ไม่รู้ว่า “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” จะขานรับสิ่งที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้มิ่งขวัญที่ประกาศตัวกลางสภาฯ ในวันปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเลือกตั้งกลางปีนี้จะขอท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ต้องแสดงท่าทีการเมืองให้แน่ชัดว่า เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ในส่วนของการเมืองนอกรัฐสภา-มวลชนของพรรคเพื่อไทย จะเอาอย่างไร
หากจับท่าทีของอภิสิทธิ์ ย่อมตีความได้หลายมุม แต่มุมหนึ่งที่ย่อมเป็นไปได้คือ อภิสิทธิ์ก็อาจมั่นใจว่าเลือกตั้งรอบนี้ ประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง และสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
สิ่งที่อภิสิทธิ์กังวลก็คือ หลังเลือกตั้งความปั่นป่วนวุ่นวายนอกสภาฯ จะไม่จบ ไม่ว่าโฉมหน้ารัฐบาลจะออกมาแบบไหน คือต่อให้เลือกตั้งกันไป “คนเสื้อแดง” ที่ประกาศมาตลอดว่าจะเกาะกลุ่มกันไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแต่ละเดือนก็ประกาศรวมพลกันที โดยไม่สามารถคาดได้ว่าแกนนำ นปช.จะยกระดับการชุมนุมที่ไม่ใช่แค่มาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วกลับบ้านหลังเที่ยงคืนเมื่อใด
ยิ่งหากเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ยิ่งไม่มีทางที่เสื้อแดงจะยุติบทบาท เพราะที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร-แกนนำพรรคเพื่อไทย-แกนนำเสื้อแดง ประกาศตลอดมาว่า เพื่อไทยกับคนเสื้อแดง จะเดินไปด้วยกัน แบบ 2 ขา
ขาแรกคือ ในสภา ผ่านพรรคเพื่อไทย ขาที่สองคือ คนเสื้อแดง ที่ขับเคลื่อนอยู่นอกสภา
อภิสิทธิ์จึงต้องการคำตอบจากมิ่งขวัญ ที่อยากให้ประกาศมาเลยว่า ถ้าคุณขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเมื่อใด จะควบคุมคนเสื้อแดงได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีภาวะผู้นำ
เป็นการรุกของอภิสิทธิ์ไปยังมิ่งขวัญ และพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่คงประเมินแล้วว่า มิ่งขวัญจะไม่เล่นด้วยแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยแสดงความเห็นในเรื่องการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเลยแม้แต่ครั้งเดียว คงเป็นการตีวัวกระทบคราดดิสเครดิตเสื้อแดงเท่านั้น
ถ้ามิ่งขวัญขืนออฟไซด์มีหวังเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทย ทั้งจตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-เหวง โตจิราการ-ก่อแก้ว พิกุลทอง เอาตายแน่ และพาลจะเสียแนวร่วมในพรรคในการผลักดันขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสียอีก แถมจะถูกทักษิณ ชินวัตร เขกกบาลเอาด้วย สู้ไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่านี่เป็นทางของมิ่งขวัญที่ดีที่สุดถ้าคิดจะอยู่เพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ท่าทีของอภิสิทธิ์ที่เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง อาจไม่ได้เกิดจากฝ่าย ปชป.ฝ่ายเดียว ฝ่ายเพื่อไทยเองก็ดูจะเห็นด้วยว่า พรรคเพื่อไทยอาจไม่ชนะการเลือกตั้ง อย่างที่บางฝ่ายคาดการณ์กันว่าพรรคจะชนะแบบแลนด์สไลด์
นั่นคือการวิเคราะห์ของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” ที่แม้จะติดโทษแบนการเมืองในคดียุบพรรคแต่ก็มีบทบาทอย่างมากในพรรคเพื่อไทย ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหญ่ที่ยังทำหน้าที่เป็นฝ่ายยุทธศาสตร์วางแผนการเมืองให้พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง
โดยจาตุรนต์วิเคราะห์ไว้ในการไปร่วมงานพรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดงที่หาดใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังแก้ปัญหาภายในพรรคไม่จบ ส.ส.ยังคงถูกดูดให้ออกจากพรรคอยู่เรื่อยๆ ทำให้โอกาสจะรักษาพื้นที่ซึ่งเคยชนะเลือกตั้งปี 50 ทำได้ยาก จึงเชื่อว่าเพื่อไทยจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลและประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง แต่จะเป็นรัฐบาลไม่ราบรื่นเจอปัญหามากมาย และความคิดในการทำปฏิวัติก็ยังมีอยู่ แต่ยังหาตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้
จะพบว่า จาตุรนต์ที่ขึ้นเวทีทั้งที่สะพานผ่านฟ้าฯ และราชประสงค์ตอนเสื้อแดงชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้บอกว่า คนเสื้อแดง ควรจะเคลื่อนไหวอย่างไรในช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง หรือควรจะยุติบทบาทอย่างไร
การวิเคราะห์ของจาตุรนต์ก็ต้องมองด้วยเหรียญหลายด้าน มันอาจเป็นการ “ลวง” ให้หลายฝ่ายตายใจก็ได้ เพราะตอนนี้หากมีการยุบสภา คนส่วนใหญ่ยังมองว่าแม้ประชาธิปัตย์จะได้เปรียบในการเลือกตั้ง แต่เพื่อไทยก็น่าจะชนะ ปชป.ได้ แต่เสียงจะไม่ห่างมากเหมือนปี 50 แล้วจาตุรนต์ซึ่งคนในเพื่อไทย ให้การยอมรับว่าเป็นคนวิเคราะห์การเมืองได้ค่อนข้างสมเหตุสมผลแม้จะตั้งอยู่บนตรรกะสนองทักษิณ ชินวัตรอย่างเต็มที่
ไฉนครั้งนี้จึงกล้าออกมาฟันธงลงลึกว่าเพื่อไทยจะไม่ชนะเลือกตั้ง ทั้งที่แทบไม่มีคนในพรรคเพื่อไทยคนไหนคิดเช่นนี้
หรือเพราะจาตุรนต์ ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามเช่น กองทัพ เชื่อเช่นกันว่า ปชป.จะชนะเลือกตั้ง เลยไม่ได้จับตาการเลือกตั้งอย่างที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะในพื้นที่เลือกตั้งสีแดง ซึ่งกองทัพโดย กอ.รมน.กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงอยู่ไม่ห่าง และเมื่อเผลอก็อาจทำให้เพื่อไทยตั้งหลักทำพื้นที่ชิงคะแนนเอาชนะพรรคการเมืองคู่แข่งได้
ยุทธวิธีลวงการเมืองของพรรคต่างๆ นับแต่ตอนนี้ มีให้เห็นอีกมากแน่รับรองได้ บนความไม่แน่นอนว่า ใครจะกุมชัยชนะ จะเป็นทักษิณ หรือ อภิสิทธิ์
ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อได้เลยว่า หลังเลือกตั้งคนเสื้อแดงก็ยังคงปักหลักเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีทางยุติบทบาท เพราะต่อให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง การที่ ส.ส.เพื่อไทยจะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้ทักษิณ ชินวัตร จนถึงขั้นแก้รัฐธรรมนูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ มีหรือจะทำได้ เพราะต้องโดนแรงต้านจากคนทั้งประเทศ ทักษิณก็ต้องเลี้ยงคนเสื้อแดงไว้ต่อรองเรื่อยๆ
ยิ่งหากเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ชนะการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงก็ยิ่งจะจับตัวกันเหนียวแน่น บนข้ออ้างคือ ทวงคำตอบคดี 91 ศพ และเป็นกองกำลังในการกดดันกระบวนการยุติธรรมในคดีแกนนำตกเป็นจำเลยข้อหาผู้ก่อการร้าย
จึงน่าจับตายิ่งไม่น้อยว่าพัฒนาการของคนเสื้อแดงหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะช่วงก่อนเลือกตั้ง-หลังเลือกตั้ง
ยิ่งล่าสุด อดีตผู้ก่อตั้ง นปช.-คนเสื้อแดง ตัวจริง “สมบัติ บุญงามอนงค์” บก.ลายจุด ไปขึ้นเวทีเสื้อแดงที่ราชดำเนินเมื่อ 19 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วประกาศให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจการเลือกตั้ง โดยการหามวลชนมาอยู่กับฝ่ายตัวเองให้มากที่สุด
ด้วยวิธีแดงเวย์ที่บอกว่าเป็นวิธีเดียวกับของแอมเวย์ ที่ขายสินค้าผ่านสมาชิก แต่แดงเวย์คือการขายความคิดเสื้อแดงให้คนที่ยังไม่ได้เป็นเสื้อแดงให้มาเป็นเสื้อแดง บนเป้าหมายคือ 1 คนต้องเพิ่มคนเสื้อแดงให้ได้ 20 คน ภายในหนึ่งปี ถ้าคิดง่ายๆ คนเสื้อแดง 3 หมื่นคน ไปเปลี่ยนใจคนที่ไม่ได้เป็นเสื้อแดงให้มาอยู่ด้วยกัน หนึ่งปีก็จะได้คนเพิ่ม 6 แสนคน แต่ถ้าแดง 5 หมื่นคน ทำแดงเวย์สำเร็จ ก็ได้คนเพิ่ม 1 ล้านคน
แต่สิ่งที่ “สมบัติ” ไม่ได้บอกบนเวทีก็คือ แล้วคิดหรือว่า คนไทยจะโง่เป็นควายให้พวกเสื้อแดงมาหลอกไปเข้าคอกได้ง่ายๆ
ต้องแสดงท่าทีการเมืองให้แน่ชัดว่า เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ในส่วนของการเมืองนอกรัฐสภา-มวลชนของพรรคเพื่อไทย จะเอาอย่างไร
หากจับท่าทีของอภิสิทธิ์ ย่อมตีความได้หลายมุม แต่มุมหนึ่งที่ย่อมเป็นไปได้คือ อภิสิทธิ์ก็อาจมั่นใจว่าเลือกตั้งรอบนี้ ประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง และสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
สิ่งที่อภิสิทธิ์กังวลก็คือ หลังเลือกตั้งความปั่นป่วนวุ่นวายนอกสภาฯ จะไม่จบ ไม่ว่าโฉมหน้ารัฐบาลจะออกมาแบบไหน คือต่อให้เลือกตั้งกันไป “คนเสื้อแดง” ที่ประกาศมาตลอดว่าจะเกาะกลุ่มกันไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแต่ละเดือนก็ประกาศรวมพลกันที โดยไม่สามารถคาดได้ว่าแกนนำ นปช.จะยกระดับการชุมนุมที่ไม่ใช่แค่มาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วกลับบ้านหลังเที่ยงคืนเมื่อใด
ยิ่งหากเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ยิ่งไม่มีทางที่เสื้อแดงจะยุติบทบาท เพราะที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร-แกนนำพรรคเพื่อไทย-แกนนำเสื้อแดง ประกาศตลอดมาว่า เพื่อไทยกับคนเสื้อแดง จะเดินไปด้วยกัน แบบ 2 ขา
ขาแรกคือ ในสภา ผ่านพรรคเพื่อไทย ขาที่สองคือ คนเสื้อแดง ที่ขับเคลื่อนอยู่นอกสภา
อภิสิทธิ์จึงต้องการคำตอบจากมิ่งขวัญ ที่อยากให้ประกาศมาเลยว่า ถ้าคุณขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเมื่อใด จะควบคุมคนเสื้อแดงได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีภาวะผู้นำ
เป็นการรุกของอภิสิทธิ์ไปยังมิ่งขวัญ และพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่คงประเมินแล้วว่า มิ่งขวัญจะไม่เล่นด้วยแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยแสดงความเห็นในเรื่องการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเลยแม้แต่ครั้งเดียว คงเป็นการตีวัวกระทบคราดดิสเครดิตเสื้อแดงเท่านั้น
ถ้ามิ่งขวัญขืนออฟไซด์มีหวังเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทย ทั้งจตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-เหวง โตจิราการ-ก่อแก้ว พิกุลทอง เอาตายแน่ และพาลจะเสียแนวร่วมในพรรคในการผลักดันขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสียอีก แถมจะถูกทักษิณ ชินวัตร เขกกบาลเอาด้วย สู้ไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่านี่เป็นทางของมิ่งขวัญที่ดีที่สุดถ้าคิดจะอยู่เพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ท่าทีของอภิสิทธิ์ที่เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง อาจไม่ได้เกิดจากฝ่าย ปชป.ฝ่ายเดียว ฝ่ายเพื่อไทยเองก็ดูจะเห็นด้วยว่า พรรคเพื่อไทยอาจไม่ชนะการเลือกตั้ง อย่างที่บางฝ่ายคาดการณ์กันว่าพรรคจะชนะแบบแลนด์สไลด์
นั่นคือการวิเคราะห์ของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” ที่แม้จะติดโทษแบนการเมืองในคดียุบพรรคแต่ก็มีบทบาทอย่างมากในพรรคเพื่อไทย ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหญ่ที่ยังทำหน้าที่เป็นฝ่ายยุทธศาสตร์วางแผนการเมืองให้พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง
โดยจาตุรนต์วิเคราะห์ไว้ในการไปร่วมงานพรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดงที่หาดใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังแก้ปัญหาภายในพรรคไม่จบ ส.ส.ยังคงถูกดูดให้ออกจากพรรคอยู่เรื่อยๆ ทำให้โอกาสจะรักษาพื้นที่ซึ่งเคยชนะเลือกตั้งปี 50 ทำได้ยาก จึงเชื่อว่าเพื่อไทยจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลและประชาธิปัตย์จะชนะการเลือกตั้ง แต่จะเป็นรัฐบาลไม่ราบรื่นเจอปัญหามากมาย และความคิดในการทำปฏิวัติก็ยังมีอยู่ แต่ยังหาตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้
