รองนายกฯ มั่นคง ยันไม่เคยพูดแดงวิ่งหากระสุนทหารเอง เชื่อพวกบิดเบือน คาดฝีมืออัมสเตอร์ดัม ลั่นมีสติตลอดเวลาพูด ไม่เอามัน-สร้างภาพ จี้แกนนำแดงรับผิดพาคนมาตาย เชื่อซักฟอกงวดนี้ใส่ร้ายมโหฬาร คาดพวกแพร่คลิปเผาเมืองโหมโรงจูงใจชาวบ้านเชื่อ ลั่นกระชากหน้ากากตัวเผาแน่ เห็นใจ ผบ.ทอ.โดนดิสเครดิต
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการฟอร์เวิร์ดเมลที่ระบุคำพูดของนายสุเทพที่พูดถึงการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงในการชุมนุมที่ผ่านมาว่าทหารไม่ได้ยิง แต่ผู้ชุมนุมวิ่งเข้ามาหาลูกกระสุนเองว่า ตนไม่เคยไปพูดที่ไหน ทุกวันตนจะพูดกับสื่อที่ทำเนียบที่เดียวเท่านั้นและวันละครั้งเท่านั้น ตนไม่เที่ยวพูดพร่ำเพรื่อ เข้าใจว่าคนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้คงจะพยายามบิดเบือนสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบวันใดวันหนึ่ง เกี่ยวกับ 91 ศพของคนเสื้อแดง ซึ่งตนได้ชี้แจงไปว่าทหารไม่ได้ทำ ไม่ได้เข้าไปสลายหรือถือปืนไล่ฆ่าประชาชน แต่ส่วนหนึ่งที่มีประชาชนเสียชีวิตเพราะมีการตั้งป้อม ตั้งด่านของเจ้าหน้าที่แต่มีการเข้ามาโจมตี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องป้องกันด่านหรือป้อมไว้
“คำพูดของผม ผมจำได้ว่าเป็นลักษณะเช่นนี้ แต่อาจจะมีการนำไปใส่คำใหม่ เช่น วิ่งเข้ามาหาลูกปืนอย่างนี้ คนบ้าอย่างผมจะพูดอย่างนั้นได้เหรอ มันไม่มีทาง แต่ผมเข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหมดนี้มาจากทนายอัมสเตอร์ดัม ที่รับจ้างทำงานให้เขาอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็พูดจาให้ร้ายประเทศไทย ให้ร้ายรัฐบาลไทยมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งทนายคนนี้เราก็ไม่ให้เข้าประเทศอยู่แล้ว” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อ้างเรื่องนี้คือนายสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น ที่ไปโพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยนำคำพูดของท่านในลักษณะนี้ ที่ไปพูดกับเยาวชนของพรรคเมื่อวันเสาร์ที่ 5 มี.ค.ที่ รร.เมอร์เคียว มาเผยแพร่ นายสุเทพยืนยันว่า ไม่มี ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องอย่างนี้เลยส่วนการพูดในที่ประชุมสัมมนาของ เยาวชนของพรรคก็ไม่ได้พูดลักษณะเช่นนี้เลย ไม่ได้พูดแน่นอน
“ผมมีสติอยู่ตลอดเวลาในการพูดจา และที่ผ่านมาก็ระมัดระวังอยู่แล้ว ยืนยันเลยว่าสิ่งที่ผมจะพูดจะเป็นเรื่องที่เป็นความจริงเท่านั้น และจะพูดเฉพาะในสิ่งที่ผมเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพูด ไม่ได้คิดว่าจะพูดเอามัน หรือพูดเพื่อเอาภาพ หรือพูดเพื่อไปโต้แย้งกับใคร สิ่งที่ผมกังวลใจอยู่ตลอดเวลาคือความเข้าใจที่แท้จริงและถูกต้อง ผมไม่ต้องการเอาเรื่องนี้มาบิดเบือนและระมัดระวังไม่ให้กระทบความรู้สึกของประชาชนที่บริสุทธิ์ใจ ยืนยันว่าประชาชนส่วนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมไม่รู้หรอกว่าแกนนำคิดวางแผนอะไร ทำอะไร คนที่จะรับผิดชอบจริงๆ คือบรรดาแกนนำทั้งหลาย บรรดาผู้วางแผนทั้งหลาย พวกที่นั่งข้างหลังเวที พวกที่ประชุมในวอร์รูมอยู่ทุกวันที่ออกแผนมาแต่ละชุด พวกนี้ล่ะที่ต้องรับผิดชอบ” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา และฝ่ายค้านอาจนำเรื่องนี้ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านตั้งใจจะทำมากกว่านั้น การอภิปรายฯครั้งนี้ตนดักทางได้เลยว่า การบิดเบือน การใส่ร้าย การเอาความเท็จมาพูดต้องเกิดขึ้นอย่างมโหฬารในสภา ซึ่งตนก็จะเอาความจริงทุกอย่างไปแสดง เอาหลักฐานทั้งหลายไปแสดงให้ประชาชนเห็น ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้วินิจฉัย ใช้ดุลพินิจ ก็ได้ฟังทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนจะตอบทุกประเด็น จะทำให้ชัดเจนและครบถ้วน
