xs
xsm
sm
md
lg

พธม.แฉบิ๊ก ตร.ชง “มาร์ค” ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างเงื่อนไขปราบ แลกนั่ง ผบ.แทน “วิเชียร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
โฆษกพันธมิตรฯ เผยยื่น ป.ป.ช.ฟันนายกฯ ผิด ม.157 ใช้ พ.ร.บ.มั่นคงมิชอบ กลั่นแกล้งประชาชน เตือนตำรวจสลายม็อบไร้คำสั่งนักการเมืองระวังซวย แฉบิ๊กกากีชงนายกฯ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปราบ ซ้ำเสนอตัวนั่งรักษาการแทน “วิเชียร” เพื่อสลายม็อบ จี้รัฐรับผิดหากเกิดเหตุ



วันนี้ (17 มี.ค.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 มี.ค.) ตนจะเข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษษความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และพวก ว่าได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในกรณีที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคง) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่พบเหตุการณ์ความไม่มั่นคงในการประกาศใช้กฎหมายที่เกินกว่าเหตุนี้ เป็นเพียงการออกประกาศกฎหมายเพื่อป้องกันความมั่นคงของรัฐบาล ไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐ

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ทั้งยังเป็นการใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งประชาชนที่มาชุมนุมโดยสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ไม่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งขัดต่อมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงเอง อีกทั้งการประกาศพื้นที่ความมั่นคงที่เลือกปฏิบัติ บังคับใช้เฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ตั้งมาตรา 6, 26-29, 34, 45, 63, 70-71 และมาตรา 87(2-4) รวมทั้งขัดมาตรา 3 และ 7 (4) ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงอีกด้วย ที่สำคัญการออกหมายเรียก 10 แกนนำก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ที่ออกหมายเรียกไม่ได้มีหน้าที่ตามมาตรา 5 (7) ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ความมั่นคง

“ขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีความอาญาต่อนายกฯ และพวกทั้งหมดที่กระทำการลุแก่อำนาจ ทำเกินกว่าเหตุ และใช้กฎหมายละเมิดสิทธิ ขัดขวางการทำหน้าที่ของภาคประชาชนที่ออกมาปกป้องอธิปไตยของชาติโดยสุจริต” นายปานเทพกล่าว

ในส่วนของการดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น นายปานเทพกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสั่งการ ยังไม่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติการที่เข้ามาปิดล้อมพื้นที่การชุมนุม แต่หากยังมีความพยายามใช้กำลังสลายการชุมนุมอีก จะเริ่มดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงขอเตือนว่าหากไม่ได้รับคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากฝ่ายการเมือง ผู้ปฏิบัติต้องรับผิดทางอาญาในอนาคตด้วย

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีกระแสข่าวว่ามีนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งเสนอต่อนายกฯถึงการจัดการกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ โดยมาตรการที่เด็ดขาดคือ การประกาศใช้พระราชกำหนดรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดยตนทราบมาว่านายกฯจะพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) เพื่อหวังใช้สำหรับเพิ่มโทษทางอาญาแก่ผู้ชุมนุม แกนนำ หรือผู้ปราศรัย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่สามารถใช้กำลังจับกุมได้ทันที ซึ่งทำให้ตนมีความเป็นห่วงเนื่องจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องมีการอ้างเหตุที่มีระดับสูงกว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุอันสมควร จึงเกรงว่าจะมีขบวนการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเชื่อว่าสถานการณ์เข้าสู่การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะวันนี้รัฐบาลได้เป็นคนเปิดพื้นที่การจราจรเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม โดยไม่มีการตรวจสอบอาวุธหรือความปลอดภัย

“ดังนั้น หากเกิดสถานการณ์ใดจนเป็นเหตุอ้างในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังทำให้ได้ทราบอีกว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบแห่งชาติ (ศอ.รส.) ไม่สามารถไล่ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ได้ตามกำหนดวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงได้มีนายตำรวจระดับนายพลเสนอตัวต่อฝ่ายการเมือง เพื่อให้โยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียรไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และนายตำรวจผู้นั้นจะทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.แทน โดยอ้างสิ่งตอบแทนในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ให้ได้ ทั้งยังอ้างถึงความสัมพันธ์อันดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่สามารถเจรจาให้ยุติการชุมนุมได้

โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยอีกว่า นายพลตำรวจคนนี้ยังอ้างอีกว่า หากมีการเลือกตั้งจะทำหน้าที่ดูแลเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่พรรคการเมืองบางพรรคทั่วทั้งประเทศ และมีการเสนอการสนับสนุนทางการเงินให้แก่พรรคการเมืองดังกล่าวเพื่อใช้เป็นทุนในการหาเสียงเลือกตั้งอีกด้วย จึงขอให้จับตาว่ามีขบวนการในการตั้งรักษาการ ผบ.ตร.หลังจากนี้หรือไม่

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้เห็นว่ามีผู้ไม่หวังดีต้องการก่อเหตุความรุนแรง โดยเฉพาะการจับกุมกลุ่มบุคคลที่พกพาอาวุธสงครามก่อนการชุมนุมเพียง 1 วัน ที่อ้างว่าจะมาก่อเหตุวุ่นวายต่อการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีผลทางคดีใดๆ ออกมา จึงอยากสอบถามว่าคดีดังกล่าวดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งนายตำรวจที่เข้ามามีบทบาทในครั้งนั้นก็เป็นผู้เสนอตัวกับฝ่ายการเมืองที่จะมาทำหน้าที่จัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ด้วย

“พวกเราได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความพยายามในการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน เป็นเกมชิงอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการอาสาตัวรับใช้ฝ่ายการเมืองของนายตำรวจที่มีความใฝ่ฝันจะขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. แม้จะเป็นเพียงแค่รักษาการก็ตาม” นายประพันธ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น