xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” ขู่ชำแหละนายกฯ สองสัญชาติ ชี้เข้าข่ายโมฆะบุรุษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
โฆษกเพื่อไทย แขวะ “มาร์ค” นายกฯ คนไทยหัวใจอังกฤษ ย้อนถามแล้วจะเชื่อถือผู้นำสองสัญชาติคนแรกได้อย่างไร เย้ยเข้าข่ายโมฆบุรุษ ขู่ใช้เป็นประเด็นเปิดแผลศึกอภิปรายซ้ำ เผย 1 มี.ค. พร้อมเปิดตัว ส.ส.300 คน แย้มดึง ส.ส.ปชป.เข้าร่วมตั้งเป้ากวาดเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 250 ที่นั่ง ยินดีที่ ปชป.จะลอกนโยบายหาเสียง เตือนคิดให้รอบคอบ

วันนี้ (28 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการถือครองสัญชาติอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ถือสองสัญชาติว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยมองว่า นายกฯ คนนี้เป็นนายกฯ คนแรกของประเทศไทยที่มีสองสัญชาติ คือนายกฯไทย หัวใจอังกฤษหรือหัวใจนิวคาสเซิล แล้วจะเชื่อถือได้อย่างไร ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็ไม่เคยพูดและเบี่ยงประเด็นเรื่องนี้มาตลอด แต่ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ยอมรับกลางสภาแล้วในเรื่องนี้ เท่ากับวันนี้เป็นโมฆบุรุษ

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยตรวจสอบสัญชาติบิดาของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โดยใช้กระดาษแผ่นเดียวอภิปรายเป็นวันๆ จนนายบรรหารชอกช้ำ แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ปกปิดความจริงเกือบ 2 ปี ฝ่ายกฎหมายพรรคมองว่าสิ่งที่นายกฯ กระทำนั้นไม่ชอบด้วยจริยธรรมทางการเมืองในการเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ระบุว่าไม่ได้ใช้สิทธิในสัญชาติอังกฤษ แต่ทำไมไม่สละ แม้เมืองไทยจะมีคนถือสองสัญชาติแบบนี้ แต่นายอภิสิทธิ์ควรสละเสีย

“หลักฐานที่จะมีการพิสูจน์ในการอภิปรายฯ ว่านายอภิสิทธิ์อ้างว่าไม่ใช้ประโยชน์จากสัญชาติอังกฤษในช่วงเรียนหนังสือนั้น พรรคจะเปิดเผยในการอภิปรายฯ” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. พรรคจะเปิดตัวและสัมมนาผู้สมัคร ส.สระบบเขต300คน โดยจะมีผู้ใหญ่ของพรรคกล่าวเปิดสัมมนา ซึ่งจะมีผู้สมัคร ส.ส.ในระบบ ส.ส.ปัจจุบันและผู้สมัครหน้าใหม่แบบดี เด่น ดัง รวมทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่จะลงในภาคเหนือ และหม่อมหลวงจะลงสมัครใน กทม. รวมทั้ง ส.ส.ภาคตะวันออก พรรคตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 250 คน โดยแบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 70 คน ส.ส.เขต 180 คน ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อยังไม่ขอเปิดรายชื่อ แต่จัดลำดับเสร็จแล้วร้อยละ 60 ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงนั้นจะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ แต่แกนนำคนเสื้อแดงบางคนก็เคยลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชาชนมาแล้วจึงถือเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รวมทั้งพรรคยังเตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ใน 4 ภาคทั่วประเทศในช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อวันที่ 27 ก.พ.และมีคนต่อต้านในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงไปเปิดนโยบายที่สวนจตุจักรนั้น ตนมองว่าดีแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลสร้างวาทกรรมทางการเมืองตลอดเวลา วันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจรู้สึกว่าใกล้ถึงเวลายุบสภาแล้ว จึงออกนโยบายต่างๆ ตนมองดูแล้วตัวเลข25ของพรรคประชาธิปัตย์ที่นำมาใช้ในนโยบายหาเสียงครั้งนี้นั้น ตนได้รับข้อมูลว่า ตัวเลขนี้จะได้ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคตั้งเป้าว่าต้องได้ ส.ส.250 คนหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวว่า รวมทั้งเคล็ดลับในตัวเลข 25 ที่พรรคประชาธิปัตย์วางไว้ในหลายนโยบาย ข้อมูลลึกที่ทราบจากพรรคประชาธิปัต ย์คือ น่าแปลกซึ่งพรรคการเมืองบริหารงานในยุคนี้ ทำไมไปเชื่อเรื่องดวง เพราะซินแสที่คนใกล้ตัวนายกฯ นำมา ระบุว่าหากทำข้อแนะนำของซินแสในตัวเลข 25 พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.ตามเป้า มันตลกมาก เพราะการวางนโยบายนั้นต้องยึดวิทยาศาสตร์และหลักการบริหารแล้วค่อยเขียนวางเป็นนโยบาย และมันไม่ใช่นโยบายใหม่เลยพรรคประชาธิปัตย์คิดช้าไป 2 ปี ไม่รู้ไปมุดอยู่ที่ใด ไม่ใช่ไปเชื่อไสยศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งนโยบายบางตัวยังลอกนโยบายพรรคเพื่อไทยด้วย และมีคนนินทาว่ามันสอดคลองกับการชักเปอร์เซ็นต์ร้อยละ 25 ของรัฐบาลนี้ที่เหมางานของรัฐด้วยหรืไม่ นายกฯควรแก้ไขด้วยและนโยบายใหม่นี้จะมีการชักเปอร์เซ็นต์อีกหรือไม่

ด้าน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เปิดมานั้น เป็นการลอกนโยบายของพรรคเพื่อไทยแทบทั้งสิ้น เช่น รายได้ขั้นต่ำวันละ 300 บาท พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอและพรรคประชาธิปัตย์ก็นำมาใช้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าถึงแนวคิดหาเงินวีไอพี 3,000 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ไว้ใช้ในการเลือกตั้งว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องนี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอว่า การหาเงินครั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์สามารถผ่อนชำระเดือนละ 2 หมื่นบาทได้นั้นมันถูกต้องหรือไม่ มันไม่ใช่การผ่อนบุญและไม่เคยเห็นมาก่อน พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่ได้รับเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ของ กกต.อันดับ 1 ขอสังคมควรพิจารณาและติดตามว่าคนที่บริจาคนั้นเป็นใคร และคนที่จะไปร่วมบริจาคเงินตามแนวคิดใหม่ของพรรคประชิปัตย์นั้นควรดูด้วยว่า หากยื่นเรื่องแสดงเจตนาที่จะบริจาคแล้ว หากวันหนึ่งไม่มีเงินจ่ายจะโดนทวงหนี้หรือไม่

ขณะที่ นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ในเรื่องเดียวกันว่า ใกล้ฤดูเลือกตั้ง เท่ากับว่ามีการส่งสัญญาณเลือกตั้งเล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะระดมทุนหลายร้อยล้านบาทโดยจัดโต๊ะจีน ขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าทำได้หรือไม่ เพราะนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลนี้ไปขอให้เอกชนช่วยซื้อโต๊ะจีนหลายสิบโต๊ะ ราคาโต๊ะละ 1 แสนบาท การทำแบบนี้นั้น ขอให้ กกต.พิจารณาว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง คณะทำงานเศรษฐกิจพรรถเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นายกฯ ได้ลงพื้นที่ในเขตจตุจักร และได้เสนอนโยบายหาเสียง ซึ่งดีกว่าการใช้สำนวนโวหารหาเสียงอย่างเดียว แม้ว่า นโยบายดังกล่าวเช่น การขึ้นแรงงานขั้นต่ำและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน จะเป็นการลอกเลียนแบบพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสนอนโยบายนี้เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว คือ แรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ยกระดับสินค้าเกษตรทุกชนิดเช่น ข้างเปลือกที่ 15,000 บาท และ จบปริญญาตรีที่ 15,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลก็ได้นำนโยบายของพรรคพลังประชาชนไปใช้เช่น นโยบาย 6 มตราการ 6 เดือน ที่น้ำฟรี ไฟฟ้าฟรี รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี แม้กระทั่งส่วนใหญ่ในประชาวิวัฒน์ ก็เป็นสี่งที่เราทำเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้การประกาศนโยบายดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลหมดปัญญาในการแก้ไขปัญหาข้าวของแพง ที่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องหันกลับมาหาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แล้ว แต่พรรคเพื่อไทยได้เตรียมวิธีเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างเป็นระบบ ไม่ได้ทำแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหมือนรัฐบาล เพราะถ้าเป็นวิธีการแก้ไขแบบเฉพาะหน้าของรัฐบาลโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดให้ดีจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศล้มเหลวได้ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้พัฒนาวิสัยทัศน์มองให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นและคิดล่วงหน้า และคิดให้รอบครอบเหมือนพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่รอให้ปัญหาเกิดแล้วถึงจะมาคิด และการที่นายกอร์ปศักดิ์ออกมาบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีนโยบายที่จะควบคุมราคาสินค้า และไม่มีนโยบายนำเงินของหลวงไปอุดหนุนสินค้านั้น ก็อยากให้ได้มองตัวเองและตอบคำถามว่าปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนราคาน้ำมันปาล์มที่ลิตร 9.50 บาท การสนับสนุนราคาดีเซล และการสนันสนุนราคาแก็สแอลพีจี นั้นเป็นการนำเงินหลวงมาอุดหนุนสินค้าหรือไม่ อย่าได้พูดอย่างทำอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น