“สนธิ”เตรียมเผยสูตร ปชช.จับมือทหารยศนายพันไล่รัฐบาล-ทหารชั้นผู้ใหญ่ แล้วเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ขณะเดียวกันเตรียมแฉแผนนักการเมืองจับมือกันผูกขาดอำนาจ ทำสถาบันหลักของชาติอ่อนแอ ไม่มีใครตรวจสอบนักการเมืองได้ ย้ำ “มาร์ค”แอบจับมือ“ทักษิณ”มี “สุเทพ”เป็นตัวกลาง ระบุช่วยประกันตัวเสื้อแดงคือสัญญาณแสดงน้ำใจ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 4 มี.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดยได้กล่าวถึง การที่ประชาชนในแอฟริกาและตะวันออกกลางลุกฮือขึ้นมาโค่นล้มผู้นำที่ครองอำนาจมายาวนานว่า รูปแบบนี้เอามาใช้กับเมืองไทยได้ เมื่อประชาชนเห็นว่านักการเมืองมันชั่วร้าย และทำลายทุกอย่าง ก็ออกมาขับไล่โดยร่วมกับทหาร ยศนายพันที่รักชาติรักแผ่นดินที่ทนไม่ไหวที่ผู้ใหญ่ในกองทัพมัวแต่ขายกุนเชียง แล้วไปรับใช้เขมร ขณะนี้ ทหารระดับล่าง กำลังอึดอัดใจที่นายตัวเองไม่ทำหน้าที่ทหาร เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องทำให้ 2 ฝ่ายนี้เข้ามาร่วมกัน แล้วไล่รัฐบาล แล้วไล่พวกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่มันมุ่งแต่ประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองออกไปให้หมด แล้วก็เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ซึ่งสูตรนี้มีความเป็นไปได้ โดยในวันพรุ่งนี้ ตนจะมาเล่าให้ฟัง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้จะเล่าภาพรวมการเดินแผนของนักการเมืองในการจับมือกันเพื่อครองอำนาจต่อไป โดยนักการเมืองในที่นี้ หมายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จับมือกันแล้วโดยใช้นายสุเทพเป็นตัวกลาง วันนี้ภาพเริ่มชัดแล้ว จากการซึ่งรัฐบาลเเอาคนไปให้การที่ศาล ให้เป็นประโยชน์กับพวกเสื้อแดง เพื่อปล่อยแกนนำเสื้อแดงออกมาทุกคน แสดงว่า มีการคุยกันก่อนล่วงหน้า แล้วทักษิณก็บอกให้แสดงน้ำใจให้ดูหน่อย เพราะวันนี้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอให้เป็นนายกฯ ต่อไปหลังจากการเลือกตั้ง ตัวเองก็พอใจ ขณะที่ทักษิณคิดในใจ รอเวลาแข็งแรงเมื่อไหร่ค่อยฆ่าทีหลัง แต่ด้วยเหตุผลอันนี้ทำให้นักการเมืองจับมือกัน และจงใจทำให้ทุกสถาบันอ่อนแอ ไล่มาตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันทหาร และสถาบันศาสนา พรุ่งนี้ตนจะเอาภาพรวมนี้มาให้ดู จะเอามาให้ดูว่าทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่ทำร่วมกันของนักการเมือง เพราะนักการเมืองต้องการผูกขาดในการเข้ามามีอำนาจ แล้วทำอะไรตัวเองก็ไม่ผิด ไม่มีใครตรวจสอบนักการเมืองได้
คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ปราศรัย
พี่น้องครับ ... คิดถึงพี่น้องทุกคน ไปรักษาขา แล้วก็ไปหาเงินเดือนให้พนักงาน ASTV วันนี้พนักงาน ASTV ได้เงินเดือนออกกันทุกคนแล้ววันนี้ ก็เป็นปกติธรรมดาครับ วันนี้จะพูดเรื่องในใจสักนิดหนึ่ง สัพเพเหระกับสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อน เป็นการโหมโรง แล้วพรุ่งนี้จะมีรายการใหญ่ให้พี่น้องมา เตรียมตัวมานานพอสมควร
