“มาร์ค” สบช่องหาเสียง ชูนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แจงปี 52 ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครองและทำให้มีคนได้ประโยชน์ 12 ล้านคน เล็งเพิ่มยาหอมต่อยอดกองทุนกู้ยืมในระดับอุดมศึกษา
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2554 เวลา 14.30 น. ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานจัดงาน "เรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ปีที่ 3" และพิธีโอนเงินสู่สถานศึกษาตามนโยบายเรียนฟรี เรียนดี 15 ปี จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการภาคี 4 ฝ่ายเข้าร่วมงาน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ที่เป็นเรื่องหลักการพัฒนาประเทศ และโอกาสทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากที่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา และการเรียนฟรีเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานทางการศึกษาตามรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถจะดำเนินการได้ เพราะการจัดสรรงบประมาณหรือทรัพยากรขาดความชัดเจนไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วงที่รัฐบาลเข้ามาเมื่อปลายปี 2551 ต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลประกาศนโยบายชัดเจน ว่า ต้องการที่จะเห็นทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี โดยปี 52รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 1.8 พันล้านบาทเพิ่มให้กับทุกสถานศึกษา ทำให้มีนักเรียนที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายนี้ประมาณ 12 ล้านคน และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในภาวะที่ประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น นอกจากได้สร้างโอกาสทางการศึกษาแล้ว ยังทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดความเหลื่อมล้ำ และแสดงออกถึงความมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในฐานะที่มีความยากลำบาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แผนการปฏิรูปประเทศในปัจจุบัน มีโครงการและนโยบายพิเศษที่มุ่งเน้นให้โอกาสเยาวชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ห่างไกลในชนบท เด็กพิการ เด็กไร้สัญชาติ ลูกหลานของแรงงานต่างด้าว เด็กที่ถูกออกจากระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ถือเป็นหลักประกันให้ประชาชนที่มีลูกหลานอยู่ในการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานได้รับโอกาสตรงนี้ และจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่จะต่อยอดไปสู่นโยบายอื่น ๆ เช่น การขยายโอกาสทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งจะมีระบบของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่จะมารับช่วงจากนโยบายนี้
