“ประพันธ์” ค่อยๆ ถลกหนัง “มาร์ค” ชี้ กฎเหล็ก 9 ข้อ บอกจะทำให้บ้านเมืองสงบ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ คำนึงถึงความรู้สึกประชาชน พร้อมรับการตรวจสอบ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ยังไม่เห็นนายอภิสิทธิ์ทำได้ตามที่ประกาศ แย้มเตรียมชำแหละลึกความล้มเหลวในทุกด้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันที่ 27 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า 30 กว่าวันที่เราชุมนุม เราสามารถพิชิตชัยชนะทงการเมือง 1.ได้เปลือยกายจอมปลอมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างล่อนจ้อน 2.ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้โกงกินคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลทุกยุคที่ประเทศไทยเคยมี และ3.ข้อเรียกร้องของเรา 3 ข้อ นายอภิสิทธิ์ไม่มีอะไรมาโต้แย้งอย่าเป็นเหตุเป็นผลได้เลย จนทำให้เกิดอาการดิ้นรนหนีตายเช่นทุกวันนี้ ข้อมูลความจริงจากเวที คนที่กลัวมากที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะหากการต่อสู้ทำให้รัฐบาลล่มสลาย สองคนนี้จะไม่มีแผ่นดินอยู่ และสองคนนี้เป็นคนที่นายชวน หลีกภัย อุ้มชูสนับสนุน ท่านต้องออกมายอมรับความจริงได้แล้ว ว่า ทำให้ประเทศฉิบหายเพราะอุ้มชูสองคนนี้ หากไม่ทำอะไรเลยก็เท่ากับสมรู้ร่วมคิด มิเช่นนั้นประชาชนจะไม่ให้อภัย
“เราว่าต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าหน้าด้านแล้ว เขายังยุบสภาลาออก หวังเอาการเลือกตั้งมาฟอกความผิด แต่ไม่เป็นไปตามแผนศาลตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ มาเจอนายอภิสิทธิ์หน้าด้านยิ่งกว่า วันนี้ไปจัดอบรมเตรียมการเลือกตั้ง ในขณะที่เสียแผ่นดินให้เขมร เศรษฐกิจล่มสลาย ไปไหนก็มีแต่คนกร่นด่า หน้าด้าน ตอแหล น้ำหน้าอย่างนี้ยังหวังกลับมาเป็นนายกฯ”
นายประพันธ์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว 1.ทุจริต คอร์รัปชันของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคแกนนำรัฐบาล 2.ไม่มีความรู้ความสามารถ ขาดประสบการณ์ ภาวะผู้นำ จนทำให้ประเทศเสียหายหลายแสนล้าน ทุกอย่างที่นายอภิสิทธิ์พูดเราต้องบันทึกเก็บภาพเสียงไว้เพื่อให้เถียงไม่ได้ เพราะนายคนนี้มีลักษณะกลับกลอกแก้ตัว ปลิ้นปล้อนเอาดีใส่ตัวเอาความชั่วใส่คนอื่น หากจำได้วันแรกที่เป็นนายกฯ จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยุติการเมืองล้มเหลว นำความสามัคคีกลับคืนด้วยการเอาหลักนิติรัฐนำหน้า ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมกับประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อนั้น
กฎข้อ 1.บอกว่าจะน้อมนำพระบรมราโชวาทเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย 2 ปีกว่าแล้วยังไม่เห็นนายอภิสิทธิ์ ทำตามที่ประกาศ บ้านเมืองมีเหตุปะทะยิงกันตายตามแนวชายแดน การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง บุกทำลายการประชุมอาเซียนที่พัทยา ซึ่งไม่ทราบว่าคุณน้อมนำพระบรมราโชวาทข้อไหนมาใช้ บ้านเมืองถึงตกอยู่ในกลียุคเช่นนี้ นายอภิสิทธิ์จะไปโยนความผิดให้คนเสื้อแดงอย่างเดียวไม่ได้ เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้มีแนวโน้มที่จะก่อความรุนแรง ความล้มเหลวเกิดจากความโง่เขลา ความไร้สามารถในการทำงานของรัฐบาล ที่ไม่เข้าใจต้นตอปัญหาบ้านเมือง ไม่เคยใช้สื่อของรัฐ ไม่เคยให้นักวิชาการ ไปให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนเพื่อป้องกันปัญหานี้แต่อย่างใด
ข้อที่ 2 ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื้อสัตย์โดยเคร่งครัด ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระบรมราโชวาทองค์หนึ่งว่า “ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริต สุจริตและมีความตั้งใจทำขอให้ตออายุได้ถึง 100 ปี หรือถ้าอายุมากแล้วก็ขอให้แข็งแรง ประเทศไทยจะได้รอดพ้นจากอันตราย” แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เอาพระราชดำรัสมาสร้างภาพให้ดูสวยงาม ไม่ยึดถือปฎิบัติ
ขอรวบรัดไปข้อที่ 6 รัฐมนตรีต้องปฏิบัติตน โดยคำนึงถึงความรู้สึกประชาชน พฤติกรรมที่จะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นขอให้ระวังเป็นพิเศษ หารู้ไม่ว่าตัวคุณนั่นแหละที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นทั้งประเทศ บุคลิกที่ขี้ขลาด โง่เขลา คนเขาไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะปกป้องแผ่นดินไทยได้ วันนี้ประชาชนออกมาเรียกร้องยังไม่ฟังรับฟังความเห็น มิหนำซ้ำยังเอากำลังตำรวจเขามาหวังสลายการชุมนุมอีก
ข้อที่ 7 รัฐบาลเชื่อมั่นในวิถีทางอธิปไตย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ตรงนี้เคยบอกว่า หนึ่งเสียงก็ต้องฟัง แล้วตกลงฟังใครมั่งในแผ่นดินนี้
ข้อที่ 8 รัฐบาลต้องพร้อมรับการตรวจสอบในเชิงนโยบายและเรื่องอื่นๆ วันนี้เรามาตรวจสอบคุณ คุณพร้อมหรือป่าว เห็นมีแต่หน้าด้านหน้าจะหนา จะหาทางยุบสภา หาทางปราบปรามปิดปากประชาชน ถามว่ายอมรับการตรวจสอบตรงไหน