จะพบว่า จาตุรนต์ที่ขึ้นเวทีทั้งที่สะพานผ่านฟ้าฯ และราชประสงค์ตอนเสื้อแดงชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้บอกว่า คนเสื้อแดง ควรจะเคลื่อนไหวอย่างไรในช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง หรือควรจะยุติบทบาทอย่างไร
การวิเคราะห์ของจาตุรนต์ก็ต้องมองด้วยเหรียญหลายด้าน มันอาจเป็นการ “ลวง” ให้หลายฝ่ายตายใจก็ได้ เพราะตอนนี้หากมีการยุบสภา คนส่วนใหญ่ยังมองว่าแม้ประชาธิปัตย์จะได้เปรียบในการเลือกตั้ง แต่เพื่อไทยก็น่าจะชนะ ปชป.ได้ แต่เสียงจะไม่ห่างมากเหมือนปี 50 แล้วจาตุรนต์ซึ่งคนในเพื่อไทย ให้การยอมรับว่าเป็นคนวิเคราะห์การเมืองได้ค่อนข้างสมเหตุสมผลแม้จะตั้งอยู่บนตรรกะสนองทักษิณ ชินวัตรอย่างเต็มที่
ไฉนครั้งนี้จึงกล้าออกมาฟันธงลงลึกว่าเพื่อไทยจะไม่ชนะเลือกตั้ง ทั้งที่แทบไม่มีคนในพรรคเพื่อไทยคนไหนคิดเช่นนี้
หรือเพราะจาตุรนต์ ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามเช่น กองทัพ เชื่อเช่นกันว่า ปชป.จะชนะเลือกตั้ง เลยไม่ได้จับตาการเลือกตั้งอย่างที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะในพื้นที่เลือกตั้งสีแดง ซึ่งกองทัพโดย กอ.รมน.กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงอยู่ไม่ห่าง และเมื่อเผลอก็อาจทำให้เพื่อไทยตั้งหลักทำพื้นที่ชิงคะแนนเอาชนะพรรคการเมืองคู่แข่งได้
ยุทธวิธีลวงการเมืองของพรรคต่างๆ นับแต่ตอนนี้ มีให้เห็นอีกมากแน่รับรองได้ บนความไม่แน่นอนว่า ใครจะกุมชัยชนะ จะเป็นทักษิณ หรือ อภิสิทธิ์
ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อได้เลยว่า หลังเลือกตั้งคนเสื้อแดงก็ยังคงปักหลักเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีทางยุติบทบาท เพราะต่อให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง การที่ ส.ส.เพื่อไทยจะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้ทักษิณ ชินวัตร จนถึงขั้นแก้รัฐธรรมนูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ มีหรือจะทำได้ เพราะต้องโดนแรงต้านจากคนทั้งประเทศ ทักษิณก็ต้องเลี้ยงคนเสื้อแดงไว้ต่อรองเรื่อยๆ
ยิ่งหากเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ชนะการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงก็ยิ่งจะจับตัวกันเหนียวแน่น บนข้ออ้างคือ ทวงคำตอบคดี 91 ศพ และเป็นกองกำลังในการกดดันกระบวนการยุติธรรมในคดีแกนนำตกเป็นจำเลยข้อหาผู้ก่อการร้าย
จึงน่าจับตายิ่งไม่น้อยว่าพัฒนาการของคนเสื้อแดงหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะช่วงก่อนเลือกตั้ง-หลังเลือกตั้ง
ยิ่งล่าสุด อดีตผู้ก่อตั้ง นปช.-คนเสื้อแดง ตัวจริง “สมบัติ บุญงามอนงค์” บก.ลายจุด ไปขึ้นเวทีเสื้อแดงที่ราชดำเนินเมื่อ 19 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วประกาศให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจการเลือกตั้ง โดยการหามวลชนมาอยู่กับฝ่ายตัวเองให้มากที่สุด
ด้วยวิธีแดงเวย์ที่บอกว่าเป็นวิธีเดียวกับของแอมเวย์ ที่ขายสินค้าผ่านสมาชิก แต่แดงเวย์คือการขายความคิดเสื้อแดงให้คนที่ยังไม่ได้เป็นเสื้อแดงให้มาเป็นเสื้อแดง บนเป้าหมายคือ 1 คนต้องเพิ่มคนเสื้อแดงให้ได้ 20 คน ภายในหนึ่งปี ถ้าคิดง่ายๆ คนเสื้อแดง 3 หมื่นคน ไปเปลี่ยนใจคนที่ไม่ได้เป็นเสื้อแดงให้มาอยู่ด้วยกัน หนึ่งปีก็จะได้คนเพิ่ม 6 แสนคน แต่ถ้าแดง 5 หมื่นคน ทำแดงเวย์สำเร็จ ก็ได้คนเพิ่ม 1 ล้านคน
แต่สิ่งที่ “สมบัติ” ไม่ได้บอกบนเวทีก็คือ แล้วคิดหรือว่า คนไทยจะโง่เป็นควายให้พวกเสื้อแดงมาหลอกไปเข้าคอกได้ง่ายๆ