“เมื่อวานคนเอาคลิปที่เขาพยายามเผยแพร่กันในทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ว่ามีเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้เกิดขึ้น และเอามาอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไล่ยิงคนในเซ็นทรัลเวิร์ลให้ออกให้หมด เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำแต่จะโยนความผิดมาให้เจ้าหน้าที่ ผมขอบอกเลยว่า ประชาชนเริ่มติดตามเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพราะเขาเริ่มกระบวนการที่จะปูพื้นก่อนวันอภิปรายฯแล้ว ลักษณะทำอย่างนี้ เข้าใจได้ และต้องการชักนำความรู้สึกของประชาชนไปทางนั้นก่อน โหมโรงไปจนกว่าจะถึงวันอภิปรายฯ ผมก็จะเอารูปภาพของจริงไปแสดงว่าในวันนั้น คนที่ลงสื่อเผาเซ็นทรัลเวิร์ล หน้าตาเป็นอย่างไร แต่งตัวอย่างไร เอาอะไรเข้าไปเผา และจะรายงานให้ประชาชนเห็นว่าทุกชั่วโมง ทุกเวลาของเหตุการณ์ในวันที่ 19 พ.ค.ที่มีการเผาสถานที่ต่างๆ นั้นเกิดขึ้นตอนไหน อย่างไร ใครอยู่ตรงนั้น และทำอะไรอยู่ ซึ่งเขาไม่ได้เผาเฉพาะเซ็นทรัลเวิร์ล แต่เผาสถานที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของแกนนำที่สั่งให้เผาบ้าน เผาเมือง และจะไปเผาทีวีช่อง 3 รวมถึง นสพ.บางกอกโพสต์ด้วย แต่บังเอิญผมส่งเจ้าหน้าที่ไประงับเหตุได้ทัน นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนซึ่งผมก็จะเอาไปแสดงให้เห็น” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องคลิปตกลงว่าจะให้ฝ่ายค้านเปิดในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับตนคิดว่าฝ่ายค้านมีอะไร เอามาเลย ไม่ต้องไปยั้งมือกันแล้วตอนนี้ แต่ทราบว่าจะมีคณะกรรมการทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาลในพิจารณาและตกลงกันว่าคลิปไหนเป็นอย่างไร เพื่อป้องกันการเผยแพร่คลิปที่ไม่เหมาะสม ไปกระทบสิ่งทีไม่ควรกระทบ ส่วนตนตกลงกันมาอย่างไรก็ยินดีทำตามนั้น ส่วนที่ขณะนี้มีผลกระทบไปถึงกองทัพอากาศที่ผบ.ทอ.ออกมาพูดถึงชายชุดดำนั้น ตนเห็นใจ ผบ.ทอ.ที่ถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของกลุ่มคนกลุ่มนี้ก็คือต้องการดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพ เขาก็ว่าไปทีละกองทัพจนหมด เพราะเขาไม่พอใจที่บรรดากองทัพไม่เชื่อฟัง ไม่รับใช้เขา เขาพยายามแทรกแซงมาตลอด จะเห็นว่าที่ผ่านมาก็มีทั้งทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ พอไม่ได้ผลก็มาใช้วิธีอื่น ถ้าเลี้ยงไว้ไม่ได้ ก็ต้องทำลายเสีย อะไรทำนองนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปแล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นการฟอกตัวเองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น “ใช้ภาษาอย่างนี้ต้องไปอยู่กับอัมสเตอร์ดัม ใช้คำว่าฟอกตัวเอง แต่ถ้าผมพูดไปก็จะยุ่ง” ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ เป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้รู้ ได้เห็นพร้อมๆ กัน ฝ่ายค้านมีอะไรที่จะตั้งเป็นข้อกล่าวว่าก็เอามาแสดงให้เต็มที่ในสภา ฝ่ายรัฐบาลมีอะไรที่จะชี้แจงก็เอามาแสดงในสภาให้ประชาชนดูข้อเท็จจริงและวินิจฉัย ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนแยกแยะข้อเท็จจริงได้ ใครพูดจริง หรือโกหก ก็จะเห็นชัด
“วันนี้ผมเรียนได้เลยว่าเขาตั้งข้อหาว่านายกฯ เป็นฆาตกร ผมเป็นฆาตกร สั่งฆ่าประชาชน ผมว่าเอาง่ายๆ ดูหน้าคนพูดที่กล่าวหา กับคนถูกกล่าวหาก็แล้วกันว่า หน้าตาใครมันจะคล้ายข้อกล่าวหามากกว่ากัน ส่วนข้อเท็จจริงก็ค่อยๆ ดูกันไป”รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมจึงคิดว่าฝ่ายค้านดิสเครดิต เพราะส่วนหนึ่งอดีตข้าราชการที่เป็นทหารที่อยู่พรรคเพื่อไทย เขาอาจจะให้ข้อมูลตรงนี้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าแหล่งข้อมูลเขามาจากไหน อย่างไร ตนก็เข้าใจว่าในวงการข้าราชการทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ยังมีคนที่เคยได้ดิบ ได้ดี ที่เขาชุบเลี้ยงมา ยังอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ ก็มี เล็กๆ ก็มี ตำรวจระดับรองผู้บัญชาการก็มี ก็ชัดเจน ตนใช้อะไรก็ไม่ค่อยทำ ใช้ไปปราบยาเสพติดก็ทำเฉย ใช้ไปทำอะไรก็เฉย ก็เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่เป็นไร เราก็ค่อยๆ ทำไป ตำรวจส่วนใหญ่ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าเขาคือตำรวจของประชาชน ไม่ใช่ตำรวจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตำรวจก็ทำงานกันมากขึ้นแล้วก็ต้องขอบคุณ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วตำรวจของประชาชนของท่านทำงานเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแค่ม็อบ 2 ม็อบยังทำอะไรไม่ได้เลย รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ก็จับยาเสพติดได้มากขึ้น ซึ่งใน กทม.คนก็จะรู้สึกแล้วว่า ยาเสพติดเริ่มเบาบางลง อาชญากรรมก็ลดลง และกำลังจะให้ตำรวจกวาดล้างอาวุธ