บรรยากาศ การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 22 มี.ค. บรรดาประชาชนที่ตื่นรู้ทางการเมืองเห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล ขายชาติ บริหารประเทศทุจริตอย่างมโหฬาร ออกมารวมพลังต่อต้านอย่างหนาแน่น ส่วนความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้มีรถน้ำมาจอดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเรียบร้อยแล้ว คาดอาจใช้สลายผู้ชุมนุมในคืนนี้
สำหรับการปราศรัยบนเวที นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล้าวทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า ได้ไปยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ต่อนายกฯ และสมาชิกสภา รวมถึงศาลปกครอง กรณีออกพ.ร.บ.ความมั่นคงไม่ชอบ มีคนถามตนว่าไม่เห็นหรือ ป.ป.ช. มีคดีล้้นมือขนาดไหน ชี้มูลความผิดรับบาลชุดนี้ไม่ได้แม้แต่คดีเดียว ตนก็บอก ว่า ไม่แน่เสมอไป ตราบใดที่เรายังไม่ทำจนถึงที่สุด ตราบนั้นเรายังมีความหวังตลอดเวลา ที่เราไม่หมดความหวัง ขณะนี้ทหารไทยดูเหมือนเริ่มแสดงท่าทีไม่ยอมรับที่จะให้ทหารอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์ ทำให้เห็นภาพทหารตึงเครียด ฝึกซ้อมรบบริเวณชายแดนมากขึ้น
มีคนถามตนว่าไม่เหนื่อยบ้างหรือ ก็ยอมรับว่าเหนื่อย ต้องอดหลับอดนอนร่วมเขียนสำนวนกับทีมทนายพันธมิตรฯ เขียนบทความ อีกทั้ง ป.ป.ช. ไม่เป็นความหวังพึ่งได้ กระบวนการศาลล่าช้า ส่งหนังสือให้ ส.ส. -ส.ว. เขาก็ไม่ฟังเรา ที่ตนมีกำลังใจทุกวันนี้ ก่อนนอนจะดูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงงานหนัก เพราะไม่อยากให้มาสูญเสียแผ่นดินในรัชกาลที่ทรงทศพิธราชธรรมเช่นนี้ กับแรงบันดาลใจที่ได้จากหนังสือพระมหาชนก ว่ายน้ำอย่างไม่ย่อท้อแม้จะมองไม่เห็นฝั่ง ฉะนั้นเราจะสู้อย่างมีพลัง ไม่หมดหวัง
ขณะที่ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวเพียงสั่นๆ ด้วยใบหน้ัาเปื้อนน้ำตา ว่า ข้าพระพุทธเจ้าก็จะทำจนสุดความสามารถ เพื่อพระองค์ท่าน
ส่วน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ตรงนี้ ว่า ตั้งแต่ครั้งชุมนุม 193 วัน ไม่ว่าจะโดนอะไรก็ไม่เคยได้ยินคำท้อแท้จากท่านเหล่านั้นเลย กับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไม่เคยเห็นท่านบอกว่าจะสู้ไปทำไม เราโดนคดีมากมาย บาดเจ็บ ล้มตาย เรามั่นใจในสิ่งที่ทำเพราะเรารู้่ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง