xs
xsm
sm
md
lg

พธม.โชว์ผังงานกาชาดไร้พื้นที่กระทบ ซัดรัฐเผด็จการแอบอ้างใช้สลายม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ
“ลุงจำลอง” รับผิดคาด บช.น.ยื่นหนังสือไล่ม็อบภายใน 15 มี.ค. เชื่อรัฐจวนตัวหาทางแกล้งม็อบเพื่อตำแหน่ง ลั่นพร้อมเสียค่าปรับทั้งน้ำและไฟ แย้มย้ายเข้าไปชุมนุมอาคารใกล้ๆ “ปานเทพ” โชว์แผนผังงาน ชี้ไม่มีพื้นที่ม็อบ ซัดวิชามารแอบอ้างสภากาชาดทำลาย ฉะเผด็จการลุแก่อำนาจ เชื่อสลายเมื่อไหร่คนมาตรึม!


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (11 มี.ค.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหนังสือมาแจ้งให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนินนอกว่า ถือเป็นเรื่องที่ผิดคาด เนื่องจากตนคาดไว้ว่า ทางตำรวจโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะมาเจรจาขอคืนพื้นที่บางส่วน แต่ปรากฎว่าตำรวจมายื่นคำขาดเป็นลายลักษณ์อักษรให้พวกเราออกจากที่ชุมนุมภายในวันที่ 15 มี.ค. หมายความว่าต้องออกไปให้หมด ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เราตระหนกตกใจ เพราะรู้ดีว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะที่จวนตัวต้องหาทางกลั่นแกล้งผู้ชุมนุมให้ได้ มิเช่นนั้นเขาก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

“รัฐบาลทำเพื่อตำแหน่ง แต่พวกเราทำเพื่อแผ่นดิน แตกต่างกันมาก เหตุผลการจัดงานกาชาด ก็เป็นเหตุผลเก่าๆ ที่เราเคยเจอมาแล้ว โดยใช้เพียงพื้นที่ถนนราชดำเนินนอกบางส่วน ซึ่งเราก็ไม่ขัดขวาง แต่กลับนำมาอ้างเป็นเหตุผลบังหน้า” พล.ต.จำลองกล่าว

พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการเพียงเท่านี้ ยังพยายามกลั่นแกล้งเราโดยอ้างถึงการใช้น้ำใช้ไฟฟ้าในพื้นที่การชุมนุมมากดดันบีบคั้นเราอีก หากรัฐบาลเห็นว่าเราทำไม่ถูกกฎระเบียบ ก็ขอให้ส่งผู้แทนเข้ามาสำรวจ และชี้ให้เห็นว่าผิดตรงไหน หากมีความผิดและมีค่าปรับเราก็ยินดี รวมไปถึงหากต้องมีผู้รับผิดชอบทั้งทางอาญาและแพ่ง ก็ให้เอามาเอาผิดกับตน เพราะตนเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการชุมนุมแต่เพียงผู้เดียว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการระดมพลในวันที่ 15 มี.ค.นี้ พล.ต.จำลองกล่าวว่า จากการประชุมด่วนของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย หลังจากตำรวจยื่นหนังสือยื่นคำขาดขอให้ออกจากพื้นที่การชุมนุม ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า หากตำรวจมาสลายการชุมนุมเมื่อไร ขอให้ประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดินออกมาร่วมการชุมนุมมากๆ ส่วนมาตรการอื่นจะมีการหารือกันต่อไป เช่น สมมติว่าเรามาอยู่กลางถนนแล้วใช้กำลังไล่เรา ก็อาจพิจารณาเข้าไปอยู่ในอาคารใกล้ๆนี้ก็เป็นได้ สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีเยอะ ซึ่งเราก็เคยอยู่มาแล้ว ส่วนการยื่นคำขาดของตำรวจนั้นจะยับยั้งการชุมนุมของเราไม่ได้ เพราะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเมื่อถามความเห็นของผู้ชุมนุมก็เห็นตรงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป

“การที่เรามาลำบากกินนอนกลางถนน แล้วยังมาหาเรื่องให้เราอยู่ไม่ได้ เราก็ต้องไปอยู่ในอาคาร ไปนอนในห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ก็เคยทำมาแล้ว หรืออาจจะมีสิ่งที่เหนือกว่านั้นก็ได้” พล.ต.จำลองกล่าว

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จากที่ทางตำรวจอ้างถึงการจัดงานกาชาด โดยสภากาชาดในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อขอพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรฯ สร้างความสับสนให้แก่สังคมว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมคืนพื้นที่ให้งานกาชาด ซึ่งถือเป็นวิชามารแอบอ้างองค์กรในพระบรมราชูปถัมป์ เพื่อหวังทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมโดยประชาชนผู้รักชาติที่ออกมาปกป้อง แผ่นดิน

นายปานเทพยังได้นำผังการจัดงานกาชาดมาแสดงต่อสื่อมวชน พร้อมระบุว่า ตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นมาได้มีผังการใช้บริเวณจัดงานเหมือนกันทุกปี ซึ่งใช้เพียงบางพื้นที่ของถนนศรีอยุธยา และถนนราชดำเนินนอกเพียงบางส่วน สิ้นสุดที่สี่แยกมิสกวัน แสดงว่าพื้นที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงสี่แยกมิสกวันไม่กระทบพื้นที่การจัดงานกาชาดแต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้น ตนได้ตรวจสอบย้อนไปในอดีตก็พบว่า พันธมิตรฯได้เคยใช้พื้นที่นี้การชุมนุมมาก่อนในปี 49 ซึ่งวันนั้นเวทีปราศรัยอยู่ที่บริเวณแยกมิสกวัน แต่เมื่อมีการจัดงานกาชาด เราก็ได้ให้ความร่วมมือโดยย้ายเวทีปราศรัยมาอยู่ด้านสะพานมัฆวานฯ อย่างเช่นในปัจจุบัน ไม่มีเหตุที่เป็นอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้เข้าร่วมงานกาชาดเป็นจำนวนมาก

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญยังพบข้อมูลที่ระบุว่า ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 ได้กินพื้นที่ตั้งลานพระรูปทรงม้า เมื่อใกล้ถึงกำหนดการจัดงาน ทาง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ก็เป็นผู้ไปเจรจาเพื่อให้แกนนำคนเสื้อแดงย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมจากแยกมิสกวันถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ให้มาอยู่ที่ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่การชุมนุมของกองทัพธรรมในปัจจุบัน ทั้งยังให้พื้นที่ยาวไปถึงแยกยมราช รวมทั้งให้ย้ายบางส่วนมาอยู่ที่แยกมิสกวันไปจนถึงแยกวังแดง ซึ่งกินพื้นที่มากกว่าที่พันธมิตรฯ และกองทัพธรรมใช้อยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ การแอบอ้างงานกาชาดถือเป็นวิชามารที่ถูกจับได้ไล่ทัน เพราะมีหลักฐานแล้วว่าพื้นที่การชุมนุมในตอนนี้ไม่กนระทบการจัดงานแต่อย่างใด

“สะท้อนให้เห็นว่าการชุมนุมของพวกเราไม่กระทบงานกาชาดอย่างแน่นอน ทางตำรวจต้องหยุดแอบอ้างสภากาชาดในพระบรมราชูปถัมภ์ เพราะสภากาชาดฯไม่เคยทำหนังสือมาถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อขอพื้นที่ จึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำองค์กรสาธารณประโยชน์มาอ้างเพื่อใช้กำลังสลายผู้ชุมนุม” นายปานเทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นคำขาดของตำรวจให้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 15 มี.ค.นี้มีผลกับการชุมนุมหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลพยายามหาเหตุในการสลายการชุมนุมทั้งหมด โดยรู้อยู่แก่ใจว่าการใช้ พ.ร.บ.จราจรมาอยู่เหนือสิทธิตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ พอใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง พวกเราก็ไปตามหมายเรียก หากจะใช้กำลังสลายการชุมนุมอีก ก็ถือว่าลุแก่อำนาจ เมื่อประชาชนยืนหยัดให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติจึงอ้างงานกาชาด เป็นวิชามารที่ต้องการสลายการชุมนุมเท่านั้น ต้องถือว่ารัฐบาลนี้มีบรรยากาศความเป็นเผด็จการอย่างมาก มากกว่าสมัยรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หรือสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เสียอีก เพราะมีการใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินมากที่สุด และประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงโดยเกินกว่าเหตุ

“กลายเป็นยุคที่รัฐบาลลุแก่อำนาจมากที่สุด ซึ่งครั้งนี้คนที่เป่านกหวีดเรียกมวลชนจะไม่ใช่แกนนำการชุมนุม แต่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลลงมือเมื่อไหร่ก็จะมีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นโดยปริยาย” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น