“สุเทพ” ปัดส่งทหารเกณฑ์เสริมพื้นที่ภาคใต้ ยันไม่คิดเพิ่มกำลังพล ชี้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เตรียมกำชับพลเรือนดูแลพื้นที่ชุมชนในเมืองแบ่งเบาภาระตำรวจ-ทหาร แย้ม เลขาฯ ศอ.บต.คงไม่พ้น “ภาณุ” ที่ดูแลงานมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (22 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียชีวิตไปอีก 2 รายวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า เรื่องของยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติการเพราะพวกเราเป็นพลเรือน ไม่มีวันที่จะรู้ดีกว่าตำรวจหรือทหารที่ฝึกฝนในด้านนี้มาโดยเฉพาะ แต่การสูญเสียเจ้าหน้าที่ก็เป็นความเศร้าเสียใจของพวกเราทุกคน คนไทยก็ไม่อยากเห็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ตนจะไปพูดคุยกันก็คือต้องให้ฝ่ายพลเรือนได้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของตำรวจ ทหาร ในการดูแลระมัดระวังพื้นที่ที่อยู่ในชุมชนในเมือง เพื่อจะได้ให้กำลังตำรวจและทหารสามารถดูแลพื้นที่สุ่มเสี่ยงให้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าปีนี้มีเป้าของทหารเกณฑ์จำนวนมากนับหมื่นนายที่จะต้องลงไปอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเพราะสถานการณ์ในอนาคตยังคงไม่สงบอยู่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า หากเป็นสถานการณ์โดยรวมตนยังเชื่อมั่นว่าดีขึ้น แต่ความตั้งใจที่จะก่อเหตุรุนแรงในแต่ละครั้งนั้นแรงขึ้น ซึ่งต้องแยกแยะ เรายังไม่คิดที่จะเพิ่มเจ้าหน้าที่และไม่คิดที่จะเดินในทางนั้น
ส่วนการทำงานของ ศอ.บต.ที่ตั้งขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่เห็นทำงานอะไรให้ดีขึ้นนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ความจริง ศอ.บต.เริ่มดำเนินการแล้ว เพราะกฎหมายเสร็จแล้ว กำลังจัดกระบวนการทำงานกันอยู่ ตอนนี้เป็นขั้นตอนของการแต่งตั้งเลขาธิการ ศอ.บต.และให้ทุกฝ่ายได้ทำความเข้าใจกับโครงสร้างใหม่ของการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดว่าคงจะเรียบร้อยภายในไม่กี่วันนี้ ซึ่งในส่วนของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบก็ยังเป็นตนเอง และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทยอยู่ ซึ่งก็จะพยายามทำให้เรียบร้อย ส่วนเลขาธิการ ศอ.บต.ซึ่งขณะนี้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ รักษาการอยู่ และมีความเป็นไปได้ที่นายภาณุ จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.ตัวจริง เพราะทำงานต่อเนื่องมา ซึ่งเหตุการณ์ภาคใต้ก็ต้องใช้เวลานิดหน่อย
ต่อข้อถามว่ากองพลทหาราบที่ 15 เมื่อไหร่จะใช้การได้ นายสุเทพกล่าวว่า ไปได้เยอะแล้ว ก็คงต้องใช้เวลานิดหน่อย การตั้งกองพลใช้เวลานานเหมือนกัน เมื่อถามว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่เพราะการหมุนเวียนกำลังเช่นนี้คนที่ลงไปก็อันตราย และยังมีความไม่ต่อเนื่องอีก รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็จะพยายามเร่งรัดให้เร็วที่สุด