เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00นาทีนี้ถือว่าเป็นช่วงชุลมุนจริงๆ เพราะขนาด นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังต้อง “ตาลีตาเหลือก” เผ่นกันกระเจิง หลังจากได้รับแจ้งจาก ศรภ. ที่รับผิดชอบดูแลด้านความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญว่า จะมี “มือดี” ปา “สิ่งของบางอย่าง” ขึ้นไปบนเวทีระหว่างที่ นายกฯ กำลังยึดโพเดียมคุยโม้เรื่องการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เมืองทองธานีวานนี้ ( 10 มี.ค.) ทำให้เมื่อได้รับทราบข่าวที่ “กลิ่นไม่ดี” ก็ต้องรีบดันหลังลงจากเวที แล้วขึ้นรถกันกระสุนกลับทันที
00 ตามข่าวยังบอกด้วยว่า สิ่งของบางอย่างที่ว่านั่น “สายลับ” รายงานเข้ามาก็ยังไม่อาจระบุได้เสียด้วยว่าคืออะไรกันแน่ อาจจะเป็น “ของแข็ง” ประเภทรองเท้า หรือ “เกือก” ที่เคยฮิตในต่างแดน หรืออาจเลวร้ายไปกว่านั้นอาจจะเป็น “ปลาร้า” รวมไปถึง “อึ” ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อประกันความชัวร์ ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ก่อนที่ “กลิ่นจะกระจาย” ก็ต้องเผ่นเพื่อความมั่นคงเสียก่อนละพี่น้อง แต่อีกด้านหนึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็อยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว !!
00 เวลานี้ดูเหมือนกับว่า ปชป. เริ่มออกสตาร์ท หาเสียงก่อนใคร ทั้งในเรื่องของการโฆษณาแฝงที่มาในรูปแบบของการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี และในฐานะของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ควบคู่ไปด้วยกันทั้งนโยบายรัฐบาล และนโยบายพรรค ก็ไม่ว่ากัน แล้วแต่เทคนิคของแต่ละฝ่าย เพราะไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนได้เป็นรัฐบาล ก็มักทำอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ
00 แต่ที่มีเสียงด่ากันพึมจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบ และเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของนายกฯ อภิสิทธิ์ แถวสุขุมวิท ไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นปกติสุขกันมานานแรมปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับความจริงว่า ต้องเดือดร้อน หวาดผวาในช่วงที่เสื้อแดงชุมนุม มีทั้งประเภทไป “ปาอึ” เทเลือดกระจายส่งกลิ่นเหม็นคาวหึ่งไปทั่วบริเวณ แต่มาวันนี้แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปจนเป็นปกติแล้วก็ตาม แต่อาจเป็นเพราะยังถูกชาวบ้านไล่ “ตะโกนด่า” อยู่ทุกวัน มันก็ย่อมหงุดหงิด จึงสั่งให้กำหนดให้รอบบริเวณบ้านกลายเป็นพื้นที่ความมั่นคงไปเสียฉิบ ธุรกิจแถวนั้นที่เจ๊งอยู่แล้วก็ “เจ๊งสนิท” นะซีพี่น้อง คราวนี้แหละ เสียงด่าคงมาจากรอบทิศ และดังกว่าเดิมแน่
00 ปัญหากรณีแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมช่วยเหลือ บริษัท ฟิลิปมอร์ริส (ประเทศไทย) ที่ถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท กำลังจะทำให้ภาพลักษณ์ใจซื่อ มือสะอาดของ นายกฯ อภิสิทธิ์ จะต้องมัวหมองและอยู่ในระนาบเดียวกับทักษิณ ชินวัตร หรือ อาจเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะจากหลักฐานสามารถเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิด โดยเฉพาะประธานผู้แทนการค้าไทย ที่ชื่อ เกียรติ สิทธีอมร จะอ่วมแน่ และในที่สุดก็น่าจะลากโยงให้ นายกฯ เข้ามาเอี่ยวอย่างชัดเจน ชนิดที่นึกไม่ถึง
00 งานนี้อย่าคิดว่าจะใช้วิธี “น้ำเน่า” แบบเก่า ใช้คนที่ภาพลักษณ์ดี พูดจาน่าเชื่อถือ มากลบเกลื่อนข้อหาของฝ่ายค้าน อย่างพรรคเพื่อไทย เพราะถ้าพิจารณาตามหลักฐานความเป็นจริงแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเก่าเกิดขึ้นสมัย“หน้าเหลี่ยม” ก็จริง แต่ประเด็นก็คือ เมื่อมีการ “สรุปสั่งฟ้อง” ในยุค อภิสิทธิ์ แต่ถัดมาอีก 4 วัน ในยุค อภิสิทธิ์ นี่แหละที่มีการล็อบบี้ใช้อำนาจโน้มน้าว จนอัยการ “สั่งไม่ฟ้อง” แบบพิลึกกึกกือ งานนี้ให้รอฟัง “ทีเด็ด” ในสภาช่วงซักฟอกก็แล้วกัน !!
