"อภิสิทธิ์" เชื่อระบบยุติธรรมชุมชนลดขัดแย้งดีที่สุด เปรียบนายกฯไม่มีทางรู้ปัญหาแม่สะใภ้ด่ากับแม่ผัวเพราะอะไร บอกเข้าใจประชาชนกลัวศาลต้องปฏิรูปเสริมความรู้ด้านกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นในเวทีการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชนในพื้นที่ว่า สังคมมีความเจริญบางครั้งการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะสังคมlลับซับซ้อนทำให้กฎหมายสลับซ้อนด้วย อีกทั้งประชาชนขาดความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะถ้าประชาชนเลือกได้ก็ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่รู้จะพูดอะไรกับศาลและตำรวจกลัวผิดพลาด โดยเฉพาะเวลาประชาชนไปขัดแย้งกับรัฐก็รู้สึกว่าไม่มีทางสู้ได้ ดังนั้นการปฏิรูปเรื่องความไม่เท่าเทียมกันด้านความรู้ทางกฎหมายจะถูกแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาในพื้นที่คนที่รู้ดีที่สุดคือประชาชนในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีไม่มีทางรู้ว่า “แม่สะใภ้ด่ากับแม่ผัว”เป็นยังไง ซึ่งมีคนมาให้ตนช่วยจะแก้ได้หรือไม่ได้ตนก็ต้องย้อนไปกับคนที่รู้จริงถึงจะแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นหลักคิดคือต้องย้อนกลับที่ชุมชนและประชาชนให้มีส่วนร่วมโดยมุ่งความไว้เนื้อเชื่อใจในการแก้ไขปัญหาโดยให้คนที่ได้รับความน่าเชื่อถือเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหา รวมทั้งอยู่ที่ความเข้มแข็งและความตื่นตัวของชุมชนก่อน ถ้าทำให้ยุติระดับชุมชนแล้วนำไปมาสู่ความสามัคดีก็จะดีที่สุด ดังนั้นภาครัฐต้องช่วยส่งเสริมจุดประกายให้เกิดกระบวนการชุมชนเข้มแข็งดำเนินการได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่างในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องใช้ระบบยุติธรรมทางเลือก ซึ่งจังหวัดที่ก้าวหน้ามากคือยะลา ที่มีความเข้าใจตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหารไปจนถึงผู้นำชุมชน ที่เข้าใจว่าความขัดแย้งถ้ามีกระบวนการไปสู่การไกล่เกลี่ยจะช่วยเร่งความสามัคคี ดีกว่ามีการดำเนินการทั่วไปในกระบวนการยุติธรรม มีการทดลองที่ 4 อำเภอ จ. สงขลา ที่ใช้พ.ร.บ.มั่นคง ที่มาตรา21 ทำให้ผู้หลงผิดเข้ามามอบตัวและทางราชการขอศาลให้ไม่ต้องดำเนินคดีตามปกติ แต่ให้เขามาอบรมแล้วคืนเขาสู่ชุมชนเพื่อสร้างความสามคคีต่อไป