วันนี้จะโหมโรง ขออนุญาตพูดเรื่องการชุมนุมนี่สักนิดหนึ่ง พี่น้องครับ ผมไม่ได้ตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียวกับการซึ่งตำรวจมา นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ ฝ่ายความง่อนแง่น มาขอพื้นที่ 2 เลน ผมเฉยๆ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า เขาสลายเราเมื่อไหร่ ก็มีเรื่องเมื่อนั้น แล้วเขาสลายแล้ว สลายวันนี้ พรุ่งนี้ เราก็กลับมาอีกใช่ไหมพี่น้อง จะสลายวันไหนวันรุ่งขึ้นเราก็กลับมาตลอดเวลา
พี่น้องครับ ตั้งแต่ปี 2549 ASTV ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนสื่อเดียว ที่ต่อสู้บนความถูกต้อง โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ คนที่ทำ ASTV มาทุกคน ล้วนแล้วแต่ฝ่าอันตรายมาแล้วทั้งสิ้น ผมโดนคดีความ โดนจำคุกแล้ว 6 ปี โดนยิงไปแล้วเกือบ 200 นัด โดนหมดทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ ASTV ล่มสลายเขาต้องทำทุกอย่าง เพราะถ้าไม่มี ASTV แล้ววันนี้พี่น้องก็ไม่มีที่นี่ ถ้าไม่มี ASTV แล้วความจริงที่ อ.เทพมนตรี และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พูดบนเวที จะไม่ไปถึงสังคมไทยประเทศไทย ถ้าไม่มี ASTV แล้ว จะมีสื่อไหนเล่า ที่จะมาเล่าให้เราฟังถึงความจริงในสังคมทุกๆ สังคม ในบางช่วงในการต่อสู้นั้น ทุกคนก็รัก ASTV แต่พอการต่อสู้เริ่มจบสิ้นลง เราก็ไม่หยุดยั้งในการเสนอความจริง แต่บางครั้งความจริงที่เราเสนอนั้น มันเป็นความจริงที่เจ็บปวดสำหรับคนอีกฝ่าย คนพวกเราเองที่ไปรักอีกฝ่ายหนึ่ง เขารับไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว คนดู ASTV ก็เลยขึ้นๆ ลงๆ แต่ว่า ASTV นั้นมาตรฐานคงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เหมือนที่พูดกันให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า เวลาแดดออกก็เห็นเรายืนอยู่ตรงนี้ เวลาฝนตก ท้องฟ้าเมฆครึ้ม มองอะไรไม่เห็น แต่พอฝนหมดไป แดดออกอีกครั้งหนึ่งก็เห็นเรายืนอยู่ตรงที่เก่าเหมือนกัน เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง การต่อสู้ของพี่น้องครั้งนี้ โดยที่ ASTV เป็นผู้ที่ถ่ายทอด เอาความจริงให้กับประชาชนนั้น เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากกว่าทุกๆครั้ง ที่ว่ายากลำบากนั้น เป็นเพราะว่า ประการแรก เราต้องสู้กับคนของเราเองด้วย คนของเราเองนั้นคนของพันธมิตรฯ และคนของ ASTV ด้วย วันนี้เราก็เหลือแต่เนื้อแท้ๆของพันธมิตรฯ และประชาชนของผู้รักชาติ เช่นเดียวกัน ASTV ก็เหลือแต่เนื้อแท้ๆ ของคน ASTV เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการพิสูจน์ ความสัตย์ซื่อต่อสังคมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองด้วยเช่นกัน ASTV นั้นไม่เคยง้อใคร ASTV มีรายได้เพียง 2 อย่าง อย่างหนึ่งคือ ปุ๋ยขวัญดิน ที่พี่ลองขาย กำไร 28% ยกให้ ASTV ทุกๆ เดือน แล้วก็ ASTV Products ทั้งยาสีฟัน