พธม.แฉคลิปทหารเขมรสร้างทางขนอาวุธบนปราสาทตาควาย

“ปานเทพ” แฉคลิปภาพทหารเขมรสร้างราง-กระเช้าขึ้นปราสาทตาควาย หวังลำเลียงอาวุธโจมตีไทย จี้รัฐเร่งตอบโต้ ขณะที่ “จำลอง” เผยรัฐระดมตำรวจ 700 นาย ในทำเนียบ จ่อสลายม็อบก่อน 15 มี.ค. ยันการชุมนุมไม่กระทบงานกาชาด

วันนี้ (5 มี.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำคลิปจากยูทูบ ที่เป็นภาพของทหารกัมพูชากำลังก่อสร้างรางและกระเช้าบริเวณเชิงทางขึ้นปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นการลำเลียงอาวุธและทหารในการใช้เป็นฐานโจมตีประเทศไทย ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลให้ออกมาตอบโต้การกระทำดังกล่าวของกัมพูชาในการใช้แสนยานุภาพทางทหาร เพราะเห็นว่ากัมพูชาไม่ได้ต้องการที่จะเจรจา แต่กัมพูชาต้องการใช้ MOU 43 มาผูกมัดเพื่อไม่ให้ไทยใช้กำลังทางทหาร แต่ทางการกัมพูชาก็ไม่ปฏิบัติตาม MOU 43 เช่นกัน

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวยืนยันว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่กระทบการจัดงานกาชาดประจำปี 2554 เพราะบริเวณพื้นที่ชุมนุมไม่ใช่พื้นที่การจัดงาน ส่วนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นได้ ซึ่งการชุมนุมเมื่อปี 2551 ของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แต่ไม่ได้กระทบการจัดงานกาชาดแต่อย่างไร โดยมองว่าตำรวจจะใช้ข้ออ้างการจัดงานกาชาดมาใช้สลายการชุมนุม เนื่องจากเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) มีการระดมกำลังตำรวจกว่า 700 นาย ภายในทำเนียบรัฐบาลอย่างผิดปกติ โดยมีรายงานว่ารัฐบาลสั่งการให้ตำรวจสลายการชุมนุมก่อนวันที่ 15 มีนาคม จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงด้วย

ขณะที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี รายงานว่า กัมพูชายืนกรานในท่าทีเดิมว่าจะไม่มีการเจรจาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี ไทย-กัมพูชา ในเดือนนี้ ตามที่ไทยร้องขอ

พีเพิลเดลี ลงรายงานของสำนักข่าวซินหัวว่า โฆษกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเปิดเผยว่า พล.อ.เตีย บัญ รมว.กลาโหม ได้โต้ตอบไทยว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะจัดการประชุมจีบีซี และจะไม่มีการจัดเจรจาระดับทวิภาคี หากไม่มีตัวแทนสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้ หากไทยต้องการเสนอเจรจากับกัมพูชา ก็ขอให้ผ่านประธานอาเซียน

โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ยังเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่า ให้กัมพูชาจัดการประชุมจีบีซี ครั้งที่ 8 ในเดือนนี้ แทนการประชุมโดยปกตินั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อเตะถ่วงการยอมรับคณะสังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย