xs
xsm
sm
md
lg

“โทรโข่งมาร์ค” ปฏิเสธนายกฯ-คนใกล้ชิดเอื้อบริษัทบุหรี่นอกเลี่ยงภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ (แฟ้มภาพ)
“โทรโข่งมาร์ค” ปัดนายกฯ และคนใกล้ชิดเอื้อบริษัทบุหรี่นอกเลี่ยงภาษี ยันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการอย่างตรงไปตรงมา อ้างคนส่วนน้อยต่อต้านนายกฯระหว่างลงพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่ยังหนุนให้เป็นผู้นำต่อ ย้อนถาม หาก “อภิสิทธิ์” มือเปื้อนเลือด สมัย “น้องเขย นช.แม้ว” เป็นนายกฯ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ หน้าสภาจะเรียกว่าอะไร พร้อมปัดบีบรัฐวิสาหกิจ เอกชน ซื้อโต๊ะระดมทุน ยินดีให้ กกต.ตรวจสอบ สวนกลับ “นพเหล่” ลงสัตยาบันไร้ประโยชน์ ในอดีต “ทักษิณ” ก็ยังเคยฉีกมาแล้ว

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยว่า ที่ระบุว่ามีประเด็นเด็ด แแต่ถ้าหากติดตามประเด็นใหม่ในการอภิปรายคงเป็นเพียงเกิดขึ้นใหม่ตามสถานการณ์ เช่น น้ำมันปาล์ม 3G และภาษีบุหรี่นอก ที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหานายกรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา

นายเทพไทกล่าวยืนยันว่า เรื่องภาษีบุหรี่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่มีพฤติกรรมแทรกแซง หรือคนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้อง และนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวต้องทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นการมากล่าวหาว่าช่วยบุคคลใดบุคคลหนึ่งในการเลี่ยงภาษีนั้น ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว ต่างจากอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนที่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี จนเกิดการปฏิวัติรัฐประหารและถูกขับไล่ออกนอกประเทศ

ส่วนที่ระบุว่าได้ข้อมูลจากคนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายเทพไทยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับพรรค เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยงานราชการ และพรรคไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดให้ร้ายคนในพรรคหรือแทงกันเอง ดังนั้น ไม่ควรออกเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกในพรรคประชาธิปัตย์

นายเทพไทกล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่และได้รับการต่อต้านจากบุคคลบางกลุ่ม เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในความรู้สึกนายกรัฐมนตรีจะวางเฉย ซึ่งท่านยืนยันว่าต้องเคารพการแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ แต่การแสดงออกก็ควรคำนึงถึงกาลเทศะ เช่น งานบรรยายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีการสร้างความวุ่นวาย ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมต้องทำให้เกิดความเรียบร้อย เชื่อว่าการขัดขวางเป็นคนส่วนน้อย และคนส่วนใหญ่ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศต่อไป

ส่วนการกล่าวหานายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด อยากถามว่าสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม หน้ารัฐสภา มือเปื้อนเลือดหรือไม่

นายเทพไทกล่าวว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ยุติธรรมต่อนายกรัฐมนตรี และหากมีพฤติกรรมต่อต้านหรือป่วนต่อไป ก็อาจล่อแหลมจนเกิดความวุ่นวายได้ในอนาคต และคนที่ออกมาป่วนเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนที่มีการชูป้ายถึงแม้จะเป็นวิธีการสันติ แต่ต้องคำนึงถึงบรรยากาศภายในงาน และควรไปชูแสดงออกนอกงาน ส่วนการชูป้ายว่านายกรัฐมนตรีดีแต่พูด ก็ควรไปชูที่พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะเห็นว่าดีแต่พูด ยังดีกว่าดีแต่โกงเหมือนผู้นำในอดีตที่ผ่านมา

นายเทพไทกล่าวว่า การระดมทุนพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 8 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่ามีการบีบบังคับให้รัฐวิสาหกิจ เอกชนซื้อโต๊ะ ตนอยากเรียนว่าพรรคจัดงานระดมทุนทุกปี และเป็นเรื่องจิตศรัทธาของผู้สนับสนุนพรรค และพรรคไม่เคยกดดันหรือสร้างความลำบาใจต่อผู้สนับสนุน แม้แต่สมาชิกพรรคถ้าใครอยากสนับสนุนก็ได้ และการระดมทุนพรรคประชาธิปัตย์ทำอย่างเปิดเผย ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตามหลักบริจาคได้ปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท พรรคก็จะออกใบเสร็จให้ชัดเจน และหากต้องการให้ กกต.ตรวจสอบ พรรคก็พร้อมทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ กกต.กลับไปตรวจสอบพรรคเพื่อไทยในการใช้เงินดีกว่า เพราะไม่เคยมีการจัดงานระดมทุนแม้แต่ครั้งเดียว แต่มีเงินใช้ตลอดทั้งปี ไม่ทราบว่าเอาเงินมาจากนายใหญ่หรือนายทุนที่ไหน และไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยอิจฉาตาร้อน

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ร่วมลงสัตยาบรรณว่าหลังเลือกตั้งพรรคการเมืองที่ได้อันดับหนึ่งต้องจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนอยากเรียนว่าการลงสัตยาบันไม่ใช้ข้อผูกมัด เท่ากับสำนึกทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาหลายครั้ง ก็มีการฉีกสัตยาบรรณมาแล้ว และไม่มีใครรับผิดชอบเหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ลงสัตยาบันในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2549 แต่กลับฉีก จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่น บอยคอตไม่ลงการเลือกตั้ง จึงอยากให้นายนพดลกลับไปศึกษาว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้งเมื่อปี 2549 เพราะอะไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณหักหลังและฉีกสัตยาบรรณใช่หรือไม่

“การเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งจริง และสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ก็ชิงเป็นรัฐบาลไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องให้พรรคการเมืองอันดับสอบจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหลักสากลทั่วโลกก็ทำอย่างนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ควรกังวลเรื่องนี้ แต่ควรกลับไปหาวิธีให้ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งดีกว่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดว่าจะมีบางกลุ่มไปก่อความวุ่นวายในงานระดมทุนพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 8 มี.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า งานระดมทุนเป็นกิจกรรมของพรรคการเมือง คนที่มีความเห็นแตกต่างก็ไม่ควรที่จะเข้าไปขัดขวาง หากมีบางกลุ่มเข้าไปขัดขวาง ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล และพรรคมีหน้าที่รับแขกเข้าร่วมงานเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น