แปรงสีฟัน ข้าว สบู่ น้ำปลา กำไร 2 ส่วนนั้น คือส่วนหนึ่งซึ่งมาเกื้อหนุนเจือจุนให้พนักงาน ASTV ส่วนที่3 คือการบริจาคของพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งก่อนชุมนุมการบริจาคลดน้อยไปตามอารมณ์ แต่ระหว่างชุมนุมเฉลี่ยการบริจาคที่มาเวทีนี้ เฉลี่ยวันละเกือบ 2 แสนบาท แต่เกือบ 2 แสนบาทนี้เอามาจ่ายค่าเวที ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกวันละประมาณ 1.8-2 แสน ที่เล่าให้พี่น้องฟังนั้นเพื่อให้พี่น้องรู้ว่า ข่าวลือทุกอย่างต้องการจะทำลาย ASTV ทำลายผม เช่น แอนพูดเมื่อกี้ ว่ามีข่าวลือว่าผมขนเงินบริจาคของพี่น้องทั้งหมด แล้วหนีไปอยู่เมืองนอกเรียบร้อยแล้ว ที่มาเล่าให้ฟังนั้น จะได้ให้พี่น้องภูมิใจ ว่าตายเป็นตายนั้น เผอิญยังไม่ตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง มันจะเจ๊งหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เจ๊งสักที ขอให้พี่น้องภูมิใจว่า ASTV เป็นสื่อมวลชนสื่อเดียว ที่จะยืนเคียงข้างประชาชนในเรื่องความจริง ยึดถือคุณธรรม เอาศีลธรรมเป็นที่ตั้ง ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ทุกวันนี้มีลมหายใจอยู่ได้เพราะแรงเกื้อหนุนจากพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายนะครับ ที่เห็นว่าบริจาคให้กับกองทุนสู้เขาพระวิหาร 1 พันบาท กองทุนอันนั้นก็เอามาใช้จ่ายในเวที บริจาค ASTV 1 พันบาท กองทุนอันนี้ก็เอาเงินไปเข้า ASTV ช่วยเหลือในค่าใช้จ่ายต่างๆ
วันนี้เดินเข้ามาพนักงานก็ยิ้ม แล้วก็มาไหว้ผม บอกว่า ขอบคุณมากนาย เงินเดือนออกแล้ว ผมก็บอกว่า นึกในใจมันต้องออกสิวะ กูไปยืมชาวบ้านเขามาที่เมืองนอก แล้วเขาโอนเงินเข้ามาให้
พี่น้องครับ ที่มาพูดนี้ไม่ใช่ต้องการโอ้อวดตัวเอง แต่ต้องการให้พี่น้องซึ่งบางคนก็เป็นผู้ถือหุ้น ASTV บางคนก็เป็นพันธมิตรฯ แท้ ให้รู้ว่าเราไม่มีความลับปิดซึ่งกันและกัน เรามีอะไรเราก็บอกกันตรงๆ เราไม่ได้ปิด ไม่ได้โกหกอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วให้พี่น้องสบายใจได้ ว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และถ้ามันจะต้องสิ้นไป ก็ขอให้มันสิ้นไปด้วยตัวมันเอง แต่จะเรียนให้พี่น้องฟังให้ทราบว่า ถ้าไม่มี ASTV แล้ว จะไม่มีสื่อไหนเลยที่จะรายงานสิ่งที่พวกเราพูดออกไป
แล้วเมื่อกี้นี้ผมก็ได้เจอน้องรักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตำรวจอยู่ทางภาคเหนือ ยศพลตำรวจตรี เขาบอกว่า พี่รู้ไหมเดี๋ยวนี้ทางเหนือพวกเสื้อแดงเขาดู ASTV ของพี่ทุกคนเลย ผมบอกว่าทำไมเหรอ เขาบอกว่า ข้อที่ 1 เขาเกลียดอภิสิทธิ์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ข้อที่ 2 พอเขาเห็นเราวิพากษ์วิจารณ์อภิสิทธิ์ เขาก็มาฟัง พอเขามาฟังเขามีความรู้สึกว่าการวิพากษ์วิจารณ์อภิสิทธิ์ของเรานั้นเหนือชั้นกว่าพวกเสื้อแดงวิพากษ์วิจารณ์อภิสิทธิ์มาก ข้อที่ 3 เขาพูดดี เขาบอกว่า พอมาถึงเรื่องชาติบ้านเมืองแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วเขาไม่มีสี เขาบอกว่าเรื่องแผ่นดินไทยนั้นเป็นเรื่องของคนทุกคน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลถึงเดือดร้อน พ่อแม่พี่น้อง เขาเดือดร้อนมาก เพราะว่าจากการซึ่งคนซึ่งนั่งหน้าจอ แล้วก็เป็นพวกพันธมิตรฯ ประชาธิปัตย์ด้วยการเองหลายคนก็เริ่มเปลี่ยนใจหันมาฟังเหตุฟังผล ก็ขนาดน้องคนนี้นั่งด้วยกันดู อ.ปานเทพ กับดู อ.เทพมนตรี ออก เขาก็บอกว่าพี่ ผมดูมาทุกวันตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ นี่ผมลงมาเข้าวเวรราชองครักษ์ เขาบอกว่าผมฟังเหตุผลแล้ว ผมถึงเข้าใจว่ารัฐบาลทำไมถึงตอบไม่ได้ เพราะว่าพวกพี่ใช้ข้อมูลเป็นที่ตั้ง แล้วพวกรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์ หรือใครก็ตามเถียงอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วไม่ได้มีอะไรเป็นเบื้องหน้าเบื้องหลัง เขาดูนักวิชาการคนหนึ่งที่ออกคลิปวิดีโอเมื่อกี้ของ อ.เทพมนตรี เขาดูๆ อยู่ เขาบอกว่า พี่ๆ นี่มันตุ๊ดนี่หน่า อันนี้เขาพูดเองนะ ผมไม่ได้พูดนะ ผมบอกว่า ทำไมความรู้สึกช้านัก เขารู้กันตั้งนานแล้ว
พี่น้องครับ ขอบพระคุณพี่น้องที่ร่วมบริจาคทำบุญซื้อทองกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว วันนี้ได้โอนเงินที่พ่อแม่พี่น้องบริจาคที่นี่ เบ็ดเสร็จ 880,804 บาท รวมทองคำไปให้ด้วยเรียบร้อยแล้ว ส่งไปยังวัดป่าบ้านตาด โอนไปเรียบร้อยแล้ว เขาไปเบิกแล้วเอาไปเข้าตู้บริจาค พี่น้องครับผมจะอธิบายบางเรื่องให้ฟัง พรุ่งนี้เป็นวันพระราชทานเพลิงขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว พ่อแม่รู้ไหม ต้องขออนุญาตพี่น้องชาวมุสลิม อัสลามูอาลัยกุม ขอพูดเรื่องของศาสนาพุทธนิดนึง คือ คนโบราณเขาบอกว่า เวลาเราทำบุญกับพระธรรมดา หมื่นรูปยังไม่เท่ากับทำบุญกับพระอริยสงฆ์ 1 รูป เราทำบุญกับพระอริยสงฆ์หมื่นรูป ยังไม่เท่ากับทำบุญกับพระอรหันต์ 1 รูป เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราอ่านพินัยกรรมของหลวงตามหาบัวดีๆ ท่านพูดชัดเจน ท่านบอกว่า เงินที่มาทำบุญในงานศพเรานั้น ให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ซื้อเป็นทองคำ แล้วเก็บเข้าคลังหลวง แปลว่า พระอรหันต์องค์นี้กำลังบอกพวกเราว่า เปิดโอกาสให้พวกเราทำบุญร่วมกับท่านเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เพราะหมดครั้งนี้ก็จะไม่มีอีกแล้ว โอกาสที่เราจะหาพระอริยสงฆ์ อรหันต์เช่นนี้ นับวันยิ่งหายาก เพราะฉะนั้นพี่น้องที่ร่วมทำบุญไปนั้น ได้บุญได้กุศลอย่างสูงส่ง
พี่น้องครับ พี่น้องอ่านข่าวต่างประเทศ เดี๋ยวผมจะเก็บของดีไว้พรุ่งนี้ แต่วันนี้ผมให้ข้อคิดนิดนึง พี่น้องอ่านข่าวต่างประเทศ เมืองลิเบีย โมอัมมาร์ กัดดาฟี หรือว่า ฮอสนี มูบารัก ที่อียิปต์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง ตลอดจนที่บาห์เรน ตูนิเซีย พวกนี้ล้วนแล้วแต่มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น แต่ว่าอยู่ในอำนาจมานาน จนประชาชนทนไม่ไหว ประชาชนต้องออกมาไล่ คนก็เลยถาม บอกว่า ไอ้พวกซ้ายจัด พวกฝ่ายซ้ายจัด พวกเสื้อแดงฝ่ายซ้ายจัดสายของคุณธิดา ภรรยาหมอเหวง เห็นการปฏิวัติของประชาชนที่ลิเบีย ที่อียิปต์ ที่บาห์เรน ที่ตูนิเซีย แล้วตื่นเต้น เนื้อตัวสั่นหมด ใฝ่ฝันว่าเมืองไทยจะมีการปฏิวัติแบบนั้น แล้วจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง พวกนี้คิดอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้พูดเล่น คิดอย่างนี้จริงๆ คิดมาก คิดจนกระทั่งเริ่มออกแบบวางแผน ที่จะให้มีมวลชนออกมาแล้วก็ขับไล่ทุกคนออกไป รวมทั้งเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง รวมทั้งทุกอย่างที่เคยเป็นเสาหลักของชาติบ้านเมือง
พี่น้องจำได้ไหมพวกนี้เคยหลงตัวเอง ตอนที่หมอเหวงถูกจับเข้าคุกครั้งแรก คุณธิดาเป็นคนพูดยังไง แกบอกว่า แล้วจะมีมวลชนมหาศาล ไปเรียกร้องต่อสู้ให้คุณเหวงออกมา ปรากฏว่าที่หน้าคุกคลองเปรมมีอยู่ 12 คน
สูตรของลิเบีย อียิปต์ ตูนิเซีย แล้วก็บาห์เรนนั้น เอามาใช้เมืองไทยได้ ใช้ได้ยังไง เอาประชาชนที่เห็นว่านักการเมืองมันชั่วร้าย และทำลายทุกอย่าง ออกมาขับไล่โดยร่วมกับทหาร ยศนายพันที่รักชาติรักแผ่นดินที่ทนไม่ไหว ที่ผู้ใหญ่ในกองทัพมันไปขายกุนเชียง แล้วก็ไปรับใช้เขมร ถ้าเป็นสูตรนี้ พี่น้อง มันเป็นไปได้ ใช่ไม่ใช่พี่น้อง เพราะวันนี้แล้ว พวกเรามาสู้วันนี้เพราะว่ารัฐบาลกำลังขายชาติ ไม่มีใครสนใจ ทหารระดับล่าง กำลังอึดอัดใจที่นายตัวเอง ไม่ได้ขายชาติ ขายกุนเชียง แล้วก็วันดีคืนดีก็อมกุนเชียง บางคนทั้งหมดนี้เนี้ย มีความไม่พอใจกันคนละแบบ เราไม่พอใจที่รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมือง ทหารระดับล่างไม่พอใจที่นายตัวเองไม่ทำหน้าที่ทหารใช่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องทำให้ 2 ฝ่ายนี้เข้ามาร่วมกัน แล้วไล่รัฐบาล แล้วไล่พวกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่มันมุ่งแต่ประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองออกไปให้หมด ถูกไม่ถูก แล้วก็เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ถ้าอย่างนี้ เขาเรียกว่า สูตรของประเทศไทย
นี่ผมพูดมาไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะพี่น้อง ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะ เป็นไปได้ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรพี่น้อง พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง ว่าอะไร โปรดติดตามตอนต่อไป พี่น้อง ที่จะเล่าให้ฟังพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้จะเล่าภาพรวมให้ฟัง ว่านักการเมืองในขณะนี้กำลังเดินแผน มีเเต้มอย่างไรบ้าง
แล้วเมื่อผมพูดถึงนักการเมือง ผมหมายถึงอภิสิทธิ์ และทักษิณ ชินวัตร จับมือกันแล้วพี่น้องตอนนี้ ผมเคยพูดบอกว่า ทักษิณกับอภิสิทธิ์ แอบจับมือกันโดยใช้สุเทพ เป็นตัวกลาง ผมเคยพูดมานานแล้วใช่ไหม ตอนนั้นคนยังมองไม่เห็น วันนี้ภาพเริ่มชัดแล้วใช่ไหม จากการซึ่งรัฐบาลเอง เอาคนของรัฐบาลไปให้การที่ศาล ให้เป็นประโยชน์กับพวกเสื้อแดง เพื่อปล่อยเสื้อแดงออกมาทุกคน เห็นหรือยัง แสดงว่า มีการคุย กอดกันก่อนล่วงหน้า แล้วทักษิณบอกว่าถ้าอย่างนั้นแสดงน้ำจิตน้ำใจให้ดูหน่อย เขาก็แสดงน้ำจิตน้ำใจให้ดู
