xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” เปิดบันทึก “ม.ร.ว.เสนีย์” ชี้ชัดปราสาทพระวิหารของไทย - “มาร์ค” ทรยศแม้กระทั่งบรรพบุรุษพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” เปิดข้อเขียน “ม.ร.ว.เสนีย์” ที่เขียนไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพของเพื่อน ชี้ชัดปราสาทพระวิหารเป็นของไทยแต่ศาลโลกตัดสินนอกประเด็นจนไทยแพ้ ซัด “มาร์ค” ทรยศได้แม้กระทั่งบรรพบุรุษพรรค หวังการเผยข้อมูลครั้งนี้จะทำให้ “ชวน-บัญญัติ” และคน ปชป.สำนึกเสียที พร้อมแนะหากอยากกอบกู้เกียรติภูมิพรรคว่า “ม.ร.ว.เสนีย์” ไม่ได้ทำไทยเสียแผ่นดิน ควรหันมาร่วมสู้กับประชาชน


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง...ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (28 พ.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดินว่า นายอภิสิทธิ์นี้เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ และจะบอกคนประชาธิปัตย์ให้รู้ว่า นายอภิสิทธิ์นั้นเนรคุณพรรคประชาธิปัตย์ แม้กระทั่งบรรพบุรุษของพรรคยังไม่เคารพเลย

นายประพันธ์กล่าวว่า ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นคนที่มีความรู้ทางกฎหมายและเป็นทนายในคดีปราสาทพระวิหาร และจากกรณีที่ไทยแพ้คดีต่อกัมพูชาที่ศาลโลก ท่านไม่พูดที่ไหนเลย แต่ตนจะเอาสิ่งที่ ม.ร.ว.เสนีย์เขียนไว้ และเชื่อถือได้ เพราะเขียนในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพของเพื่อน ย่อมต้องเขียนความจริง ไม่มีใครบังอาจเขียนความเท็จ ฟังไว้วันนี้นายอภิสิทธิ์กำลังทรยศต่อบรรพบุรุษประชาธิปัตย์

“เขียนไว้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2532 ว่า ปี 2502 เกิดคดีปราสาทหินบนเขาพระวิหาร ซึ่งประเทศไทยตกเป็นจำเลย ถูกเขมรฟ้องที่ศาลยุติธรรมนานาชาติ กรุงเฮก ประเทศฮอลันดา เรียกกันสั้นๆ ว่า ศาลโลก และต่อมาในปี พ.ศ. 2511 เมื่อ พล.ท.บุศรินทร์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคดีที่ศาลโลกนั้นรู้ระแคะระคายมาก่อนว่าไทยจะถูกฟ้อง รัฐบาลได้ตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเป็นกรรมการเตรียมคดี และกำกับคดีระหว่างเป็นความ มีพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย ข้าพเจ้า ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชย์ นายทหารกรมพระธรรมนูญทหารบก นายทหารกรมแผนที่ทหารบก ซึ่ง พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล เป็นเจ้ากรมแผนที่ทหารบก และผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ ทนายแก้คดีในชั้นเป็นความ รัฐบาลตั้งฝรั่งผู้เชี่ยวชาญคดีศาลโลก 3 ท่านกับข้าพเจ้าเป็นหัวหน้า

ช่วงเวลาเกือบ 1 ปี กรรมการทำหน้าที่ค้นหาเอกสารที่จะส่งศาล ได้มาประมาณ 100 ชุด ส่วนใหญ่เป็นภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษส่งต่อศาล การเตรียมคดีมีส่วนสำคัญพัวพันไปถึงแผนที่แสดงเขตแดนระหว่างไทยกับเขมรที่เขาพระวิหาร ซึ่งท่านเจ้ากรมแผนที่กับผู้ช่วยคือ พันโท พูนพล อาสนจินดา เป็นผู้ค้นคว้าได้มาแสดงตลอดจนให้หลักเกณฑ์ในทางวิชาการแผนที่ปี พ.ศ. 2503

เขมรยื่นฟ้องอ้างว่า เขตแดนระหว่างไทยกับเขมรที่เขาพระวิหาร มีสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ให้ถือตามสันปันน้ำ ถือตามเส้นสันปันน้ำปราสาทหินบนเขาพระวิหารอยู่ในเขตแดนเขมรดังมีแผนที่ของฝรั่งเศสแสดงไว้ ไทยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าถือตามเส้นสันปันน้ำปราสาทอยู่ในเขตแดนไทย แผนที่ฝรั่งเศสวาดสันปันน้ำไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง

ประเด็นจึงมีให้ศาลพิจารณาว่า เส้นสันปันน้ำอยู่ตรงไหน และแผนที่ของฝรั่งเศสที่ลากเส้นสันปันน้ำนั้นถูกต้องหรือไม่ สันปันน้ำ คือ ยอดเขาซึ่งเมื่อฝนตกลงมาจะแบ่งน้ำฝนให้ไหลไปคนละทาง สมมติว่ามีภูเขากั้นระหว่าง 2 ประเทศจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ซึ่งให้ถือสันปันน้ำเป็นเขตแดน เมื่อฝนตกน้ำฝนไหลจากยอดเขาลงไปทางใต้สู่ประเทศหนึ่ง ทางเหนือสู่อีกประเทศหนึ่ง ยอดเขาหรือสันเขาที่เป็นที่ปันน้ำฝนนี้ถือเป็นเขตแดน ยอดเขาพระวิหารที่เป็นสันปันน้ำไม่เหมือนยอดเขาธรรมดา เพราะตรงที่ปราสาทหินตั้งอยู่ยอดเขาทางทิศใต้ เป็นหน้าผาเขาชะโงกหักดิ่งลงไปสู่แผ่นดินเขมร ไม่มีสิ่งปลูกสร้างจะตั้งอยู่ได้ แต่ทางเหนือเขาลากจากยอดเขาสันปันน้ำลงมาสู่แผ่นดินไทย ตัวปราสาทหินตั้งอยู่ห่างจากสันนั้นลงมาทางเหนือ เมื่อฝนตกน้ำฝนไหลจากยอดเขาผ่านปราสาทตามลาดลงไปสู่แผ่นดินไทย ปราสาทจึงตั้งอยู่ในเขตแดนไทย

แผนที่ฝรั่งเศสไม่ว่าตามเส้นสันปันน้ำนี้ แต่ว่าล้อมปราสาทไว้ทางทิศใต้จึงไม่ถูกต้องตามความจริงแห่งภูมิประเทศ ความจริงตามภูมิประเทศมีอยู่ดังกล่าว ไทยเชิญศาลโลกไปดู ซึ่งตามวิธีพิจารณา ศาลพึงไปดู แต่ไม่ไป แต่โดยเสียงข้างมาก 9 ต่อ 3 ตัดสินนอกประเด็น ว่าฝรั่งเศสส่งแผนที่ให้ไทยแล้ว ไทยไม่คัดค้าน จึงถูกปิดปากห้ามเถียงว่าแผนที่ผิดพลาดต่อความจริง และตัดสินให้เขมรชนะคดี เป็นยุติคดีที่ศาลโลกตัดสิน ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา

แต่กระนั้นข้อเท็จจริงตามที่ผู้เชี่ยวชาญไทยและฮอลันดาแสดงต่อศาลเป็นที่ยืนยันว่า ตามเส้นสันปันน้ำ ปราสาทหินตั้งอยู่ในเขตแดนไทยตามสนธิสัญญา ส่วนที่ตัดสินว่าไทยถูกปิดปากไม่ให้เถียงว่าแผนที่ผิดเพราะไม่ได้คัดค้าน ไทยครอบครองใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารอยู่ก่อนฝรั่งเศสทำแผนที่ ไม่มีเหตุจะต้องคัดค้าน สนธิสัญญาให้ถือเส้นสันปันน้ำเป็นเขตแดนไม่ได้ให้ถือแผนที่ฝรั่งเศส สนธิสัญญาไม่มีกล่าวถึงแผนที่เลย ซึ่งตามความจริงเส้นสันปันน้ำบนเขาพระวิหารเห็นได้ชัดอยู่แล้ว และสัญญาแวร์ซายน์ ค.ศ. 1919 ก็ห้ามไม้ให้ศาลใช้แผนที่ตัดสินคดีเขตแดนระหว่างชาติ

ปลายปากกาของคนที่เป็นผู้พิพากษา จะเขียนคำพิพากษาเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ชั่วเวลาร้อยปีพันปีหรือกว่านั้นต่อจากนี้ไป สันปันน้ำบนยอดเขาพระวิหาร ยังจะพิสูจน์ต่อสายตาชาวโลกให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าปราสาทหินบนเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในเขตแดนไทย ท่านเจ้ากรมแผนที่ พล.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล มีส่วนในการแสดงความจริงอันเป็นอมตะนี้ ถึงท่านจะจากเราไปแล้ว งานของท่านบนปราสาทพระวิหารจะยังคงอยู่” นายประพันธ์ อ่านข้อเขียนของ ม.ร.ว.เสนีย์

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า เจ้าตัวตลกไปอ่านดูเสียบ้าง ข้อเขียนของ ม.ร.ว.เสนีย์นี้ ในทางกฎหมายทางพยานหลักฐาน ถือว่ามีน้ำหนักที่ควรรับฟังอย่างยิ่ง เป็นทั้งอดีตผู้พิพากษา เป็นอดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ และเขียนในงานพระราชทานเพลิงศพของเพื่อน ไม่มีทางเขียนเท็จเป็นแน่แท้

มาวันนี้ พี่น้องมาที่นี่มาชุมนุมตามเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษทุกคน ที่ต้องการปกป้องดินแดนอธิปไตยของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เพียงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เท่านั้น ที่เราจะเอาคืน จำไว้ไอ้ฮุนเซน นายอภิสิทธิ์นอกจากไม่รักษาแผ่นดินแล้ว ยังใช้อำนาจรังแกขัดขวางการทำหน้าที่ของคนไทย ยังมาแสดงกริยาอาการอันอัปยศ เป็นการทรยศต่อบรรพบุรุษของพรรค เลวอย่างหาที่ติไม่ได้ ไม่ควรเป็นคนไทย ไม่ควรเหยียบแผ่นดินไทย

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า และหวังว่านายชวน นายบัญญัติ และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ จะลืมตาสำนึกเสียทีว่าคนไทยที่นี่มาทำเพื่อชาติบ้านเมือง และถ้าต้องการกอบกู้เกียรติภูมิศักดิ์ศรีของตนเอง ว่า ม.ร.ว.เสนีย์ ไม่ได้ทำไทยเสียแผ่นแดน ต้องหันมาสู้กับประชาชน สืบทอดเจตนารมณ์ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ดีกว่ายืนตรงข้ามและเหยียบหัวประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น