พรรคเพื่อไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง โชว์ศักยภาพเต็มที่ หลังจากเปิดแคมเปญ 5 ล้ม เหลว 10 จำทน ออกมานำร่องก่อนหน้านี้ แล้วทำโพลสำรวจปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับดี จึงวางแผนจะขยายแคมเปญไปสู่ต่างจังหวัด และทยอยออกแคมเปญใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
แคมเปญที่ออกในเบื้องต้น จะมุ่งโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลเสียเป็นส่วนใหญ่ก่อน ส่วนแคมเปญที่เป็นนโยบายสิ่งที่จะคิดทำในอนาคต ต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน จะค่อยๆ เปิดช่วงใกล้วันเลือกตั้ง เนื่องจากผู้บริหารพรรคกลัวว่าพรรคการเมืองอื่นๆจะลอกเลียนแบบเอาไปใช้ก่อน
ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยจะพยายามโชว์ศักยภาพความพร้อมในรูปแบบพรรคการเมืองเต็มที่ ล่าสุดมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตกว่า 300 คน เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ที่อยู่ในสภายามนี้ และหลายคนเป็นลูกหลาน ทายาทนักการเมือง ที่มารับช่วงต่อจากรุ่นพ่อที่วางมือ หรือดันตัวเองไปขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ
สำหรับ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อก็มีความคืบหน้าไป 60-70 เปอร์เซ็นต์ ตัวหลักๆ ในพรรคผสมผสานนายทุน นักธุรกิจ โดยพยายามหว่านล้อมให้นักธุรกิจมือทอง นักบริหารมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จในแวดวง มาเป็นมือเป็นไม้ให้พรรค พร้อมทั้งช่วยดึงคะแนนเสียงให้พรรคไต่ระดับขึ้นอีก
การที่พรรคเพื่อไทยรีบเปิดตัว เปิดความพร้อมก่อนใครเพื่อน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง มีความพร้อมฮึกเหิมเต็มที่สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการตัดตัวเบื้องต้น หลังจากที่ผ่านมาการแย่งชิงลงเป็นผู้สมัครวุ่นวายไม่น้อย และจะเป็นขจัดความคลุมเครือ
รู้กันเสียทีว่า ใครจะได้เป็นผู้สมัครกันแน่ จะได้เดินหน้าลุยหาเสียงเต็มที่
เรียกว่าพร้อมก่อนได้เปรียบ ประชาชนจะได้รู้จัก ตัวผู้สมัครก็จะมีเวลาทำงานในพื้นที่ พรรคสามารถเอานโยบายไปบอกชาวบ้าน เอาความล้มเหลวของรัฐบาลกระจายผ่านตัวผู้สมัครไป
แหล่งข่าวเผยว่า ด้านนโยบายพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม คืบหน้าไปพอสมควรแล้ว โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคอนดรักเตอร์ใหญ่ ทยอยเขียนนโยบายมอบให้เรื่อยๆ แต่เรื่องหลักที่เคยทำไว้สำเร็จก็นำมาปรับปรุงต่อยอด จึงใช้เวลาขบคิดไม่นานเท่าไหร่ และเมื่อนำไปหาเสียงกับประชาชนย่อมง่าย เพราะเคยเห็นผลสัมฤทธิ์มาแล้ว
พรรคเพื่อไทยประเมินสถานการณ์บนเงื่อนไขที่ว่าการยุบสภาอาจมาเร็วกว่าที่คิด หลังจากสภาพของรัฐบาลเริ่มง่อนแง่นไม่แน่นอน จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่จนครบวาระอย่างสบายๆ วันนี้ชักไม่แน่เสียแล้ว ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้ทำผลโพลสำรวจความนิยมประชาชนทุกภาคอยู่ตลอดเวลา ปรากฏว่าตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา พรรคเพื่อไทยมีผลโพลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คะแนนรัฐบาลดิ่งลงแบบทิ่มดิน จากการบริหารจัดการปัญหาระหว่างประเทศ ไทย-กัมพูชา รวมทั้งปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
จึงวางแผนเร่งเกมทันทีหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลเสียงข้างมากให้กระเทือนได้ แต่จะหวังผลที่จะตามมาภายหลัง จะเปิดฉากเดินสายปูพรมถล่มรัฐบาล พร้อมทั้งโฆษณาหาเสียงทั่วประเทศ จัดการอบรมสัมมนา หาสมาชิกพรรคเพิ่มเติม
สร้างความแข็งแกร่งฐานการเมืองภายใน ป้องกันอาการเลือดไหลออก เหมือนเช่นที่ผ่านๆมา ในยามที่พรรคไม่มีหัวขบวนที่ชัดเจน ก็จำเป็นต้องทำอะไรให้ดูเป็นหลักเป็นฐาน แข็งแรง ดูดีมีอนาคต และน้ำเลี้ยงก็จำเป็นจะต้องเริ่มผ่องถ่ายออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาด
ขณะเดียวกัน การสร้างภาพลักษณ์ความพร้อม ความแข็งแรง กับองค์กรตัวเอง จะเป็นแรงดึงดูดให้ ส.ส. หรือสมาชิกพรรคการเมืองอื่นๆ หันเหมาสนใจ คนที่ลังเลชั่งใจอนาคตทางการเมืองอาจตัดสินใจย้ายเข้ามาร่วมชายคาด้วยก็ได้
ล่าสุดก็มีลูกชาย นายเสนาะ เทียนทอง ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น แห่งประชาราช มาลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับ ลูกชาย นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นักการเมืองใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ มาลงสมัคร ส.ส.ตาก รวมทั้งคนเด่นคนดังอีกหลายคน
สำหรับคนเสื้อแดงนับวันยิ่งมีพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกวัน การชุมนุมแต่ละครั้งมากันจำนวนมาก ทั้งจากพลังของตัวเอง ประกอบกับความเสื่อมทรุดของรัฐบาล ยิ่งทำให้มวลชนรวมตัวกันมากขึ้นๆ เวลานี้อแกนนำคนสำคัญได้รับการประกันตัวจากเรือนจำแล้ว พลังยิ่งดูมีน้ำมีนวลขึ้น
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่คนเสื้อแดงเชื่อมาตลอดว่าอยู่เคียงข้างพวกเขา จำเป็นต้องขยับปรับตัวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการฝากความหวัง ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามที่พวกเขาต้องการ
พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องขยับเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมช่วยเหลือประชาชนรากหญ้า ชนชั้นกรรมาชีพให้กลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ค่อนข้างจะละเลยไม่สนใจพวกเขาเหล่านั้น
ส่วนชนชั้นกลาง โดยเฉพาะคนในกรุงเทพมหานคร ที่มีความคิดความอ่านทางการเมืองวูบวาบในชั่วข้ามคืน เป็นการบ้านที่ท้าทายของพรรคเพื่อไทยว่าจะบริหารจัดการอย่างไร จึงจะดึงมวลชนกลุ่มคนเหล่านี้ให้กลับมานิยมชมชอบพรรคเพื่อไทยได้เหมือนในอดีตที่พรรคไทยรักไทยเคยทำ
เชื่อแน่ว่า เรื่องเหล่านี้พรรคเพื่อไทยย่อมคิดวางยุทธศาสตร์ไว้เป็นขั้นตอน แต่สุดท้ายแล้วจะทำได้มากน้อยแค่ไหน สถานการณ์การเมืองจะเอื้อต่อแนวทางที่พรรคเพื่อไทยวางแผนไว้หรือไม่ ยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตาติดตามต่อไป
การเลือกตั้งครั้งถัดไป แน่นอนเหลือเกินว่าคนในพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าไว้สูงว่าจะต้องได้กลับมาเป็นรัฐบาล จึงเฝ้าอดทนรอ และตั้งใจทำด้วยความหวัง หากมันไม่สำเร็จแล้วไซร้เราอาจเห็นภาวะบ้านแตก หรือเห็นการเคลื่อนไหวการเมืองที่รุนแรงเหมือนภาพเหตุการณ์พฤษภา53