ปธ.ส.ส.เพื่อไทย ตั้งกระทู้ซัด ปตท.ถลุงเงิน 1.6 หมื่นล. แฉกระทรวงพลังงานร่วมวงทุจริต ร่วมลงทุนวางท่อส่งแก๊สในอียิปต์ ชี้พิรุธซื้อหุ้นผ่านนอมินี อัดยับขาดทุนทางบัญชี 2.5 ล.แต่ไม่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้าน รมว.พลังงาน แจง ปตท.ได้รับสิทธิ์ยกเว้นเนื่องจากเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ และไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบรัฐสาหกิจทั่วไป
วันนี้ (3 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้สดเรื่องการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศถามนายกฯ ว่า ตามที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้น และอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงพลังงาน และนายกฯ ได้นำเงินไปลงทุนในบริษัท อิสท์ เมดิเตอร์เรเนียน แก๊ส คอมเปนี (อีเอ็มจี) จำนวน 16,500 ล้านบาทไปลงทุนในประเทศอียิปต์เกี่ยวกับการวางท่อแก๊ส โดยซื้อหุ้นจากบริษัทเมดิเตอร์เรเนียน ไปล์ลาย ซึ่งเป็นของนายฮุเซง กาบา ซาเล็ม เมื่อเกิดเหตุการณ์ในอียิปต์ถูกจับเพราะขนเงินออกมา 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15,000 ล้านบาทที่ประเทศดูไบ โดยธุรกิจนี้ไม่ใช่ของนายกาบา ซาเล็ม เพราะถือหุ้น 25 เปอร์เซนต์ แต่เป็นของบริษัท อิสท์ เมดิเตอร์เรเนียนฯ ถามว่าการที่ ปตท.ให้บริษัทลูก พีทีทีอินเตอร์ซึ่ง ปตท.ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์เข้าไปซื้อหุ้น ได้จัดทำแผนการลงทุนตาม พ.ร.บ.สภาสภาพัฒน์ 2521 มาตรา 12 (2) (4) หรือได้รายงานต่อครม.หรือไม่
ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า ปตท.มี 2 สถานภาพ เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงพลังงาน และมีสถานภาพเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้น ปตท.จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้มติ ครม.เมื่อเดือน ก.ย. 2544 ปตท.ได้รับสิทธิ์การยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ ที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เพื่อให้มีความคล่องตัวเนื่องจากเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ สามารถดำเนินธุรกิจเหมือนบริษัทเอกชนทั่วไป สามารถแข่งขันกับบริษัทลงทุนข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันสามารถกำหนดกฎระเบียบขึ้นมาใช้ได้เอง โดยเฉพาะระเบียบที่เกี่ยวกับการพัสดุ การงบประมาณและการลงทุน แผนการลงทุนและแผนการธุรกิจต่างๆ ระเบียบการบริหารองค์กรเป็นต้น ดังนั้นครม.และรมว.พลังงานก็ทำหน้าที่เพียงกำกับดูแลนโยบายด้านทั่วๆไป ส่วนการพิจารณาอนุมัติการลงทุนต่างๆ ของ ปตท.เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัท หรือบอร์ด ปตท. การที่ ปตท.ไปลงทุนในท่อส่งก๊าซในประเทศอียิปต์ ปตท.ได้ขออนุมัติจากบอร์ดและสภาพัฒน์อยู่แล้ว ไม่ได้เสนอให้ ครม.พิจารณาเพราะเป็นสิทธิ์ที่ได้รับการยกเว้น
ร.ต.อ.เฉลิมถามต่อว่า ตนไม่คาดคิดว่าทำไมคนเป็นรัฐมนตรีถึงไม่มีปัญญา เพราะสภาพัฒน์ ได้หารือเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีการ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 5 ได้พิจารณาเป็น 2 ส่วน คือ เว้นไม่ต้องขออนุมัติ ส่วนที่ 2 บอกว่าไม่ได้ เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 3 บอกว่าทำไม่ได้ จึงมีการร่วมประชุมกันอีกครั้ง จนได้ข้อสรุปว่าไม่อนุมัติ
“ปตท.เป็นรัฐอิสระตามมติ ครม. แต่จะทำอะไรต้องขออนุมัติจากสภาพัฒน์ แต่ทำไมถึงยังดำเนินการ คดโกงกันตะบี้ตะบัน ทำให้ประชาชนซื้อน้ำมันแพง แต่เศรษฐีตกอยู่ที่ปตท.อยู่กับคนมีส่วนเกี่ยวข้อง”
ร.ต.อ.เฉลิมถามว่าโครงการลงทุนดังกล่าวมีปัจจัยเสี่ยงเป็นความขัดแย้งทางการเมือง คริสต์และมุสลิมไม่ถูกกัน จึงอยากถามธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่ และถ้าได้รับผลกระทบ ได้แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบหรือไม่ เพราะปตท.จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์และถือหุ้นพีทีที อินเตอร์ 100 เปอร์เซ็นต์ และอยากรู้ว่าขาดทุนหรือกำไร เพราะข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์รู้มาว่าขาดทุน 2,500 ล้านบาท
นพ.วรรณรัตน์ชี้แจงว่า มติ ครม.วันที่ 25 กันยายน 2554 เป็นมติที่ชอบและให้มีผลทางกฎหมาย และ ตนไม่ทราบในกระบวนการลงทุนมีการทุจริต แต่การตัดสินใจซื้อหุ้นในบริษัทอีเอ็มจี เราทำโดยรอบคอบ มีการจ้างที่ปรึกษามาทำการศึกษาในทุกด้าน รวมทั้งได้มีการหารือกับเอกอัครราชทูตไทย ณ ไคโร และเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอิสารเอล พบว่าสถานการณ์ความขัดแย้งขณะนั้นไม่มีความเสี่ยง การลงทุนในประเทศอียิปมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในประเทศไทยด้วยซ้ำไป และที่บอกว่ามีนายกาบา ซาเลม เป็นเจ้าของบริษัทอีเอ็มจี เอาเงิน 500 ล้านเหรียญเดินทางออกนอกประเทศ และถูกจับที่ดูไบนั้น ข้อเท็จจริงนายกาบาไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทอีเอ็มจีแต่อย่างใด
ร.ต.อ.เฉลิมถามว่า การที่รัฐมนตรีบอกว่า นายกาบาไม่ใช่เจ้าของบริษัท เพราะปตท.ไปสุมหัวหากิน ไม่ได้ซื้อซื้อมาจากบริษัทใหญ่ ไปซื้อจากนายกาบา ซึ่งเป็นนอมินี ถ้าซื้อจากบริษัทใหญ่จะโกงไม่ได้ ปตท.เป็นอิสระจะทำอะไรก็ได้ แต่บันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องขอหารือตาม พ.ร.บ.สภาพัฒน์ กรณีบริษัทปตท. ซึ่งคณะที่ 5 และคณะที่ 3 เห็นพ้องกันว่าบริษัท ปตท.ต้องปฏิบัติตามมาตรา 12 (2) พ.ร.บ.สภาพัฒน์ การตอบอย่างนี้มีผลประโยชน์บังตา จึงมาหลอกสภาอันมีเกียรติ มีพฤติกรรมที่ส่อทุจริต การซื้อหุ้นครั้งนี้ไม่ได้ซื้อจากบริษัทใหญ่ หลักในการซื้อหุ้นต้องซื้อจากบริษัทแม่จะไปซื้อจากนอมินีได้อย่างไร เพราะทุจริตง่าย เงินทอนง่าย การซื้อจากนายกาบาจะต้องแพงกว่ามูลค่าที่เป็นจริง จะอ้างว่า ปตท.ซื้อในราคาเดียวกับอิสราเอลไม่ได้ และเงินที่เอาไปซื้อก็ถือเป็นเงินของประชาชน และเมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระเบิดท่อแกสของกลุ่มหัวรุนแรง แต่ ปตท.ปัญญาทึบบอกว่าระเบิดบนบกไม่เกี่ยว เพราะลงทุนในทะเล มันสัมพันธ์กัน และวันนี้อิสรเอลเขาก็หาแก๊สได้แล้ว ถ้าเขาไม่ซื้อ ปตท.จะทำอย่างไรได้ การลงทุนอย่างนี้มีความเสี่ยงเมื่อได้รับผลกระทบอิสราเอลก็ขอทหารมาดูแล 7 วัน เหตุใด ปตท.จึงไม่ปฎับัติตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ กรณีที่หุ้นจดทะเบียนในตลาดเมื่อได้รับผลกระทบต้องแจ้ง ขณะนี้เสียหาย 2,500 ล้านบาท ทราบหรือไม่ว่าการลงทุน 16,500 ล้านบาทแต่ไปเซ็นสัญญาในบริษัทเล็กๆ ในกรุงไคโร ทำไมไม่เปิดเผยรายละเอียด ถามว่าเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ไปชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ว่าโครงการนี้ขาดทุนเท่าไหร่
นพ.วรรณรัตน์ชี้แจงว่า การลงทุนในครั้งนั้นสภาพัฒน์มีมติเรียบร้อย ส่วนการไปซื้อที่บริษัทอิสท์ เมดิเตอร์เรเนียน แก๊สฯ นั้น บริษัทดังกล่าวถือหุ้น 3 รายคือ บริษัทอีแก๊สของรัฐบาลอียิปต์ บริษัทเมอร์ฮาปของอิสราเอล และบริษัทเอ็นจีซีซี ซึ่งเป็นเอกชนของอียิปต์ ที่ไม่ซื้อหุ้นของบริษัทรัฐบาลอียิปต์และอิสราเอลเพราะขายหุ้นแพงกว่า 14.76 เหรียญ ขณะที่บริษัทเอ็นจีซีซีเสนอขายหุ้นในราคา 13.25 เหรียญ ปตท.จึงซื้อถูกกว่า ส่วนเหตุการณ์ระเบิดท่อแกสก็เป็นส่วนของอีแกสไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่บริษัทปตท.ไปลงทุน ซึ่งใช้เวลา 1 เดือนในการซ่อมแซม ไม่ส่งไม่มีผลกระทบ แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ทำให้ปตท.เสียหายชั่วคราว แต่มีการจ่ายค่าชดเชยชั่วคราว เพราะฉะนั้น ปตท.ไม่ได้รับความเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่จำเป็นจะต้องรายงานให้ตลาดหลักทรพัย์ทราบ ซึ่งปีที่ผ่านมามีผลกำไรหุ้นของอีเอ็มจีได้ 42.5 ล้านเหรียญและเติบโตขึ้นตามลำดับและคาดว่าในปี 2554 สามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นได้เกิดการโต้เถียงระหว่างร.ต.อ.เฉลิม และนพ.วรรณรัตน์ โดยร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันว่า โครงการนี้ทุจริต โดยมีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่ามีผลขาดทุนทางบัญชี ประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งสภาพความเป็นจริงไม่รู้ว่าขาดทุนอย่างไรอีก จึงขอเวลา 2 ชั่วโมงมาชี้แจงกัน ตนจะออกค่าโฆษณาเอง ตนจะกล่าวหาว่ารัฐมนตรีมีส่วนร่วมในการทุจริต โดยการซื้อน้ำมันและจะนำมาเปิดเผย ขณะที่ นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดไม่เป็นความจริง และพร้อมที่จะพิสูจน์ทุกเมื่อ