ทนายพันธมิตรฯ ตอกหน้า ตร.รับใบสั่งนักการเมือง สั่งเลือกฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิปี 51 เหตุล่าช้าเพราะไม่มั่นใจในหลักฐาน แถมยัดเยียดข้อหาผู้ก่อการร้าย ลั่นมีหนังสือ ทอท.ยืนยันการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ และไม่กระทบต่อเส้นทางการบิน มั่นใจวันนี้ ตร.ไม่กล้าสลายการชุมนุม เพราะฝ่ายการเมืองไม่กล้ามีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะมีคุกเป็นเดิมพัน
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีเสนาราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน กรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในข้อหาก่อการร้ายที่บุกยึดสนามบินสุวรรภูมิ เมื่อปี 51 จากเดิมที่คณะพนักงานสอบสวนเสนอสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสิ้น 25 คน แต่ ผบ.ตร.กลับเห็นว่า ควรสั่งฟ้องข้อหานี้แก่ผู้ต้องหาเพียง 15 คน ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายนรัณยู หรือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง นายศิริชัย ไม้งาม นายสำราญ รอดเพชร นางมาลีรัตน์ แก้วก่า เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ นายชนะ ผาสุกสกุล นายสุรวิชช์ วีรวรรณ และ นายรัชต์ชยุตม์ หรือ อมรเทพ หรือ อมร ศิริโยธินภักดี หรือ อมรรัตนานนท์
ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาก่อการร้าย 10 คน ซึ่งประกอบด้วย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ นายประพันธ์ คูณมี นายกษิต ภิรมย์ นายเทิดภูมิ ใจดี นายวีระ สมความคิด น.ส.อัญชะลี หรือ ปอง ไพรีรัก น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ นายพิชิต หรือตั้ม ไชยมงคล และ นายบรรจง นะแส
โดยอ้างว่า ข้อหาก่อการร้ายมีการระบุรายละเอียดไว้ส่วนหนึ่ง ว่า เจตนาพิเศษ ซึ่งเจตนาพิเศษนั้นต้องเป็นการตั้งใจทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการขนส่ง กระบวนการปกครอง โดยหากดูจากเนื้อหาในสำนวนก็ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ ทำให้บางคนอาจจะหลุดในส่วนนี้ไป ว่า ขอให้ความเชื่อมั่นคำสั่งฟ้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแค่กระบวนการสอบสวนชั้นต้น และเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น และขอให้พึงสังวรไว้ว่าการตั้งข้อกล่าวหาใครตามอำเภอใจ นอกจากศาลจะไม่รับฟ้องแล้ว อาจถูกฟ้องกลับฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งถือเป็นโทษทางอาญาและต้องติดคุกในภายหลัง
เรื่องนี้ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้เคยทำหนังสือชี้แจงถึงราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ว่า การชุมนุมพันธมิตรฯที่บุกยึดสนามบินเมื่อปี 51 นั้น ไม่ได้กระทบ หรือเกิดความเสียหายต่อเส้นทางการบิน และเมื่อพันธมิตรฯ ถอยการชุมนุมออกมา ก็สามารถเปิดใช้สายการบินได้ปกติ โดยไม่มีอะไรเสียหายหรือเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรทางอากาศ
“เหตุการณ์ผ่านมากว่า 2 ปี พนักงานสอบสวนในยุคของ พล.ต.อ.วิเชียร เพิ่งมาอนุมัติสั่งฟ้อง เพราะการเมืองเปลี่ยนยุค พนักงานสอบสวนก็ถูกเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตา ไปตามคำสั่งฝ่ายการเมือง แถมมายัดเยียดข้อหาก่อการร้าย เดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลดจำนวนผู้ต้องหา เพราะไม่มั่นใจในหลักฐานและข้อ กม.แค่ข้อหาผู้ก่อการร้ายศาลก็ไม่รับฟ้องแล้ว เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ยึดหลักสันติ อหิงสา และไม่เคยหนีคดี หลังจากได้รับหมายเรียก ก็ไม่เคยหนีพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ตั้งแต่ยกขบวนกันไปรับทราบข้อกล่าวหา และขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา” นายสุวัตร กล่าวและว่า
ตาม รธน.บัญญัติไว้ชัดเจนว่า การเดินขบวนเพื่อเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพโดยความสงบ ไม่ถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คดีนี้ไม่มีอะไรน่าวิตก และให้ระวังเจอผู้ต้องหาที่เคยถูกพนักงานสอบสวนยัดเยียดข้อหา อาจจะต้องติดคุกแทนในภายหลัง
นายสุวัตร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตร.ไม่กล้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯแน่นอน เพราะวันนี้ฝ่ายการเมืองไม่กล้าสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร มาถึง ผบ.ตร.เมื่อผู้บังคับบัญชาในระดับปฏิบัติไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการ ก็ไม่กล้าสั่งการให้ตำรวจชั้นน้อยเข้าบุกเข้าสลายการชุมนุมโดยพลการ เพราะล้วนแต่มีโทษจำคุกรออยู่ภายหลังทั้งสิ้น