และข้อที่ 9 รัฐมนตรีไม่มีสิทธิอยู่เหนือประชาชน ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงรัฐมนตรีของคุณ ทั้งโกง ทุจริต คอร์รัปชัน ทำผิดกฎหมาย ทุกคนอยู่เหนือกฏหมายทั้งนั้น รวมทั้งตัวคุณด้วย เหตุการที่คุณปฏิบัติต่อประชาชนก็อยู่เหนือกฎหมาย อย่างกรณีจับ 7 คนไทยเขาไม่มีความผิดก็ไปยัดเยียดข้อหาให้เขา ประชาชนมาชุมนุมก็ยังเอาพระราชบัญญัติความมั่นคงมายัดเยียด วางแผนให้ตำรวจเข้าตรวจค้น พยายามสร้างสถานการณ์ พบอาวุธ กระสุนปืน ข่าวรายงานมามีแต่อาวุธเก่ายิงไม่ได้เลยสักกระบอก ส่วนแก็งมอไซค์ที่เอามาประกอบฉากก็เป็นคนที่ตำรวจเลี้ยงไว้ จนป่านนี้แล้วคดีไปไม่ถึงไหนเลย
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ทุจริตคอร์รัปชัน มีมูลค่าความเสียหายมากกว่ารัฐบาลทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐมนตรี 5 ปี ทำให้ประเทศเสียหาย 2 แสนล้านกว่าบาท ขณะที่นายอภิสิทธิ์ อยู่มา 2 ปี 2 เดือน มูลค่าทุจริตคอร์รัปชั่น วงเงิน 3 แสนล้านบาทเข้าไปแล้ว ที่ชัดเจนเด่นๆ ก็มี โครงการในสนามบิน แอร์พอร์ตลิงก์ การประมูลข้าว น้ำมันปาล์ม ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 การย้ายสนามบินดอนเมืองไปรวมที่สุวรรณภูมิ ถนนไร้ฝุ่น รถเมล์เอ็นจีวี4 พันคัน และการประมูลรถไฟใต้ดิน นอกจากนี้ยังทุจริตงบประมาณ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา กู้เงิน 8 แสนล้าน ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง รายละเอียดมีเดี๋ยวพรุ่งนี้มาว่ากันต่อ หลักฐานทั้งหลายเหล่านี้ คือหลักฐานฟ้องว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์โคตรโกง นี่ยังไม่นับรวมความเสียหายจากความอ่อนด้อยในการบริหารประเทศ ล้มเหลวทุกด้านเราจะมาพูดให้ฟังทุกด้านในแต่ละด้านตั้งแต่วันนี้ไป
ทั้งนี้ ที่บอกว่านายอภิสิทธิ์เป็นเหมือนตัวตลกนั้น ให้พี่น้องเอานายอภิสิทธิ์ไปเปรียบเที่ยบกับดูผู้นำในอาเซียนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เทียบไม่ได้เลย หรือแม้แต่กัมพูชา ก็เทียบขี้ตีนฮุนเซนไม่ได้เลย นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ที่ประชาชนคนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัว อ่อนด้อยในการบริหารบ้านเมือง เวลานี้ไม่ว่าจะพูดหรือแสดงออกอย่างไร ก็เป็นได้แค่ตัวตลกตัวหนึ่งของประเทศไทยและประชาคมโลก
คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
…ส่วนคนอื่นๆ นั้น ถ้ายังไม่มาร่วมมือกับประชาชนขจัดไอ้ 2 คนเลวนี้ออกไปจากแผ่นดิน ประชาชนก็ต้องพิจารณาตามพฤติกรรมแห่งคดีครับ
มาถึงวันนี้ 30 กว่าวันแล้ว นายกฯ ชวนทำอะไรอยู่ นายชวน หลีกภัย ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่อบรมสั่งสอนไอ้ 2 คนนี้ ทำไมพรรคไม่ประชุมแล้วมีมติจัดการกับไอ้ 2 คนนี้ 2 คนนี้คือ 2 คนที่เติบใหญ่และขึ้นมามีอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์เพราะนายชวน หลีกภัย เป็นผู้อุ้มชู สนับสนุน ท่านต้องออกมาพูดความจริงกับประชาชนได้แล้ว ยอมรับอย่างสุภาพบุรุษได้แล้วว่าท่านทำให้ประเทศฉิบหาย เพราะสนับสนุน 2 คนนี้ มิฉะนั้นแล้วผมคิดว่าชาวใต้ และประชาชนทั่วประเทศ ก็คงจะไม่ให้อภัยแม้กระทั่งพี่ชวน หลีกภัย เชื่อผมนะครับ วันหนึ่งข้างหน้า เพราะไม่ทำอะไรเลย ก็แสดงว่าสมรู้ร่วมคิดและให้ท้าย 2 คนนี้ ใช่ไหมครับพี่น้อง
แล้ววันนี้ ยังสะเออะหน้า ดูสิครับพี่น้อง ขนาดประชาชนมาชุมนุมขนาดนี้ คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาก็อิดหนาระอาใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาก็ดูแล้วว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี้ ไม่มีน้ำยา ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ บริหารชาติบ้านเมืองฉิบหายล้มเหลว ไม่มีผลงานที่เป็นที่พอใจ ประทับใจกับประชาชนเลย แล้วนายอภิสิทธิ์คิดอะไร ยังคิดถึงความหน้าด้าน อยากจะกลับมาเป็นนายกฯ อีก หน้าด้านไหมครับพี่น้อง
โอ้โห เราว่าเราสู้เจอทักษิณหน้าด้านแล้ว เจอนายอภิสิทธิ์ ด้านยิ่งกว่าครับ พี่น้องจำได้ไหม เมื่อครั้งที่เราสู้กับทักษิณ ทักษิณยังยุบสภา ลาออก ตอนแรกลาพักจากตำแหน่งนายกฯ ลาพักแล้วมันก็แอบมาสั่งราชการ เพราะถูกพวกเรากดดันหนักๆ ก็เลยยุบสภา ไปเลือกตั้งหวังจะเอาการเลือกตั้งมาฟอกความผิดให้กับตัวเอง เพื่อจะอ้างว่าถ้าเลือกตั้งชนะกลับมาจะได้บอกกับประชาชนว่าเขาชนะเลือกตั้งมา ก็เลยยุบสภา พอยุบสภาปรากฏว่ากระแสสังคมกดดัน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคอื่นๆ ก็เลยอยากจะหาเสียงเอาใจ มายืนอยู่กับฝั่งประชาชน เพราะรู้แล้วว่าทักษิณไปไม่รอด ก็เลยประท้วงโดยการไม่ยอมเข้าร่วมการเลือกตั้ง จำได้ไหม แล้วทักษิณก็ไปลงเลือกตั้งพรรคเดียว และไปจ้างพรรคเล็กพรรคน้อยมาลงประกอบ เพื่อให้ได้คะแนนเสียงเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชดำรัส จำได้ไหม เลือกตั้งพรรคเดียวจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ใช่ไหมครับ สุดท้าย ก็ถูกศาลตัดสินให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ ใช่ไหมครับ
แล้วเมื่อมีการชุมนุมของพวกเราต่อมาอีก การเลือกตั้งเป็นโมฆะ 3 หนา 5 ห่วงถูกศาลดำเนินคดี ศาลตัดสินว่าประพฤติปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ช่วยพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น 3 หนา 5 ห่วง ก็เลยถูกศาลพิพากษาจำคุก ขณะนี้ยังเดินขึ้นโรงขึ้นศาล รอศาลอุทธรณ์ ฎีกาอยู่ ผมเชื่อแน่ว่า 3 หนา 5 ห่วง คงติดคุกตายตอนแก่แน่ครับ
