xs
xsm
sm
md
lg

“เดอะน้อย” รับใบสั่งขวาง พธม.บุกค้านถก JBC โชว์ กม.มั่นคง ขู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ผบ.ตร.รับบัญชาเดินหน้าขวางผู้ชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องช่วงการประชุมพิจารณารับร่างเจบีซี แต่งัด 2 มาตรฐาน สั่ง ตร.หางแถวห้ามเดินตามนักการเมืองหาเสียง ขู่ส่งไปรับราชการแดนไกล รับลูก รบ.จัดวาระเข้าสู่การเลือกตั้ง กล่อมแกล้มสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลาย มั่นใจ ศอ.รส.บังคับใช้กฎหมายมั่นคง สยบผู้ชุมนุมอยู่หมัด

วันนี้ (23 มี.ค.) ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในวันที่ 25 มี.ค. ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะมาชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อคัดค้านการพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) 3 ฉบับ ว่า ระหว่างนี้สภากำลังประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งตนเชื่อว่าร่างกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่หมวดของการเลือกตั้ง จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง ตำรวจก็จะเตรียมความพร้อมดูแลความสงบและความเรียบร้อยในแต่ละพื้นที่ ตนคิดว่าฝ่ายใดก็ตามที่มายื่นข้อเรียกร้องในสภา ก็คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และหวังว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหากพันธมิตรฯ มายื่นข้อเรียกร้องคงจะไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากเข้ามาอยู่ในบริเวณรัฐสภา และทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ก็คงไม่อนุญาต เว้นจะส่งตัวแทนมายื่นข้อเรียกร้อง อย่างที่เคยกระทำ ทั้งนี้ตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน 7 เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเขตหวงห้ามต่างๆ ก็ไม่เคยอนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้ามา

ผู้สื่อข่าวเมื่อถามว่า จะมีการเตรียมกำลังเพื่อดูแลบริเวณรัฐสภาหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ต้องเตรียมอย่างแน่นอน ซึ่งมีการเตรียมกำลังมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.เพราะต้องป้องกันผู้ที่มากระทำการความไม่สงบเรียบร้อยที่กระทบต่อความมั่นคง เมื่อถามต่อว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าวันศุกร์ (25 มี.ค.) นี้จะเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชนหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ต้องขอเรียนประชาชนให้ทราบว่า หากจะเดินทางเข้ามายังบริเวณรัฐสภาในช่วงการประชุมสภา ทาง ศอ.รส.คงไม่อนุญาตให้เข้ามา และหากจะส่งตัวแทนก็ควรประสานกับเจ้าหน้าที่รัฐสภา หากทางประธานรัฐสภาไม่ออกมารับข้อเรียกร้อง หรือไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาก็จะขอเตือนประชาชนไว้ก่อน ฉะนั้น ตนคิดว่า จะไม่มีประชาชนทราบเข้ามาบริเวณรัฐสภา

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการพูดคุยกับทางแกนนำพันธมิตรฯ ก่อนวันที่ 25 มี.ค.หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า จะมีการประสานและประกาศให้ทราบ ซึ่งวันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 15.00 น. ทางโฆษก ศอ.รส.ก็ได้ประกาศและชี้แจงให้กลุ่มผู้ทราบไปแล้วว่า จะไม่มีการมาชุมนุมบริเวณรัฐสภา เมื่อถามว่า คิดว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะฟังประกาศของ ศอ.รส.หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า คิดว่าเขาคงฟัง ส่วนจะเชื่อและนำไปปฏิบัติหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะชี้แจงให้ทราบ เมื่อถามต่อว่า หากผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเข้ามาชุมนุมบริเวณรัฐสภา ตำรวจจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าไปชี้แจง

เมื่อถามว่า หากมีบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนเวลาเลือกตั้งจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า คนที่หวังดีต่อบ้านเมือง คงไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหา มีความมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะมี พ.ร.บ.ความมั่นคง มีข้อกฎหมาย มีกองกำลังที่พร้อม และตนมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คงจะเป็นกำลังสนับสนุนให้ตนได้รักษากฎหมาย ให้เป็นไปด้วยความสงบ นำไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง และคนส่วนใหญ่ก็จะได้ความสงบเรียบร้อย

เมื่อถามว่า ช่วงการเลือกตั้ง มีความเป็นกังวลหรือไม่ว่าเกิดความรุนแรง ถึงขั้นเด็ดหัวคะแนน คิดว่าจะสามารถดูแลได้หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้สั่งการไปที่ พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา รอง ผบ.ตร.ดูแลเรื่องเหตุที่จะก่อความรุนแรง โดยไปสืบหาข่าวกับกลุ่มหัวคะแนน หรือผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ที่จะก่อเหตุในลักษณะอย่างที่ว่า เพื่อขจัดคู่แข่งขันทางการเมือง หรือถึงขั้นทำร้ายร่างกายและทำลายชีวิตกัน ซึ่งต้องเรียกเข้าไป บังคับยับยั้ง หรือเข้าไปตรวจสอบสแกน และขณะนี้ก็เริ่มสแกนแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อถามว่า มีสัญญาณอะไรหรือไม่ที่จะบ่งบอกว่า จะมีการเด็ดหัวคะแนน พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการแข่งขันในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง ส่วนพื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษนั้น ขณะนี้ได้ให้ พล.ต.อ.ภานุพงศ์ ดูแลอยู่ และจะประเมินด้วยว่าจะใช้กำลังอย่างไร ส่วนศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ก็ได้เตรียมตัว ที่จะปรับความพร้อมให้เข้ากับสถานการณ์เพราะเมื่อก่อนนี้ตนได้มอบให้รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่งเป็นผู้อำนวยการ แต่คราวนี้ตนจะเข้าไปควบคุมเอง ซึ่งจะมีมาตรการความพร้อมมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือเป็นจุดที่ต้องระวังมากที่สุดใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ครับ หลายพื้นที่ ขอเวลาในการจัดเตรียมดูแลพื้นที่ก่อน ส่วนจะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเลือกตั้งหรือไม่นั้น จากนี้ไปเมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ที่มีการกำหนดวันที่แน่นอน ก็จะทำให้สถานการณ์การเมือง การชุมนุมจะคลี่คลายลง และการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันแม้จะมีการยุบสภาก็ยังจะชุมนุมต่อไป เพราะยังไม่ได้รับตามข้อเรียกร้องนั้น คงจะต้องดูกัน แต่ตนประมาณว่า ถ้าข้อเรียกร้องไม่มีเหตุ ไม่มีผล และไม่ช่วยส่งเสริมให้พัฒนาชาติบ้านเมือง ตนคิดว่าข้อเรียกร้องคงไม่เป็นสิ่งที่เรียกแขกเรียกคน เข้ามาชุมนุมได้มากมายอะไร

เมื่อถามว่า ปัญหาการชุมนุมยังอยู่ การประกาศพื้นที่ความมั่นคงนั้นยังคงประกาศอยู่ตลอดหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ก็แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าเกินกว่าจะควบคุมให้อยู่ในความสงบเรียกร้อยได้ ก็คงจะเป็นเรื่องของมาตรการที่เข้มข้นขึ้น

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถูกครหาว่ากลายเป็นคน ที่ช่วยนักการเมืองซื้อเสียง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำอย่างไรให้พ้นข้อครหาดังกล่าว พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ขอเรียนว่า ในปี 50 ตนได้เป็นผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้ง ลงคะแนนเสียงประชามติ ถ้ามีเหตุการณ์อย่างที่ว่าและมีหลักฐานอย่างชัดเจน จะมีการดำเนินการอย่างเฉียบขาด การที่ขอตำรวจไปเดินตามการเมืองสามารถทำได้ในกรณีการรักษาความปลอดภัย และจะต้องจัดเป็นระบบในการร้องขอที่เป็นเกณฑ์ และถ้าตำรวจรายใดที่ไปโดย ไมได้รับอนุญาต ไม่มีคำสั่งผู้บังคับบัญชา จะถูกตรวจสอบ ไม่ว่าจะทางวินัยหรืออาญาก็แล้วแต่ และตนขอเรียนว่ากฎหมายการเลือกตั้ง หรือ พ.ร.บ.ซึ่งได้มาด้วย ส.ว.-ส.ส.หรือกฎหมายอันใดที่มาจาก กกต.ถ้ามีผู้ที่ที่ขัดขวางก็จะมีโทษรุนแรง

เมื่อถามว่า จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมืองทางฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตำรวจในยุคนี้เป็นกลไกของรัฐที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย หรือความโปร่งใส เป็นธรรมและเสมอภาค เพราะฉะนั้นความเป็นกลางจึงไม่มีปัญหา สำหรับการคาดโทษที่เป็นรูปธรรมนั้น เช่น ทำการตรวจสอบให้ชัดเจน และส่งไปรับราชการที่อื่นก่อน เช่นความผิดโดยไปเดินตามนักการเมือง และถือเงินตามหรือไม่แจกเงินด้วยหรือไม่ ถ้าผิดกฎหมายก็ว่ากันตามกฎหมาย ส่วนโทษทางอาญาก็ดำเนินการ ซักต่อว่าการพิสูจน์ที่ยากนั้นจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องพิสูจน์กัน และการกล่าวหากันลอยๆ ไม่ได้

เมื่อถามย้ำว่า เอาจริงใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ผ่านมา คงตรวจสอบได้ และหากในพื้นที่ที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่มีใครกล้านำไปร้องเรียน นั้นพี่น้องประชาชนต้องช่วยเป็นหูเป็นตา
กำลังโหลดความคิดเห็น