วันนี้อภิสิทธิ์ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอให้เป็นนายกฯ ต่อไปหลังจากการเลือกตั้ง ตัวเองก็พอใจ ทักษิณคิดในใจ มึงอยากเป็นก็เป็นไป แล้วพอกูแข็งแรงเมื่อไหร่กูค่อยฆ่ามึงทีหลัง แต่ด้วยเหตุผลอันนี้ทำให้นักการเมืองจับมือกัน และจงใจทำให้ทุกสถาบันอ่อนแอ ไล่มาตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันทหาร และสถาบันศาสนา พรุ่งนี้ผมจะเอาภาพรวมนี้มาให้ดู จะเอามาให้ดูว่าทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่ทำร่วมกันของนักการเมือง เพราะนักการเมืองต้องการผูกขาดในการเข้ามามีอำนาจ แล้วทำอะไรตัวเองก็ไม่ผิด ไม่มีใครตรวจสอบนักการเมืองได้
เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ทหารที่อ่อนแอลงก็เพราะว่านักการเมืองจงใจทำให้อ่อนแอ เผอิญมีทหารบางพวกซึ่งทำมาค้าขาย ขายกุนเชียงมันเรื่องเล็ก บางคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหารบางคนซึ่งเกษียณอายุไปแล้ว แล้วมีตำแหน่งทางการเมือง พวกนี้ไม่คิดถึงชาติบ้านเมือง พวกนี้คิดถึงกระเป๋าตัวเอง คิดถึงอำนาจตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วทหารถึงอ่อนแอเอา อ่อนแอเอา พรุ่งนี้ถึงจะมาเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอย่างไร แต่วันนี้เอาหนังตัวอย่างไปก่อน จะเข้าใจ ผมบอกแล้วว่าถ้าผมเป็นอาวุธ ผมเหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิด ทิ้งไปตูมกระจายไปหมดเลย แต่ว่าพันธ์คีมูน เหมือนคนใช้ปืนเล็กยาว ยิงเป็นตัวๆ ไป เป็นเป้าๆ ไป ใช่ไม่ใช่พี่น้อง พี่น้องครับช่วงนี้อาจจะมาวันเว้นวันเพราะว่าต้องรักษาก้น ตามสไตล์ของเรา จะสี่ทุ่ม เราควรจะจบการพูดของเราด้วยเพลงเราสู้ ใช่ไม่ใช่พี่น้อง เอาไม่เอาพี่น้อง
(เพลง: เราสู้)
พี่น้องครับ มีเพื่อนมีฝูงซึ่งเป็นแฟนพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เฮ้ย ขอร้องฟังคุณสนธิพูดพรุ่งนี้ ฟังพูดพรุ่งนี้ จำได้ไหมพี่น้อง ผมเคยพูดว่ายังไง ผมเคยบอกรักมากก็เกลียดมาก ใช่มั้ย ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง พรุ่งนี้ผมจะพิสูจน์ให้แฟนประชาธิปัตย์เห็นว่า ลึกๆ แล้วประชาธิปัตย์จับมือกับเพื่อไทยมานานแล้ว แล้วหางเพิ่งโผล่ตอนนี้ แล้วหางเพิ่งโผล่ตอนนี้พี่น้อง ขอให้เชื่อผม แล้วพรุ่งนี้ผมจะเล่าเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ให้ฟัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดขึ้นมาอย่างไร แล้วทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น เพราะว่าเมื่อจบลงแล้ว ทั้งอภิสิทธิ์และทักษิณก็คือนักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้ามาเพื่อที่จะปกครองชาติไทยเท่านั้นเอง เพียงแต่คนหนึ่งปะยี่ห้อเพื่อไทย คนหนึ่งปะยี่ห้อประชาธิปัตย์ เท่านั้นเองพี่น้อง พรุ่งนี้เจอกันครับ