วันนี้ นายอภิสิทธิ์เคยทำกับพรรคไทยรักไทยแบบนี้มาแล้ว พี่น้องเสื้อแดงจำไว้ ถ้ามันยุบสภาแล้วมันหวังจะไปเลือกตั้ง หวังจะชนะการเลือกตั้งกลับมา แล้วเอาการเลือกตั้งมาฟอกความผิดตัวเอง ว่าเห็นมั้ยมันยังบริหารประเทศดีอยู่ คนยังสนับสนุนให้มันกลับมาเป็นนายกฯ มันจึงชนะการเลือกตั้ง ดูซิครับพี่น้องว่ามันจะหน้าด้านสู้พลังประชาชนได้มั้ย
เพราะฉะนั้นวันนี้ ในขณะที่บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ แผ่นดินก็เสียให้กับเขมร ต่างชาติก็เข้ามายึดครอง รุกรานประเทศ ร่วมมือกับเขมร เศรษฐกิจก็ล่มสลาย สินค้าราคาแพง ประชาชนเข้าคิว คนก่นด่าทั้งบ้านทั้งเมือง มันทะลึ่งจะไปจัดอบรมเตรียมการเลือกตั้ง ว่างั้นเถอะพี่น้อง ด้านมั้ยครับ หน้าด้านมั้ยครับ น้ำหน้าอย่างคุณนี่ยังคิดสะเออะจะกลับมาเป็นนายกฯ เหรอ หรือว่ายังไม่โดนรองเท้าประชาชนไม่สำนึก
บริหารบ้านเมืองห่วยแตก ทำงานก็ไม่เป็น ภาวะผู้นำก็ไม่มา บุคลิกท่าทีก็ดูกระตุ้งกระติ้ง คุณทำงานอะไรสำเร็จให้กับบ้านเมืองสักชิ้นสักอันบ้าง แล้วยังเสือกจะกลับมา เดี๋ยววันนี้ผมเตรียมมาแล้วจะมาพูดอภิปรายไม่ไว้วางใจฝังคุณอีกทีหนึ่ง เพื่อให้คนที่ยังหลงเชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สำนึกเสียว่านายอภิสิทธิ์คือของปลอม คือสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ คือนักการเมืองขยะดีๆ นี่เองครับ ไม่มีราคาอะไรเลย เอามาทำไม
เพราะฉะนั้นคนที่ยังหลงและยังเชื่อนายอภิสิทธิ์อยู่ ก็คงจะมีอยู่บ้าง แต่เป็นจำนวนน้อย ยังไงเราก็ต้องให้เขาหูตาสว่าง
พี่น้องครับ ดูจากสถานการณ์วันนี้ นายอภิสิทธิ์ไป 3 งาน ถูกคน ประชาชน พี่น้องประชาชนไปตะโกนด่า ตอนแรกก็ด่าไอ้ฆาตกร ไอ้มือเปื้อนเลือด ตอนหลังมีของพวกเราแถมให้ด้วย ไอ้ฆาตกร ไอ้ตอแหล มีของฝากจากพี่น้องพันธมิตรฯ ไปด้วย บอกไอ้ตอแหล
ไปที่ไหนก็โดนคนเขาด่าไอ้ขายชาติ ไอ้ตอแหล ไอ้ขายชาติ ไอ้ตอแหล แล้วเสือกหน้าด้านจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ดูความหน้าด้านของคน
เอาล่ะ เมื่อคุณคิดจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง ผมคิดว่ามันก็ต้องเช็กบิลกัน และก็ต้องด่ามันทุกวัน เอาเวทีนี้เป็นเวทีชำแหละนายอภิสิทธิ์ ให้คนที่ยังหูตามืดบอดได้ลืมหูลืมตาเสียบ้างว่า ไอ้คนๆ นี้มีไว้เมื่อไร ประเทศไหนเอาไปไว้ ก็ฉิบหายเท่านั้นเองครับพี่น้อง
เดี๋ยวฟังผมพูด ผมจะพูดให้ฟังว่านายอภิสิทธิ์มันล้มเหลว มันหลอกลวง มันตระบัดสัตย์ และมันตอแหล โกหกประชาชนอย่างไร บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว ทุจริต และมีพฤติกรรมที่ทำให้เราต้องสูญเสียแผ่นดินอย่างไร แต่วันนี้ ผมจะเอาเรื่องเดียวเสียก่อน จะสรุปรวมให้เห็นว่าการบริหารชาติบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์นั้น ประเทศชาติเสียหายเฉพาะ 2 เรื่องนะครับ 1. คือเกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคแกนนำรัฐบาล 2. ก็คือด้วยความไม่มีความรู้ ความสามารถ ขาดประสบการณ์ ขาดภาวะผู้นำ ขาดการตัดสินใจและมีวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดีที่ถูกต้องทำให้ประเทศเสียหายย่อยยับ เรียกว่านับแสนๆ ล้าน ประเทศฉิบหาย แทบแผ่นดินลุกเป็นไฟ เพราะอะไร เดี๋ยวผมจะพูดให้ฟัง และขอเชิญแม่ยกอภิสิทธิ์ที่ยังหลงใหลอยู่ ฟังไปด้วยก็แล้วกันถ้าคุณอยากจะฟัง ถ้าฟังไม่ได้ ก็ไปแอบเปิดทีวี เปิดเทปฟังภายหลังก็ได้ ไม่ว่ากัน
พี่น้องครับ สิ่งที่เราพูดกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องจับให้มั่นคั้นให้ตายก็คือ ทุกอย่างที่นายอภิสิทธิ์พูด เราจะต้องมีหลักฐาน เราจะต้องมีบันทึก เราจะต้องเก็บไว้เป็นเสียง และซีดี เพื่อให้นายอภิสิทธิ์มันหน้าด้านเถียงไม่ได้ เพราะนายคนนี้มีนิสัยและพฤติกรรม เป็นคนลักษณะกะล่อน ปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง พูดจากลับกลอก แก้ตัว เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นี่คือลักษณะอุปนิสัยประจำตัวของเขา
พี่น้องครับ พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับ ในวันแรกที่มีการประชุม ครม. หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนธันวาคม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551 วันนั้นคุณสนธิเอาคำแถลงในวันที่นายอภิสิทธิ์ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นนายกรัฐมนตรี มาพูดกับพี่น้องไปแล้ว ว่านายอภิสิทธิ์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำอะไร ซึ่งในวันที่เขารับพระบรมราชโองการ ก็คือวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 18.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ได้มีคำแถลงต่อพี่น้องประชาชน โดยมีสาระสำคัญอยู่ 3 ข้อ ผมขอทบทวนนิดเดียว ว่า นายอภิสิทธิ์ได้แถลงหลังจากได้รับพระบรมราชโองการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า รัฐบาลที่มีเขาเป็นผู้นำ จะปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และป้องกันให้พระมหากษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ยังได้ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุน และย้ำว่า จะทำหน้าที่ยุติการเมืองที่ล้มเหลว ซึ่งเป็นต้นเหตุของการแบ่งฝ่าย แบ่งสี และแบ่งภาค และจะนำความสามัคคีกลับคืนมา โดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม ยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ นำหน้า รวมทั้งยึดหลักประชาธิปไตย ผมต้องการสร้างความสามัคคี และขอย้ำว่า จะทำงานให้กับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่สนับสนุนหรือไม่สนับสนุนผมก็ตาม ถ้าไม่คิดร้ายต่อบ้านเมืองผมก็พร้อมจะรับใช้ทุกคน
