xs
xsm
sm
md
lg

ซูเปอร์สกายวอล์ก กับกึ๋นของผู้ว่าฯ กทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร  ที่มี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร เป็นผู้ว่าราชการ   ชอบคิดโครงการที่ประหลาดๆ  และเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้เงินมากๆ  แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า  คนส่วนใหญ่จะได้รับผลประโยชน์อย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น โครงการสร้างหอคอยสูงสุดในกรุงเทพ  โครงการสร้างทางเดินลอยฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงโรงพยาบาลศิริราช ท่าพระจันทร์ โครงการโมโนเรล รอบๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ

โครงการที่กล่าวมานี้ถูกต่อต้านจากบุคคลกลุ่มองค์กรต่างๆ  เพราะพิจารณาโดยสามัญสำนึกแล้วไม่น่าจะเกิดประโยชน์ที่คุ้มค่ากับเงินลงทุนหลายพันล้านบาทที่มาจากเงินภาษีอากรของคนกรุงเทพฯ

ล่าสุดคือ โครงการซูเปอร์สกายวอล์ก หรือโครงข่ายทางเดินลอยฟ้า ระยะทาง 50 กิโลเมตร   ครอบคลุมถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ซอยนานาไปจนถึงซอยแบริ่ง ถนนพญาไท ถนนรามคำแหง และฝั่งธนบุรี ตั้งแต่เชิงสะพานตากสิน ไปถึงบางหว้า

กล่าวคือ รถไฟฟ้าบีทีเอสไปถึงไหน   ใต้รางรถไฟก็จะก่อสร้างทางเดินตามไปด้วย เหมือนที่เกิดขึ้นในเส้นทางรถไฟฟ้าจากสยามสแควร์ ไปถึงย่านเพลินจิตในขณะนี้

ทางเดินลอยฟ้า หรือสกายวอล์กนั้น  มีประโยชน์แน่  เพราะทำให้การเดินทางไปในห้างสรรพสินค้าแถวๆ นั้น  โดยรถไฟฟ้าบีทีเอสมีความสะดวกสะบาย  เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้โดยสาร และผู้ประกอบการ

แต่สำหรับโครงการซูเปอร์สกายวอล์ก  ที่ต้องใช้งบประมาณถึง 15,000 ล้านบาท  หรือตกกิโลเมตรละ 300 ล้านบาทนี้ กรุงเทพมหานครจะโฆษณาสรรพคุณอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า  เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้อย่างไร  ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น  เห็นจะมีแต่งบประมาณการก่อสร้างที่จะได้กับผู้รับเหมา  ที่ถูกโยกย้ายไปใช้ช่องทาง  บริษัท กรุงเทพธนาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบการใช้จ่ายเงิน


โครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์กนี้   จะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 เฟส โดยการก่อสร้างในเฟสแรกระยะทางรวม 16 กิโลเมตร จะเริ่มในเดือนมีนาคม 2554   ใช้เวลา 18  เดือน  ส่วนเฟสที่ 2 ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร มีแผนจะก่อสร้างในปี 2555-2557

นับว่ารวดเร็วและเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง สำหรับโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้

กรุงเทพมหานครเคยทำประชาพิจารณ์สอบถามคนกรุงเทพฯ ไหมว่า มีความคิดเห็นอย่าางไรกับโครงการนี้ เคยทำแผนศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไหม   เงินที่จะนำมาก่อสร้างมาจากไหน   เป็นงบประมาณกรุงเทพมหานคร  หรือเป็นเงินกู้  ถ้าเป็นเงินกู้แล้ว  ใครคือผู้ต้องใช้คืนเจ้าหนี้    และถ้าการก่อสร้างจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนนี้แล้ว  แสดงว่า  ต้องมีผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว   เป็นใคร มาด้วยกระบวนการว่าจ้างแบบไหน  

สิ่งต่างๆ เหล่านี้  ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงการ  และเป็นการแสดงถึง ความโปร่งใส ตรวจสอบได้  ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชน  มีแต่คำบรรยายสรรพคุณของโครงการที่ฟังดูสวยงาม  

นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จะเป็นระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่นก็ตามแต่  เลือกที่จะทำงานที่ง่าย  ทำแล้วได้ผลในการสร้างภาพ และประชาสัมพันธ์ เป็นงานที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก   เพื่อที่จะได้มีส่วนแบ่ง ที่เอกชนผู้ได้รับงานจะจ่ายย้อนคืนกลับมาให้

งานที่เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้จริง  ไม่ทำกัน เพราะเป็นงานที่ยาก ต้องทุ่มเทใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล และไม่ได้เงิน

กรุงเทพมหานคร  มีปัญหามากมายเต็มไปหมด  แต่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ในยุคนี้   รวมทั้งยุคที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน  เป็นผู้ว่า ไม่แก้ปัญหาที่มีอยู่ แต่ชอบทำเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่หมักหมมกันมานาน  และเรื่องใหม่ๆ นี้ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ที่คุ้มกับการลงทุนแต่อย่างใด

ยกตัวอย่าง เช่น  ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางเท้าถูกพ่อค้า แม่ค้าหาบเร่แผงลอยยึด  ก็ใช้ความล้มเหลวนี้ เป็นข้ออ้างในการสร้างทางเท้ากิโลเมตรละ 300 ล้านบาท หรือ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้  ก็ใช้เป็นข้ออ้าง ซื้อรถเมล์เพื่อทำโครงการบีอาร์ทีขึ้นมา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้รถติดหนักกว่าเดิม  และ กทม.มีต้นทุนเพิ่มขึ้น คือต้องจ่ายเงินให้บริษัท กรุงเทพธนาคม ปีละ 200 ล้านบาท เป็นเวลา 7 ปี เป็นค่าจ้างเดินรถบีทีอาร์ เป็นต้น

เงิน 15,000 ล้านบาท ที่กรุงเทพมหานครไปกู้มาจากธนาคารออมสิน  เอามาให้  บริษัท กรุงเทพธนาคม สร้างซูเปอร์สกายวอล์กนี้  ถ้าผู้บริหารกรุงเทพมหานคร มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาของคนกรุงเทพจริงๆ  แล้ว  จะสามารถทำประโยชน์ได้มาก

ยกตัวอย่างเช่นทำไม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์  รองผู้ว่าฯ ซึ่งว่ากันว่า เป็นผู้ว่าฯ ตัวจริงไม่คิดที่จะแก้ไขปัญหารถบีอาร์ทีกันอย่างจริงจัง  ถ้าไม่เลิก   ก็ขยายเส้นทางไปให้สุดทางถนนราชพฤกษ์จริงๆ  ไม่ใช่สิ้นสุดที่จุดเริ่มต้นถนนราชพฤกษ์  ตรงหน้าห้างเดอะมอลล์ท่าพระ แล้วมาโฆษณาว่า  เป็นเส้นทางสาทร-ราชพฤกษ์ การที่ประชาชนไม่นิยมใช้บริการบีอาร์ที เพราะมีระยะทางที่สั้นมาก   เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องไปทำงานหรือไปชอบปิ้งที่ห้างเดอะมอลล์ทุกวันเท่านั้น  ถ้าขยายเส้นทางไปให้ถึงย่านที่พักอาศัยสองฝั่งถนนราชพฤกษ์ รับรองว่ามีผู้ใช้บริการแน่นทุกวันแน่

จริงอยู่ที่  การจะขยายเส้นทางบีอาร์ทีที่ว่ามานี้  มีข้อจำกัดมาก เพราะต้องออกนอกเขตปกครอง กรุงเทพมหานคร  และถนนราชพฤกษ์นั้น เป็นถนนของกรมทางหลวงชนบท ไม่ใช่ของ กทม.  แต่งานยากๆ แบบนี้แหละ ที่เป็นความท้าทายที่ผู้ว่า  กทม. ต้องพิสูจน์ฝีมือ   เพราะถ้าทำได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาของคนส่วนใหญ่ได้อย่างยั่งยืน

คนกรุงเทพเลือกผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้มาทำงานยากๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่  แต่ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งทุกคน เลือกที่จะทำงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้กึ๋นอะไรเลย ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งการสร้างภาพ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาของคนกรุงเทพฯ เลย


กำลังโหลดความคิดเห็น