xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้บันไดรัฐ 3 ขั้นไล่ม็อบ - ไปสถานทูตอินโดฯ พรุ่งนี้ ค้านจุ้นปัญหา 2 ชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
โฆษกพันธมิตรฯ ซัดรัฐไร้มาตรฐานใช้ความรู้สึกส่วนตัวออก พ.ร.บ.มั่นคงซอยบ้านนายกฯ แนะย้ายไปอยู่ที่อื่น ชี้ บันได 3 ขั้นรัฐไล่ พธม.พ้นพื้นที่ ห่วงทหารอินโดฯ ฝั่งเขมรเหยียบพื้นที่รอบพระวิหาร เผย กก.ราชอาณาจักรไทย ไปสถานทูตอินโดฯ พรุ่งนี้ค้านจุ้นปัญหา 2 ชาติ โชว์หลักฐานเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส

วันนี้ (9 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวาน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการประกาศของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ฉบับที่ 4 ที่ห้ามการใช้ถนนรอบบ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมาตรฐานของรัฐบาล เพราะขณะที่อ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน จนมีการนำกำลังเข้ายึดคืนพื้นที่ถนน 2 เลนหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แต่กลับใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการออกประกาศห้ามใช้ ถ.สุขุมวิท ในหลายเส้นทางที่เป็นใจกลาง กทม.ซึ่งส่งผลกระทบต่อร้านค้า ผู้ประกอบการ ประชาชน โรงเรียน โรงแรม รวมทั้งย่านธุรกิจต่างๆ ที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อเป็นทางลัด ทางเลี่ยงถนนสายหลัก ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างแน่นอน และหากนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการจราจรจริง ควรแก้ไขปัญหาโดยไม่ให้เดือดร้อนต่อประชาชนย่านสุขุมวิท โดยการย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ห่างไกลย่านชุมชนแถวนั้นมากกว่า

“แท้ที่จริงแล้วแทนที่นายกฯจะมาสนใจปัญหาจราจร และพยายามทำให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ นายกฯควรที่จะไปผลักดันทหารกัมพูชาออกจากผืนแผ่นดินไทยมากกว่า ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ทำ และมาสนใจแต่การชุมนุมที่ประชาชนร่วมกันออกมาปกป้องอธิปไตยของชาติ” นายปานเทพ กล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีขบวนการที่จะพยายามขัดขวางการชุมนุมของพันธมิตรฯ และผู้ชุมนุมป้องกันราชอาณาจักรไทย โดยเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ก็ได้มีตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม.ได้เข้ามาในพื้นที่การชุมนุม และพยายามทุบทำลายห้องสุขาริมรั้วกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีอยู่จำนวน 48 ห้อง ซึ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯก็พยายามขอร้องไม่ให้ทุบทำลาย เนื่องจากจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ชุมนุม จนที่สุดผู้ชุมนุมก็ได้ต่อต้านจนเจ้าหน้าที่ต้องเดินทางกลับไป การรื้อห้องสุขาเป็นความพยายามหนึ่งในแผนบันได 3 ขั้นที่รัฐบาลใช้ในการขับไล่ผู้ชุมนุม เพื่อไม่ให้สามารถชุมนุมได้ในทางปฏิบัติ โดยขั้นตอนที่ 1 คือ การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อต้องการให้ผู้ชุมนุมเดือดร้อนจากโทษทางอาญา และสามารถดำเนินการขับไล่ผู้ชุมนุม ปล่อยให้มีรถสัญจรผ่านที่ชุมนุม ทำให้ประชาชนและผู้ชุมนุมรู้สึกไม่มีความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ที่เคยสัญญาว่าจะมาดูแลความปลอดภัยให้ ขณะนี้ก็มีจำนวนไม่เพียงพอ

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า บันไดขั้นที่ 2 คือ การยึดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมออกจากบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อส้รางความเดือดร้อนหรือกดดันให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการชุมนุมโดยการให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน และขั้นที่ 3 คือความพยายามในการดำเนินการรื้อห้องสุขา 48 ห้องริมรั้วกระทรวงศึกษาธิการให้สำเร็จ เพื่อให้ผู้ชุมไม่มีห้องสุขาใช้งาน ส่วนรถสุขา กทม.ที่รัฐบาลเสนอให้ทดแทนนั้น ไม่สามารถใช้งานได้ดี ติดปัญหาข้ออ้างของเจ้าหน้าที่มากมาย และยังคุณภาพต่ำส่งกลิ่นเหม็นรบกวน ซึ่งไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

“สิ่งเหล่านี้คือขบวนการบ่อนทำลายการชุมนุมของประชาชนที่ใช้สิทธิในการชุมนุมเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าประเทศไทยได้สูญเสียดินแดนไปแล้ว รัฐบาลแทนที่จะกดดันทหารกัมพูชาให้ออกจากดินแดนไทย กลับปล่อยให้กัมพูชายึดครองพื้นที่ และให้ประเทศที่ 3 เข้ามาเป็นสักขีพยานแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า ในช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.นี้ คาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในเรื่องเกี่ยวกับทหารและการวางกำลังทหาร ทำให้พันธมิตรฯเป็นห่วงว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศ ออกมาระบุว่าไม่ขัดข้องต่อการให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา ซึ่งจนปัจจุบันรัฐบาลก็ยังไม่เปิดเผยแผนแม่บทและความตกลง (TOR) ที่ อินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนจัดทำและเสนอให้แก่ไทยและกัมพูชา ทำให้เราเป็นห่วงว่าจุดที่ทหารอินโดนีเซียเข้ามาในฝั่งกัมพูชานั้น จะเป็นผืนแผ่นดินไทยหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ภูมะเขือ หรือวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เพราะจะเป็นการตอกย้ำว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นของกัมพูชา ทั้งนี้ สิ่งที่เราเป็นห่วงมากไปกว่านั้น คือ ภารกิจทหารอินโดนีเซียที่มาปฏิบัติในพื้นที่นั้น เป็นการบังคับไม่ให้ฝ่ายไทยใช้กำลังปลักดันทหารกัมพูชาออกจากประเทศไทย และยึดครองได้จนกว่าจะพอใจ ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนแล้วในทางปฏิบัติ

โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จะไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตอินโดนีซัย เพื่อคัดค้านไม่ให้อินโดนีเซีย หรืออาเซียน เข้ามาแทรกแซงปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ และเป็นการตอบโต้การที่รัฐบาลไทยไม่ยืนยันในเรื่องเส้นเขตแดนของตัวเอง จนทำให้มีประเทศที่ 3 โดยอาเซียนเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ทั้งยังเป็นการยืนยันเส้นเขตแดนที่รัฐบาลไทยไม่เคยยืนยัน โดยอ้างสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อ 103 ปีก่อน ที่ระบุว่าบริเวณดังกล่าวมีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จ โดยยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำในการแบ่งเส้นเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนั้น อาเซียนและอินโดนีเซียไม่มีอำนาจในการแทรกแซงใดๆ ได้

“สิ่งนี้จะเป็นการต่อสู้ในฐานะภาคประชาชน ที่อย่างน้อยจะเป็นการยืนยันเรื่องเส้นเขตแดนเป็นครั้งแรก ในขณะที่รัฐบาลไทยไม่เคยทำทั้งในเวทีอาเซียน หรือเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” นายปานเทพ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น