นายกฯ แนะ กอสส.ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ การทำงานจึงประสบความสำเร็จ เน้นยึดหลักข้อมูลวิชาการ สร้างความเข้าใจต่อภาครัฐ เอกชน และ ปชช.ในพื้นที่ ก่อนอนุญาตให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
วันนี้ (28 ก.พ.) เวลา 08.30 น. ห้องมิราเคิลแกรนด์ เอบี ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพกับทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานของ องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.)
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กอสส.ได้เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 วรรคสอง ที่กำหนดให้มีการคุ้มครองสิทธิของบุคคลรวมไปถึงสิทธิของชุมชนในการที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลอนุรักษ์บำรุงรักษาและได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า ปัจจุบันปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการใช้และการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความรุนแรงขึ้นโดยลำดับ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นไปตามธรรมชาติในเรื่องของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม ที่มีความต้องการในการที่จะใช้ทรัพยากรธรรมชาติมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติบางประเภทมีอยู่อย่างจำกัด หรืออยู่ในภาวะที่จะเสื่อมโทรมได้ เพราะฉะนั้นการดำเนินการของการพัฒนาในกระบวนการพัฒนาในปัจจุบัน จึงต้องคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันต้องเคารพสิทธิของประชาชนและชุมชนที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของการพัฒนาด้วย
ทั้งนี้ มาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญฯ จึงได้บัญญัติเอาไว้ว่า เมื่อมีการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดๆ ของหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรอื่นๆ ในการที่จะพัฒนาหรือในการอนุญาตให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ จะต้องมีกระบวนการ ขั้นตอน ที่ให้หลักประกันว่าโครงการที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงจะต้องได้รับการประเมินวิเคราะห์ผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและต้องมีการให้องค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากองค์กรเอกชนและผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษาความเห็นประกอบการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐในการที่จะอนุมัติ หรืออนุญาตโครงการต่างๆ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.) จะเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการช่วยกลั่นกรองข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากทุกด้าน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐในการอนุมัติ อนุญาต หรือการดำเนินโครงการต่างๆ ได้รับทราบข้อมูลจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อสามารถที่จะประมวลความคิดเห็นได้อย่างรอบด้าน เพราะฉะนั้นกลไกตรงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้การกลั่นกรองโครงการต่างๆ ที่จะได้มีการดำเนินการต่อไปเป็นไปในลัษณะที่สอดคล้องกับสิทธิของประชาชนและชุมชน ควบคู่ไปกับความจำเป็นในการที่จะต้องมีกระบวนการการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป
นากรัฐมนตรีได้กล่าวฝากเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กอสส.ว่า ความสำเร็จของ กอสส.ในการที่จะทำหน้าที่หรือมีบทบาทดังกล่าว ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการที่จะรักษาความเชื่อถือของทุกฝ่าย ซึ่งหมายถึงการทำงานอย่างเที่ยงตรง และเที่ยงธรรม โดยยึดหลักของข้อมูลทางวิชาการที่แม่นยำ ถูกต้อง และสร้างความเข้าใจกับทุกๆ ฝ่าย ทั้งฝ่ายราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ด้วย เนื่องจากประสบการณ์การของทำงานที่ผ่านมานั้น ปัญหาพื้นฐานที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในปัจจุบัน มาจากปัญหาช่องว่างในเรื่องของความเชื่อถือ และความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อมูลของราชการมักจะถูกปฏิเสธจากทางองค์กรเอกชน ขณะที่ข้อมูลขององค์กรภาคเอกชนเองก็ถูกปฏิเสธจากภาคราชการเช่นกัน โดยไม่มีการนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้เหตุผลในการหาข้อยุติในสภาพของความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ในสภาพปัจจุบันนั้น องค์การ กอสส.ยังเป็นองค์การในลักษณะขององค์การเฉพาะกาลอยู่ รัฐบาลจึงพยายามที่จะเร่งรัดผลักดันให้การจัดการตั้งองค์การนี้ตามกฎหมายเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมาธิการในสภาฯ โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการที่จะช่วยผลักดันเร่งรัดให้การดำเนินการดังกล่าวรวดเร็วขึ้นแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งองค์การที่มีความเป็นอิสระ และเป็นรูปแบบใหม่นั้น ความคิดเห็นในสภาฯ หรือคณะกรรมาธิการฯ จะมีความหลากหลาย ทำให้การดำเนินการงานของคณะกรรมาธิการ อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการที่จะหาข้อยุติในแต่ละประเด็น ซึ่งอะไรที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ก็จะเร่งแก้ไขเพื่อให้องค์การอิสระที่เป็นองค์การเฉพาะกาลมีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการทำหน้าที่นี้ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความหวังว่า ในการสัมมนาวันนี้ซึ่งมีทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ในการทำงานในหลายพื้นที่จะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีความเข้มแข็งและประสิทธิภาพในเรื่องของงานทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