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังยืนยันว่า จะฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก จะดูแลภาคเกษตรกร ลดภาระค่าครองชีพ ตามแผนปฏิบัติการเร่งด่วน โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเร่งด่วน
นี่คือหัวใจสำคัญโดยย่อ โดยสรุปที่ผมนำมา นอกจากนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ
กฎเหล็ก 9 ข้อ ก็คือ 1. ให้ ครม.น้อมนำพระบรมราโชวาทเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเรื่องปฏิบัติงานให้เกิดความเรียบร้อยและเกิดความสุขในหมู่ประชาชน ข้อที่ 2. ให้ยึดถือการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตยต์สุจริตอย่างเคร่งครัด เดี๋ยวมาว่ากันทีละข้อ 3. นโยบายที่ ครม.ยึดถือเป็นเป้าหมาย คือทิศทางร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เป็นเอกภาพหรือไม่ โยนความผิดกันพัลวันหรือเปล่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน
4. ในภาวะวิกฤตการทำงานของรัฐบาลต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ไม่เป็นรัฐบาลที่แบ่งพรรค 5. รัฐมนตรีทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ ไปรับฟังความคิดเห็น ส.ส.และตอบกระทู้ 6. ให้รัฐมนตรีทุกคนปฏิบัติตนโดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน พฤติกรรมใดซึ่งนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่น ขอให้ระวังเป็นพิเศษ
7. ในรัฐบาลที่เชื่อมั่นวิถีทางประชาธิปไตย ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม 8. รัฐบาลต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ทั้งในเชิงนโยบายและเรื่องอื่นๆ 9. รัฐมนตรีทุกคนไม่มีสิทธิ์เหนือประชาชนคนอื่นในแง่การปฏิบัติตามกฎหมาย
พี่น้องจำได้ไหมครับ 9 ข้อ มีใครจำได้บ้างครับ มีใครจำไม่ได้ ปรบมือก็ไม่ว่ากัน ไม่มีใครจำได้หรอก เพราะมันพูดแล้วมันก็เหมือนผายลมออกไปในอากาศเท่านั้นเองครับ ที่ผมนำมากล่าวนี้ก็คือ ก่อนจะลงรายละเอียด วันนี้ขอพูดในเรื่อง 9 ข้อก่อน เฉพาะประเด็นสำคัญ และจะชี้ให้เห็นถึงคนๆ นี้ ว่าเป็นคนที่ไม่มีสัจจะ เป็นนักการเมืองกะล่อน จอมปลอม ไม่แต่งต่างอะไรจากนักการเมืองคนอื่นๆ ดี ไม่ดี เลวกว่าคนอื่นๆ เพราะมันทำหน้าหล่อ หน้าบาง มาหลอกลวงประชาชนได้สนิทกว่านักการเมืองคนอื่นๆ
พี่น้องเห็นเฉลิมพูด เห็นบรรหารพูด เห็นคนอื่นพูด ก็อาจจะไม่เชื่อแล้ว แต่ไอ้หมอนี่มันหลอกมันต้มให้เราเชื่อจนเปื่อยเสียก่อน แท้ที่จริงมันหลอกมันต้มประชาชนหนักกว่านักการเมืองเหล่านั้น
พี่น้องครับ โดยเฉพาะข้อที่ 1 ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ครม.ของเขาจะน้อมนำเอาพระบรมราโชวาทเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเกิดความสุขในหมู่ประชาชน พี่น้องครับ 2 ปีกว่าไปแล้ว 2 ปี 2 เดือนไปแล้ว พี่น้องเคยเห็นนายอภิสิทธิ์ยึดถือพระบรมราโชวาทเรื่องใดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นแนวทางน้อมนำในการปฏิบัติ มีสักเรื่องมั้ยครับพี่น้อง
แต่ก็ยังบังอาจเอาพระบรมราโชวาทไปอ้าง และไปเขียนเป็นกฎเหล็ก พี่น้องครับ ผมก็เลยไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย คุณเอาอะไรมาอ้าง และคุณเอาอะไรมาเป็นแนวทางปฏิบัติ 1. ที่บ้านเมืองมีเหตุปะทะ มีการยิงกันตายตามแนวชายแดน ประชาชนต้องอพยพหนีตายจากเหตุที่กัมพูชามาตั้งฐานปืนใหญ่และยิงถล่มใส่ข้ามมาฝั่งไทย และการที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง การประชุมของอาเซียนที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงไปพัง การเผาบ้านเผาเมือง พี่น้องช่วย เดี๋ยวให้ฝ่ายรายการช่วยเปิดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงดูหน่อยสิครับว่า การเผาบ้านเผาเมืองมันก็เกิดขึ้นในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนี่ล่ะครับ ดูซิครับว่าเขาเอาพระบรมราโชวาทอันไหนมาแก้ไขปัญหาว่าด้วยความสงบ ขอดูภาพการชุมนุมที่มีการเผาบ้านเผาเมือง การบุกพังการประชุมของกลุ่มอาเซียนด้วยครับ นี่ไงครับพระบรมราโชวาทที่คุณจะเอามาใช้ คุณเอาอะไรมาใช้
(VTR)
พี่น้องดูเอาแล้วกันนะครับว่า ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น้อมนำเอาพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านในส่วนใดมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองของคุณ บ้านเมืองมันถึงได้เป็นอย่างนี้ แล้วไหนคุณบอกว่าจะเอามาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและเกิดความสงบสุขในหมู่ประชาชน แต่ภายใต้การปกครอง การบริหารชาติบ้านเมืองของคุณ ไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพกลียุคแบบนี้
(VTR)
การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เข้าใจปัญหาทางการเมือง ไม่เข้าใจปัญหาความขัดแย้งในสังคม และไม่เข้าใจว่าต้นตอของปัญหาที่จะนำมาสู่ความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้นมาจากสาเหตุอะไร การคาดไม่ถึง การเข็มขัดสั้นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มันจึงเป็นความผิดพลาด เป็นความล้มเหลวที่เกิดจากตัวนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลชุดนี้ทั้งนั้น คุณจะไปโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ แต่มันมาจากความโง่เขลา ความไร้ความสามารถ และไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ในการเป็นนายกฯ ของคุณต่างหาก
คุณไม่เคยให้ข้อมูล ไม่เคยให้ความรู้ ไม่เคยให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนพี่น้องทั่วประเทศเหล่านี้เลย ไม่เคยใช้สื่อของรัฐ ไม่เคยให้ข้อมูล ไม่ให้ทีมวิชาการ ไม่ให้ทีมทำงานการเมืองไปให้ความรู้และป้องกันปัญหานี้แต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้มีแนวโน้มที่จะก่อความรุนแรงและซ่องสุมอาวุธ แต่คุณก็นั่งดูดาย ไม่ทำห่าอะไรเลยครับพี่น้อง บ้านเมืองมันถึงเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นต้องถือว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้น มาจากการบริหารที่ล้มเหลวของคุณทั้งสิ้น
เอาล่ะครับ ผมให้ดูภาพเป็นตัวอย่างเท่านั้น เพื่อพี่น้องจะได้รู้ว่าในข้อที่ 1 มันก็ไม่ผ่านแล้ว ผมถึงบอกว่า ไอ้พวกแม่ยกที่หูตามืดบอดและหลงงมงาย และยังไปยอยกก้นนายอภิสิทธิ์นั้น บ้าหรือเสียสติไปกับนายอภิสิทธิ์ด้วยหรือเปล่า นี่ถ้าเป็นนายกฯ คนอื่นทำความเสียหายขนาดนี้ เขาไสหัว เอาตัวเองมุดแผ่นดินหนีไปตั้งนานแล้ว เขาไม่หน้าด้านอย่างนายอภิสิทธิ์หรอก
พี่น้องครับ มาดูพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันประเทศชาติ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นทรงมีพระบรมราโชวาทดังนี้ครับ ตลอดเวลาที่ผ่ามา ทหารไทยนั้นนอกจากจะทำหน้าที่สู้รบ ป้องกันประเทศ และธำรงรักษาเอกราชอธิปไตย กับทั้งอิสรภาพของชาตินั้น ยังได้ทำหน้าที่พัฒนาบ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอีกด้วย
หน้าที่ประการหลังนี้ ต้องถือว่าเป็นเหมือนภารกิจหลักอย่างหนึ่งของทหารทุกคนที่จะต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด เหมือนกับการสู้รบและการพัฒนาให้บ้านเมืองเจริญมั่นคง ให้ประชาชนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี มีความสามัคคีเป็นปึกแผ่นแข็งแกร่งนั้น สามารถป้องกันระงับเงื่อนไขสงครามและการต่อสู้ภายใน เอาชนะความยากไร้ และศึกศัตรูภายนอกได้ทั้งหมด เมื่อบ้านเมืองรอดพ้นจากภัยทุกด้านและความทุกข์ยากแล้ว ย่อมมีเสถียรภาพและความผาสุกร่มเย็น เอกราช อธิปไตย กับทั้งอิสรภาพของชาติก็จะธำรงยืนยงอยู่ตลอดไป ด้วยความสามัคคี จึงขอให้ทหารรักษาพระองค์ทุกคนได้ตั้งใจให้เที่ยงตรง หนักแน่น ในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ โดยประโยชน์อันยั่งยืน ยิ่งใหญ่ มีความมั่นคงปลอดภัยของชาติ และความวัฒนาผาสุกของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด นี่คือพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2545
เห็นหรือยังครับ ผมก็จึงไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์จะเอาพระบรมราโชวาทตอนใดมาใช้เป็นแนวทางในการให้ ครม.ของคุณปฏิบัติ ทั้งๆ ที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะถูกคนเข้ามารุกราน ยึดครองแผ่นดินไทย มาทำร้ายประชาชนคนไทย มาทำลายความสงบมั่นคงของประเทศ คุณก็ยังนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น และไม่เคยแสดงภาวะความเป็นผู้นำของประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ ผมอยากให้ดูพระบรมราโชวาทตอนที่ 2 ครับ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ผมถึงอยากจะถามว่านายอภิสิทธิ์เอาพระบรมราโชวาทอะไรมาพูดให้ ครม.ฟัง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราโชวาทไว้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา ท่านมีพระบรมราโชวาทว่าอย่างนี้นะครับ สิ่งสำคัญในการปกครองในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีไปได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ นี่คือพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 เป็นพระบรมราโชวาทที่พวกเราน้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อม และทุกคนก็เข้าใจดี ยึดถือมาตลอด แต่ถามว่าไฉนล่ะ ครม.ของนายอภิสิทธิ์จึงมีแต่คนเลว คนโกง คนชั่ว คนขายชาติเต็มไปหมด ถามซิว่า นายอภิสิทธิ์ คุณเอาพระบรมราโชวาทตอนใดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้ในการบริหารประเทศชาติของคุณในขณะนี้ นี่ผมยกมาเพียงกฎข้อแรกของคุณ คุณก็ตกม้าตายแล้ว
มาถึงข้อที่ 2 ครับพี่น้อง แหมพูดจาแหลดีเหลือเกิน ให้ยึดถือการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด ผมฟังแล้วอยากจะอ้วกแตกครับพี่น้อง คุณรู้หรือยัง ถ้าคุณยึดถือพระบรมราโชวาท ผมอยากให้คุณอ่านพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2548
ในที่ประชุมที่วังไกลกังวล ที่มีผู้ว่าฯ ซีอีโอ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชวาทตรัสต่อข้าราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เข้าเฝ้าฯ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผมเอาเฉพาะตอนสุดท้ายนี้นะครับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชวาท หรือทรงมีพระราชดำรัสว่า ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริต สุจริตและมีความตั้งใจจะทำ ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี หรือถ้าอายุมากแล้ว ก็แข็งแรง ประเทศไทยจะได้รอดพ้นอันตรายอย่างมาก เพราะว่าผู้ที่ทำโดยความตั้งใจ เพียงแค่นี้ จะให้พร ให้อายุยืนเท่าไรก็ไม่มี
ผมอุตส่าห์ไปค้นมาเพื่อจะได้มาตบปากนายอภิสิทธิ์เท่านั้นเองครับ ว่าแอบอ้างดีนัก แอบอ้างพระบรมราโชวาท แอบอ้างว่าจะปกครองบ้านเมืองโดยสุจริต ผมยังคิดว่ามีอีกบทหนึ่งนะครับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชวาทว่าด้วยเกี่ยวกับเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสไว้ค่อนข้างที่จะมีความหมายและมีความสำคัญอย่างยิ่ง
อย่างนี้ สั้นๆ ก็มีครับ ท่านบอกว่า การทำความดีนั้นสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเอง ผู้อื่นไม่สำคัญ และไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเป็นห่วง หรือต้องรอคอยเขาด้วย เมื่อได้ลงมือลงแรงทำแล้ว ถึงแม้จะไม่มีใครร่วมมือด้วยหรือไม่ก็ตาม ผลดีที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
และเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ผมคิดว่าพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2513 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชวาท ในที่ประชุมยุวทิกสมาคม ความว่าดังนี้ ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ .. นี่ท่านพูดไว้ตั้งแต่ปี 2513 นะ แต่เหมือนทรงมีสายพระเนตรว่าบ้านเมืองเราวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ท่านลองฟังดูนะครับ
ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้มีเสียงกล่าวกันว่า ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม ความประพฤติที่เป็นความทุจริตหลายอย่างมีท่าทีจะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับ และสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดา สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฝืนคลื่นที่กล่าวนั้น ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจ ไม่กระทำสิ่งใดที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่า ชั่ว เสื่อม เราต้องฝืน ต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้องและเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุ้นส่วนรวมไว้ไม่ให้เสื่อมลงไป
...มีสายพระเนตรอันยาวไกล ห่วงประเทศชาติ ห่วงบ้านเมือง และก็ทรงมีพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นสติ เตือนใจและสั่งสอนให้กับพี่น้องประชาชนและผู้มีหน้าที่ในการดูแล บริหารชาติบ้านเมืองมาโดยลำดับ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น เอาเรื่องอย่างนี้มาทำให้เป็นภาพสวยงาม วันที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 23 เขามาเป็นรัฐบาลใหม่ เป็น ครม.ใหม่ ภายหลังรัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ซึ่งถูกประชาชนขับไล่ไปเพราะโกง โคตรโกง ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างหนัก นายอภิสิทธิ์ก็เลยอยากจะสร้างภาพว่ารัฐบาลของเขาจะเป็นมือสะอาด ซื่อสัตย์ ไม่โกง ไม่กิน แต่สุดท้ายคำพูดหรือกฎ ก็เป็นแต่เพียงเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า รัฐบาลนี้มันไม่เคยยึดถือปฏิบัติ แม้กระทั่งสิ่งที่ตัวเองเขียนด้วยมือของตัวเอง
มาถึงข้อ 6 ก็แล้วกันครับ รวบรัด ก็คือว่า เขาบอกรัฐมนตรีทุกคนต้องปฏิบัติตนโดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน พฤติกรรมใดซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่น ขอให้ระวังเป็นพิเศษ พี่น้องอ่าน ฟังแล้ว พี่น้องเชื่อว่ามันเป็นจริงไหมครับ และเขาได้ทำตามที่เขาพูดมั้ยครับว่าเขาคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนมั้ย วันนี้ประชาชนรู้สึกอย่างไรต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อบ้านเมือง รู้สึกอย่างไรต่อการบริหารของคุณ คุณยังหน้าด้านแหลไปแหลมา ไม่เคยฟังความเห็นประชาชนเลยแม้แต่น้อย
ดี ไม่ดี ไม่ฟังแล้ว ยังจะเอากำลังตำรวจมาจับ มาสลายการชุมนุมของพี่น้องประชาชนอีก นี่หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณไม่ละอายปากตัวเองที่คุณเขียนไว้เลย แล้วยังบอกว่า พฤติกรรมใดซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่น ขอให้ระวังเป็นพิเศษ ข้อนี้ตัวคุณนั่นล่ะตัวดีที่สุด และคุณนั่นแหล่ะเป็นคนที่ทำให้คนเขาไม่เชื่อมั่นทั้งประเทศ ไม่มีใครเชื่อมั่นคุณเลยว่าคุณจะปกป้องแผ่นดินไทยได้ โดยบุคลิกลักษณะที่ขี้ขลาด อ่อนแอ ไร้ความสามารถ และโง่เขลาอย่างคุณ คุณควรจะไสหัวคุณไปได้แล้ว
โดยเฉพาะข้อ 7 รัฐบาลเชื่อมั่นในวิถีทางประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ฟังคลิปไปกี่ร้อยครั้งแล้วครับพี่น้อง 1 เสียงก็ต้องฟัง แสนเสียงก็ต้องฟัง แล้วตกลงลื้อฟังใครบ้างวะในแผ่นดินนี้
8 รัฐบาลชุดนี้ต้องพร้อมรับการตรวจสอบในเชิงนโยบายและเรื่องอื่นๆ วันนี้เรามาตรวจสอบคุณ คุณพร้อมหรือเปล่า คุณมีแต่หน้าด้านหน้าหนา และจะหาทางยุบสภา หาทางปราบปรามประชาชน ปิดปากประชาชน คุณยอมรับการตรวจสอบที่ไหน
รัฐมนตรีทุกคนไม่มีสิทธิ์อยู่เหนือประชาชนคนอื่นในแง่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัดโธ่เอ๊ย รัฐมนตรีของคุณโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น ทำผิดกฎหมาย ทุกคนอยู่เหนือกฎหมายทั้งนั้นเลย รวมทั้งตัวคุณด้วย เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่คุณปฏิบัติต่อประชาชน ไม่ว่ากลุ่มเสื้อเหลือง ไม่ว่ากลุ่มเสื้อแดง และการปฏิบัติต่อ 7 คนไทย คุณไม่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนเลย คุณยัดเยียดข้อหาให้กับประชาชน เอาความผิดที่ประชาชนไม่ได้กระทำความผิด ไปยัดเยียดให้เป็นความผิดของเขา นี่มันก็คือการกระทำที่อยู่เหนือกฎหมาย เราจะมาชุมนุมที่นี่ มันยังใช้ให้ตำรวจวางแผน บอกไปตรวจค้น พบอาวุธและกระสุนปืน เอามาโชว์ โอ้โห มีจรวดอาร์พีจี มีโน่นมีนี่ พี่น้องรู้มั้ยครับ ที่ พล.ต.อ.อัศวิน ไปจับอาวุธปืนอยู่สี่แยกมิสกวัน ก่อนเราจะชุมนุมที่นี่วันเดียว ข่าวเขารายงานมาแล้ว มีแต่อาวุธเก่า ยิงไม่ได้สักกระบอกเลย ที่เอามาแสดงขณะนั้น
และไอ้แก๊งมอเตอร์ไซค์ที่เอามาประกอบฉาก ก็เป็นพวกที่ตำรวจเลี้ยงเอาไว้ จนป่านนี้คดีไปถึงไหน นี่ไงครับ แล้วก็บอกว่าตัวเองไม่อยู่เหนือกฎหมาย คุณพยายามจะสร้างสถานการณ์ แล้วเรามาชุมนุมอยู่นี่ คุณยังเอา พ.ร.บ.ความมั่นคง มายัดเยียดความผิดให้กับพวกเราอีกต่างหาก
และในระหว่างที่คุณเป็นรัฐบาล ปกครองบ้านเมือง คุณก็เป็นคนเดียวที่ประกาศ พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน อยู่เกือบ 1 ปี โดยไม่เลิก เพิ่งจะเลิกไม่กี่วันก่อนเราชุมนุม เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของพวกคุณนั้นอยู่เหนือกฎหมาย และใช้อำนาจโดยป่าเถื่อนกับประชาชนทั้งนั้น และพรุ่งนี้ผมกับ อ.ปานเทพ ก็ต้องไปศาลเพื่อไปเบิกความต่อศาล ว่าคุณใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง มาใช้กับพี่น้องผู้ชุมนุมไม่ได้ เราฟ้องคุณและขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ศาลไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉินด้วย
นี่ก็เพราะคุณใช้กฎหมายอันไม่เป็นธรรมกับประชาชน แล้วไหนคุณบอกไม่อยู่เหนือกฎหมาย ทั้งหมด 9 ข้อนี้ ก็เพื่อจะปูพื้นให้พี่น้องเห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ปฏิบัติและเคารพตามสิ่งที่ตัวเองพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทุจริตคอร์รัปชั่น ในรัฐบาลชุดนี้ พี่น้องครับ ผมขอสรุปไว้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้อาจจะมาต่อด้วยรายละเอียด เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลชุดนี้ มากที่สุดครับ มากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว และมีมูลค่าความเสียหายมากกว่ารัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อีกครับ
ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ คตส. รัฐบาลทักษิณมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น เขาตรวจสอบแล้ว 13 โครงการ และส่งให้ ป.ป.ช.ส่งศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ที่รัฐต้องสูญเสียไปกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในยุคของทักษิณ ชินวัตร แต่ส่วนหนึ่งทักษิณก็หาประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าการไปแก้ไข พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต มาแทนค่าตอบแทนสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ หรือการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจดาวเทียมของเครือชินวัตรก็ตาม นั่นก็ทำให้เขาได้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น อาจจะหลายหมื่นล้าน แต่รวมความโหรงโจ้งแล้ว ความเสียหายก็ไม่ถึง 3 แสนล้าน นั่นทักษิณอยู่มา 5 ปีนะครับพี่น้อง ทักษิณอยู่มา 5 ปี แต่นายอภิสิทธิ์อยู่มา 2 ปี 2 เดือน แถลงนโยบาย 23 ธันวาฯ 51-52-53 วันนี้กุมภาฯ 54 อยู่มา 2 ปี 2 เดือน พี่น้องครับ อยู่มา 2 ปี 2 เดือน มูลค่าการทุจริตคอร์รัปชั่น ปาเข้าไป 3 แสนล้านแล้วครับ นี่ยังอยู่ไม่ถึง 5 ปีสู้เขาเลย
มีเรื่องอะไรบ้าง ผมเอาโดยย่อนะครับ รายละเอียดเดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะว่าผมใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว 1 ก็คือการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ กรณีคิงเพาเวอร์ กรณีโครงการที่จะขยายสนามบินอีก 6-7 หมื่นล้าน ขณะนี้เรื่องทุจริตในบริษัทคิงเพาเวอร์ อยู่ในการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วครับ แล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจจะชี้มูลในเวลาอันไม่นาน และการทุจริตคอร์รัปชั่นของบริษัท คิงเพาเวอร์ และการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยรัฐบาลชุดนี้ครับ
เรื่องที่ 2 ก็คือเรื่องแอร์พอร์ตลิงก์ ขณะนี้ก็มาต่อเนื่องกับรัฐบาลชุดนี้ และนี่รันเวย์ที่สนามบินก็พัง ก็แตก ก็ร้าว ของเก่า รัฐบาลนี้มาแก้ไขและสวมตอแทนทักษิณหมด 3. เรื่องการประมูลข้าวค้างสต็อก 3 ล้านตัน นั่นก็กินไปไม่ต่ำกว่า 3-5 หมื่นล้าน 4. ทุจริตน้ำมันปาล์ม สร้างความร่ำรวยให้กับพวกพ้องตัวเอง และนายทุนของพรรคประชาธิปัตย์ไปหลายหมื่นล้านครับ
5. เอาที่ดิน ส.ป.ก.ไปทำโรงไฟฟ้าที่โคราช และที่เขาค้อ ที่ผมพูดไปแล้ว นั่นก็สร้างรายได้ให้กลุ่มธุรกิจของกลุ่มทุนเป็นหมื่นๆ ล้าน 6. การย้ายสนามบินจากดอนเมือง ภายในประเทศ ไปรวมไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็เพื่อจะทำให้ผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์และจะทำให้โครงการที่จะขยายสนามบินมีเหตุผลและมีความชอบธรรม อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องในรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล
ต่อมาก็คือถนนไร้ฝุ่น ตัดถนนขึ้นเขาใหญ่ รถเมล์ NGV 4,000 คัน และทุจริตในการประมูลรถไฟใต้ดินสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน สายสีแดง เป็นสิบๆ สายที่กำลังประมูลอยู่ในขณะนี้ อยู่ในความดูแลโกง ทุจริต ของรัฐบาลนี้ทั้งนั้น
และรัฐบาลชุดนี้ ผลการสำรวจของหอการค้าก็ดี ของกรรมาธิการวุฒิสภาก็ดี และผลการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ก็ดี ล้วนมีข้อมูลที่ตรงกันว่ามีการทุจริตหนักหน่วง และเรียกเอาจากพ่อค้าหนักกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว
เอาเฉพาะเรื่องงบประมาณ นี่เรื่องโกง เรื่องทุจริตในโครงการแล้วนะครับ ยังมีเรื่องโกงเรื่องทุจริตจากงบประมาณแผ่นดินอีกครับ ในวันแรกที่เข้ามา รัฐบาลกู้เงินไป 8 แสนล้าน โดยภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ระยะเวลา 3 ปี ได้กู้เงินมาทั้งสิ้น 8 แสนล้าน 8 แสนล้าน แบ่งออกเป็น SP1 และ SP2
SP1 นั้น พรรคประชาธิปัตย์เอาไป 1.167 ล้านบาท ในโครงการที่อยู่ในความดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคภูมิใจไทยเอาไปทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้าน ในโครงการแรก ในช่วงแรก รายละเอียดมีนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาว่ากันต่อ ชาติไทยเอาไปทั้งสิ้น ในโครงการแรก 2.1 พันล้านบาท และพรรคเพื่อแผ่นดิน เอาไปทั้งสิ้น 500 ล้านบาท
มาถึงโครงการ SP2 พรรคประชาธิปัตย์เอาไปเท่าไรครับ เอาไปทั้งสิ้น 3 ส่วนนี้ จากงบประมาณ รวม แล้ว 613,855 ล้านบาทครับ และแบ่งแยกเป็นโครงการต่างๆ จัดสรรแบ่งเค้กให้แต่ละพรรค ดังนี้ พรรคภูมิใจไทยเอาไปทั้งสิ้น 98,054 ล้านบาท และรวมทั้งโครงการอื่นๆ เบ็ดเสร็จโหลงโจ้งเฉพาะโครงการในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย 139,761 ล้านบาท อยู่ในความดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา 192,148 ล้านบาทเศษ อยู่ในความดูแลของพรรคกิจสังคม แบ่งงบประมาณไปทั้งสิ้น ได้ไป 21,339 ล้านบาท และอยู่ในความดูแลของพรรครวมชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กระทรวงพลังงาน 79,944 ล้านบาท
พี่น้องครับ โครงการทั้งหลายเหล่านี้ และการทุจริตทั้งหลายเหล่านี้ คือหลักฐานที่จะฟ้องประจานว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์นั้น โกงและโคตรโกง พอๆ กันและหนักหน่วงกว่ารัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร
ผมพูดมาพอสมควร ยังไม่สามารถลงรายละเอียด เขาก็เลยบอกว่าพี่พูดวันละชั่วโมงก็พอ แล้ววันหลังค่อยมาต่อรายละเอียด ถ้าพูดเกิน 1 ชั่วโมง เดี๋ยวพี่น้องจะหลับเสียก่อน
ผมมีรายละเอียดจะพูดให้พี่น้องเห็นหมด และจะมาแจงตัวเลขให้เห็น นี่เอาเฉพาะเรื่องการโกง เรื่องการทุจริตนะครับพี่น้องประชาชนที่ฟังอยู่ทางบ้าน แต่ยังไม่นับรวมความเสียหายอันเกิดจากความล้มเหลวในการบริหาร ความด้อยประสิทธิภาพในการตัดสินใจและการบริหารของนายอภิสิทธิ์ เฉพาะเกิดเหตุการณ์พังทลายการประชุมอาเซียน สงกรานต์เลือด มาจนกระทั่งถึงพฤษภาทมิฬ ความเสียหายส่วนหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านแล้วครับ นี่ยังไม่ได้นับรวม เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าคนที่มีใจเป็นธรรม คนที่มีความรู้ คนที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้าน รักเมือง ท่านจะต้องมองนายอภิสิทธิ์เสียใหม่ จะต้องวิเคราะห์ ชำแหละตัวนายอภิสิทธิ์เสียใหม่
ตั้งแต่ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง 2 ปี 2 เดือนนั้น นายอภิสิทธิ์ล้มเหลวทุกด้านครับ เราจะมาพูดให้ฟังทุกด้าน ในแต่ละด้าน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
พี่น้องครับ ผมติดค้างพี่น้องไว้เมื่อวานนี้ ทำไมผมจึงบอกว่านายอภิสิทธิ์นั้นเป็นเหมือนพวกตัวตลก พี่น้อง พี่น้องให้ดูผู้นำประเทศ ในอาเซียนทั้งหมด ในอาเซียน 10 ประเทศทั้งหมดนี่ พี่น้องเอานายอภิสิทธิ์ไปเปรียบเทียบกับผู้นำประเทศอื่นๆ สิครับ ไม่ว่าลาว นายอภิสิทธิ์ก็เทียบนายกรัฐมนตรีลาวก็ยังไม่ได้ เขามีประสบการณ์ มีความรู้ มีความซื่อสัตย์ต่อประชาชนเขา เทียบกับเวียดนามก็ไม่ได้ เทียบกับสิงคโปร์ยิ่งแล้วใหญ่ เทียบกับมาเลเซียก็ยิ่งแล้วใหญ่ เทียบกับอินโดนีเซียก็ไม่ได้ เทียบกับกัมพูชา ไอ้ฮุน เซน ก็ยังเทียบขี้ตีนไอ้ฮุน เซน ยังไม่ได้เลยครับ ดีๆชั่วๆ ไอ้ฮุน เซน มันยังกล้าหาญจิกหัวด่าไอ้อภิสิทธิ์ในแผ่นดินไทยเลยครับ มันยังแสดงความรักชาติรักประชาชน ประเทศมัน แม้จะเป็นเรื่องเกมการเมืองในประเทศของมัน มันก็ยังมีภาวะผู้นำมากกว่านายอภิสิทธิ์หลายร้อยเท่า
เพราะฉะนั้นไม่ว่าบรูไน ไม่ว่าประเทศไหนในเอเชีย พี่น้องดูซิ นายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำ เป็นนายกฯ ที่ประชาชนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวครับ เป็นผู้นำที่ละอ่อน ไร้วุฒิภาวะ และด้อยประสิทธิภาพ ด้อยคุณภาพ ด้อยความสามารถในการบริหารบ้านเมือง และเวลานี้ไม่ว่าจะพูด ไม่ว่าจะแสดงตัวออกมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ก็เป็นได้เพียงตัวตลกตัวหนึ่งของประเทศไทย และของประชาคมโลกครับพี่น้อง
เพราะฉะนั้นผมถึงอยากจะให้ฝากเพลงนี้ให้นายอภิสิทธิ์ และแม่ยกของนายอภิสิทธิ์ด้วยครับ เพลงเจ้าตัวตลก ครับ
(VTR : เพลงเจ้าตัวตลก)
มันหมดเวลาของแกแล้ว ไอ้ตัวตลก อภิสิทธิ์ (ออกไป) สวัสดีครับ พบกันพรุ่งนี้ครับ