00 ตกลงไม่รู้ว่าระหว่าง ฮุนเซน กับ มาร์ค ใครพูดจาน่าเชื่อถือมากกว่ากัน หรือว่าเชื่อไม่ได้ทั้งคู่ เพราะผู้นำถ่อยกัมพูชา ยืนยันมาตลอดเวลาว่า ต่อไปนี้จะไม่คุยปัญหาชายแดนกันตัวต่อตัวหรือทวิภาคีกับไทยอีกต่อไป หากจะคุยต้องมีประเทศที่ 3 เข้ามาร่วมเท่านั้น และล่าสุด ก็มีการกำหนดวันเวลาค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า จะมีการหารือกันในวันที่ 24-25 มีนาคม
00 แต่ไม่รู้ว่าเป็นการเข้าใจกันผิด หรือว่าเป็นการทูตแบบ “ศรีธนญชัย” หรือเปล่าไม่อาจทราบได้ เพราะในการเจรจากันดังกล่าวมีอินโดฯ เข้าร่วมด้วย แล้วแต่ฝ่ายไหนจะเรียกว่าอย่างไร โดยความหมายของฝ่ายฮุนเซน บอกว่านี่คือการเจรจาปัญหาชายแดนทั้ง เจบีซี และ จีบีซี โดยมีประเทศที่ 3 คืออินโดฯ เข้าร่วม ขณะที่ ฝ่ายไทย โดยนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าใจว่า นี่คือการเจรจาทวิภาคีโดยมีอินโดฯ แค่เป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
00 อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว รับรองว่านี่ไม่ใช่หลักการของการเจรจาแบบ “ทวิภาคี” โดยทั่วไปเท่าที่เคยเห็นอย่างแน่นอน และที่สำคัญ นี่คือการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนอีกกรณีหนึ่งว่า คำพูดที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เคยพูดเอาไว้ว่าปัญหาไทย-กัมพูชา จะไม่มีประเทศที่สามหรือองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอันขาด แล้วเป็นไง ผลออกมาตรงกันข้ามทุกที
00 เหมือนกับกรณี วีระ สมความคิด กับ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ลำบากแสนสาหัสอยู่ในคุกกัมพูชา ตอนแรกก็บอกว่าจะไม่ให้ขึ้นศาลกัมพูชา จากนั้นก็เปลี่ยนใหม่ว่า ให้ยอมรับคำตัดสิน ถัดมา ก็ย้ำว่า “ช่วยเหลือเต็มที่” วันละ 3-4 หน แต่ในความเป็นจริง ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้ วีระ ป่วยปางตาย นี่ไงช่วยเต็มที่ของมาร์ค “ช่วยให้ติดคุกเต็มที่นะซี”
00 เริ่มเคลื่อนไหวกันวูบวาบแล้ว สัปดาห์หน้าพรรคภูมิใจเนวิน นัดกินข้าวกับ ชาติไทยพัฒนา ของ “เสี่ยเติ้ง” นัยว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อหาทาง “แพ็ก” กันล่วงหน้า เพื่อต่อรอง “ธุรกิจการเมือง” เพราะคาดการณ์แล้วว่าหลังเลือกตั้งยังต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน ดังนั้นมันก็ยังเป็นโอกาสของ “พรรคขนาดกลาง” เช่นเดิม !!