“จำลอง” ชี้นายกฯ ต้องทำหน้าที่ของตนปกป้องชาติ ป้องแผ่นดิน ตามข้อเสนอพันธมิตรฯ มิฉะนั้นปัญหาจะบานปลาย เราจะเสียดินแดนเพิ่มเติมอีกมหาศาล ย้ำจุดยืนหนักแน่น สู้ครั้งนี้ “แพ้ไม่ได้” ถ้าแพ้คือบ้านเมืองแพ้ ประเทศแพ้ ไม่อยากให้เสียแผ่นดินในยุคในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ถ้าจะใช้กฎหมายมาจับให้ติดคุกก็ติดไป เพราะตนทำเพื่อชาติ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “ตอบโจทย์” ออกอากาศทางทีวีไทย ถึงการชุมนุมว่าต้องการกดดันเพื่อให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน และถ้ายังไม่ยอมทำอะไรก็ขอให้นายกฯ ลาออก ส่วนที่ว่าการชุมนุมครั้งนี้มีคนน้อย นั้นการชุมนุมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้ชุมนุม แต่อยู่ที่การปักหลักพักค้างยืดเยื้อยาวนาน และเรื่องสำคัญอยู่ที่คุณภาพของผู้ชุมนุม
ประเด็นเรื่องการมีชาตินิยมแบบระราน พล.ต.จำลองกล่าวว่า เราไม่ได้มีชาตินิยมแบบระราน เขา (กัมพูชา) ต่างหากที่มาระรานเรา เขามายึดดินแดน แต่เราไม่ได้ผลักดันออกไป ปล่อยไว้จนเกิดเรื่อง 7 คนไทยถูกจับ ถ้ายังไม่ทำอะไรจะเกิดเหตุตามมาได้ ส่วนกรณีของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง พล.ต.จำลองกล่าวว่า เป็นมิตรเก่าที่ไปรับงานรัฐบาล เขาก็ให้โฆษณา ให้ทำรายการ
ต่อกรณีที่นายกฯ บอกว่าพันธมิตรฯ มีทิฐิมาก ไม่ยอมมาเจรจากัน พล.ต.จำลองกล่าวว่า เจรจาหลายครั้งแล้วก็ล้มเหลวมาตลอด อยากให้นายกฯ ทำหน้าที่ของตนที่ดีกว่ามาเจรจา แต่ถ้าต้องการเจรจาอีกก็ทำได้ แต่ไม่ใช่การมาโต้วาทีกัน ต้องเจรจาและถ่ายทอดไปทุกช่อง ให้ทุกฝ่ายได้พูด โดยพูดทีละฝ่าย ที่ผ่านมาเจรจากันหลายครั้ง ประชุมลับก็มี ออกทีวีก็มี แต่สุดท้ายนายกฯ ก็โกหกมาโดยตลอด ตนอยากให้เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาดีกว่า
การที่รัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง พล.ต.จำลองกล่าวว่า รัฐบาลจะใช้กฎหมายเราไม่เคยว่าอะไร สนับสนุนกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีปัญหา แต่ พ.ร.บ.ความมั่นคงใช้เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อประเทศชาติ เรามาทำหน้าที่ปกป้องให้ชาติมีความมั่นคง แต่กลับมาไล่เรา เพราะเราสร้างความไม่มั่นคงต่อรัฐบาล ส่วนที่ว่าม็อบพันธมิตรเป็นม็อบมีเส้นนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่าไม่จริง ไม่มีเส้น เรามาของเราเดี่ยวๆ
พล.ต.จำลองกล่าวว่า ตอนนี้เราเสียดินแดนไปแล้ว และจะเสียดินแดนอีกมหาศาล ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร ปัญหาก็จะตามมา เราติดตามเรื่องนี้มาตลอด 1 ปีกว่า ซึ่งไม่มีครั้งไหนที่มีปัญหากระทบกับประเทศชาติใหญ่เท่าครั้งนี้ ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าทำไมไม่ใช้กลไกรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา พล.ต.จำลองกล่าวว่า ถ้าใช้ได้จริงเราใช้ไปแล้ว ในปี 2535 ตนคัดค้านการสืบทอดอำนาจในสภาแต่ใช้ไม่ได้ผลจึงต้องออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน
ส่วนการเรื่องการใช้กำลังทางทหาร พล.ต.จำลองกล่าวว่า กองทัพมีแสนยานุภาพต้องใช้ให้เหมาะสม ไม่ใช่ให้มารบราฆ่าฟันกัน แต่ใช้เป็นกำลังอำนาจในการต่อรอง ทหารต้องฝึกซ้อม มีเครื่องบินรบเอฟ-5 เอฟ-16 เราก็เอามาฝึกซ้อมรบบ้างตามแนวชายแดนแสดงแสนยานุภาพของเรา ไม่ใช่ให้เขามาขู่เอาๆ แสนยานุภาพทางการทหารจะเสริมกำลังอำนาจในการเจรจาต่อรอง ถ้าเราทำให้ถูกต้องก็จะไม่เป็นเบี้ยรองแบบนี้
สำหรับจุดยืนของพันธมิตรฯ 3 ข้อนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า ต้องการให้นายกฯ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกมรดกโลก เลิกเอ็มโอยู 2543 และให้ผลักดันกัมพูชาออกไป แต่ที่ชุมนุมก็ได้ยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาล และเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่มีการปะทะกัน ก็มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติมคือ ขอให้ทำลายถนนที่กัมพูชาสร้างเข้ามาในดินแดนไทย และต้องตัดเส้นทางผ่านของยุทธปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำมัน และอาหาร
ถ้ารัฐบาลยุบสภาแล้วจะเป็นอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่า ยุบสภาหรือไม่ยุบสภาไม่เกี่ยว เราต้องการให้ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ถ้ายุบสภาแล้วพรรคไหนมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย การชุมนุมครั้งนี้แพ้ไม่ได้ เพราะจะประเทศไทยเสียดินแดน ถ้าแพ้ก็หมายถึงเราทุกคนแพ้ บ้านเมืองแพ้ ประเทศแพ้ ซึ่งสะเทือนไปถึงพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทศพิธราชธรรม แต่เราต้องเสียดินแดนภายใต้รัชกาลของพระองค์ การชุมนุมครั้งนี้ต้องชนะอย่างเดียว
พล.ต.จำลอง ได้ยกเนื้อร้องเพลงชาติไทย ที่ว่า “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ สละเลือดทุกหยาดเพื่อชาติพลี...” จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ และถ้าเหตุการณ์ไทยกับกัมพูชาจะบานปลายไปสู่สงคราม ก็เป็นเพราะนายกฯ ไม่ทำอะไร ถ้านายกฯ ทำตามข้อเสนอของเราปัญหาก็จบ ส่วนถ้าจะเอากฎหมายมาบังคับใช้ตนยอมรับ จะติดคุกติดตะรางเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร ตนไม่เคยโวยวาย เพราะคิดว่าต้องทำเพื่อชาติ ถ้าจะต้องติดคุกก็ติดไป และได้ย้ำว่าการต่อสู้ครั้งจะแพ้ไม่ได้