หรือไม่ หากมีคนไปร้องว่าระเบียบที่กกต.ออกมาไม่ชอบ นายกฯ ต้องรับความผิดทางการเมืองถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ถือว่ามีความพยายามแล้ว เสนอกฎหมายเข้าสภาถือว่ากตต.มีความรับผิดชอบสูงสุดเกิดขึ้นแล้ว แต่นายกฯ เลือกที่จะทำผิดด้วยการยุบสภาในขณะที่ไม่มีความพร้อมทางกฏหมาย
ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตน เห็นด้วยกับการแก้ไขทั้ง 3 ฉบับ แต่ ตั้งข้อสังเกตถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าว่า รัฐธรรมนูญมี วัตถุประสงค์จริงๆให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ก็มีการตีความให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า จนเป็นที่มาของการก่อให้เกิดการทุจริต ซื้อสิทธิขายเสียงล่วงหน้าได้ แม้จะเป็นการให้โอกาสกับคนที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งได้ แต่หลักทฤษฎีกับหลักปฏิบัติไม่ไปด้วยกัน ที่ผ่านมามีบางกลุ่มบางพรรคเกณฑ์คนไปเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่สามารถป้องกันได้เลย เพราะกกต. ไม่มีอำนาจไปบังคับไม่ให้ไปใช้สิทธิล่วงหน้า และยังมีการเปิดโอกาสรณรงค์ให้ออกไปใช้สิทธิล่วงหน้า จนเกิดปัญหาซื้อสิทธิขายเสียง มีความกังวลว่าจะมีการเปลี่ยนหีบบัตรถึงขั้นต้องมีการเฝ้าหีบ ทำให้ภาพลักษณ์ไม่ดี จึงควรจะมีระเบียบที่ชัดเจนว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไปใช้สิทธิล่วงหน้าไม่ได้
นอกจากนี้ ตนเห็นด้วยกับการให้ลดจำนวนวันเลือกตั้ง หากไม่สามารถบังคับใช้กฏหมาย หริอปิดช่องทางได้มาก ก็ยังช่วยลดปริมาณการทุจริตน้อยลงได้บ้าง แต่ถ้ามีการกำกับลงไปว่า ถ้าตรวจสอบว่ามีบางคนไปใช้สิทธิล่วงหน้าแล้วออกมาชูหน้าสลอนในวันเลือกตั้งทั่วไป ก็น่าจะมีบทลงโทษ หรือถ้ายกเลิก โดยให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าเฉพาะคนไทยนอกราชอาณาจักรก็จะเป็นการดี
ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ กล่าวถึงการแบ่งเขตลือกตั้งใหม่ว่า การเปลี่ยนจากเขตใหญ่ให้เป็นเขตเล็ก ถ้ามีการชี้นำจะเกิดการไม่ยุติธรรม และเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีบทบาท หรือมีอำนาจ อิทธิพล ไปชี้นำแบ่งการเขตเลือกตั้ง จึงควรจะมีการเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมพิจารณาในการแบ่งเขคเลือกตั้งด้วย อย่างน้อยก็ได้รับทราบที่มาที่ไปร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้ กกต.แบ่งเขตตามใจคนบางคนหรือบางพรรค
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 1 วัน เพราะจะเป็นการลดความไม่สุจริตได้ส่วนหนึ่ง เพราะ กกต.เองก็เคยให้ความเห็นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่สามารถควบคุมให้มีความเที่ยงธรรมเหมือนเลือกตั้งทั่วไปได้ ถือเป็นข้อด้อย เรื่องเหตุผลที่ไปใช้สิทธิล่วงหน้า 2 วันมีคนไปเป็นหมื่นๆ ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะเจตนาจริงๆ ต้องการให้ที่ไม่สามารถมาได้จริงๆ แต่กลับนำไปสู่การทุจริตการเลือกตั้ง หลายครั้งที่คะแนนเลือกตั้งทั่วไปสู่สี แต่พอเอาผลคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าไปบวกทำให้ชนะ หรือ แพ้ทันที
นายสภาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สภาไม่ควรผ่านกฎหมายอย่างลุกลี้ลุกลน ตนขอเตือนว่าระวังทำอะไรลวกๆ แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ อยากถามว่าการที่นายกฯประกาศจะยุบสภาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ กกต.ไม่มีการซักซ้อมรับมือหรือ มีความพร้อมแล้วหรือ ที่สำคัญ กกต.จังหวัดที่จะหมดอายุเดือนกรกฏาคมนี้จะทำอย่างไร กกต.ชุดใหญ่ในกรุงเทพฯ ไม่เข้าใจว่าปัญหาคุกกรุ่นขนาดไหน อยากให้มีการตั้งสติ การเสนอกฎหมายไม่ควรมีนัยสนองตอบฝ่ายบริการ กกต.ต้องมีความเป็นอิสระ ที่ผ่านมาต้องยอมรับมีหลายสิ่งที่คาใจสังคม ที่ กกต.ต้องเตรียมคำตอบให้ได้ ถ้าพลาดนิดเดียวมีสิทธิ์ติดคุกเหมือน กกต.ชุดเก่าๆ
“อยากให้ กกต.ตั้งสติ อย่าลุกลี้ลุกลน ไม่ใช่มาคอยจับเฉพาะนักการเมืองต้องจับพวกของท่านด้วย ดูโครงสร้างองค์กรแล้วหรือว่าสามารถรองรับการเลือกตั้งใหญ่ได้หรือไม่ วางแผนไว้รับมืออย่างไร พวกผมไม่หวั่นอยู่แล้ว ระฆังยกแรกก็สู้กันแล้ว แต่ กกต.จะเอาอย่างไร เตรียมกำลังคนที่จะมาแทน กกต.จังหวัดที่จะไปยกชุดอย่างไร”
นายสถาพรยังเสนอว่า ควรจะยกเลิกการเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะไม่เห็นความจำเป็น มีธุระอะไรถึงมาเลือกตั้งล่วงหน้า 3 หมื่นคน มีการเอารถปื๊กอัพขนคนมาท่วมท้น กกต.ไม่สงสัยเลยหรือ แต่ตนสงสัยว่ามีนัยยะซ้อนเร้าปกปิดอำพราง ประเด็นการเปลี่ยนหีบ สมมติมีการเอาหีบไปไว้ในค่าย หรือเกณฑ์คนมาเลี้ยงขนมจีนเสร็จแล้วไปลงคะแนนในค่ายจะทำอย่างไร
“หวังว่า กกต.จะไม่ถอดใจชิงลาออกก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง สมมติลาไปซักสามคนยุ่งแน่เพราะนายกฯยุบสภาแล้ว สภาก็ไม่มีจะทำอย่างไร กกต.ต้องออกมายืนยันว่าไม่ลาออก จะทำหน้าที่ต่อไป ไม่ใช่ว่ามีมือที่มองไม่เห็นมาบีบให้ลาออกไปจะยุ่งแน่ ยิ่งที่ข่าวลือต่างๆ เช่นเรื่องปฏิวัติอยู่หนาหู ถ้า กกต.เอียงนิดเดียวจะเป็นจุดชนวนให้สังคมระแวงสงสัย และการปรองดองก็จะทำไม่ได้”
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีการประมูลงานเกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็วๆนี้ เช่นพาคนไปดูงาน เอาเงินหลวงมาซื้อเสียง กกต.จ้องจับผิดแต่ ส.ส. แต่ผู้ที่จะสมัครกลับไม่มีการตรวจสอบ ต้องเปลี่ยนความคิดไม่ใช่จ้องจับเฉพาะซื้อเสียง
นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กกต.ควรเน้นเรื่องการป้องกันซื้อสิทธิขายเสียง เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ผู้แทนดีดีเข้ามาสภา การเมืองไทยจะได้พัฒนา แต่มีความเป็นเรื่องห่วงหลักเกณฑ์ของ กกต. ควรจะมีการระบุออกมาให้ชัดเจนว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อให้ผู้จะลงสมัครได้รับทราบล่วงหน้า และกรณีบางพรรคการเมืองที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อมีการเลือกตั้งมักจะมีการเคลื่อนไหวขัดขวางการเลือกตั้ง กกต.ควรเข้มงวดกำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน