xs
xsm
sm
md
lg

จงประสาทความยุติธรรม แม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที ???

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป่านนี้ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์  อัตถาวงศ์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์  นายพายัพ  ปั้น เกตุ  นายอดิศร  เพียงเกตุ   นายวิสา  คัญทัพ  และ ผู้ต้องหา เผาบ้านเผาเมือง ที่หลบหนีคดี  คนอื่นๆ คงจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เรียบร้อย พร้อมจะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลังจากนั้น จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอย่างแน่นอน  โดยวางเงินประกันตัวเพียงคนละ 6 แสนบาท เท่านั้น ถือว่า คุ้มที่ตัดสินใจหนีเสียตั้งแต่ตอนแรก  ไม่ต้องถูกจองจำ หมดอิสรภาพถึง  9 เดือนเต็ม เหมือน แกน นนปช. 7 คน  ที่ศาลอาญาเพิ่งจะให้ประกันตัวเมื่อวานนี้

เพราะบัดนี้ ศาลอาญามีดุลพินิจใหม่แล้วว่า  มีข้อเท็จจริงบางประการที่ทำให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งไปจากเดิมได้  จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แกนนำ นปช. ทั้ง 7 ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก  

ศาลยังมีเมตตา  ลดวงเงินประกันตัวจากเดิมที่นายประกันเคยยื่นไว้ คนละ 2 ล้านบาท  ในการยื่นขอประกันตัวครั้งก่อนๆ  มาครั้งนี้ ศาลลดราคาให้มากกว่า 200%  เหลือคนละ 6 แสนบาทเท่านั้น

ข้อเท็จจริงใหม่ ที่ศาลอ้างเป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งใหม่นั้น  ไม่มีรายละเอียดว่าคืออะไร  คงไมใช่การชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่  13กุมภาพันธ์และ วันที่ 19 กุมภาพันธ์  ที่ผ่านมา เพื่อกดดันศาลให้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 7 คนแน่นอน   เพราะสุภาษิต กฎหมายมีอยู่ข้อหนึ่งว่า

"จงประสาทความยุติธรรม แม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที"  

ขนาดฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย ศาลยังไม่หวั่น ขอยืนหยัดผดุงความยุติธรรม  มีหรือ ที่จะหวั่นไหวกับการกดดันของคนเสื้อแดง  

ถึงแม้ว่า จะมีผู้มองโลกในแง่ร้าย มองศาลในแง่ลบ ตั้งข้อสังเกตว่า  นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ยื่นประกันตัว วันที่ 9 กุมภาพันธ์   ศาลนัดไต่สวนวันที่  21 กุมภาพันธ์  ทอดเวลาออกไปเกือบ 2 สัปดาห์  ไม่มีคำสั่งทันที  เหมือนการยื่นขอประกันตัว ครั้งก่อน   ราวกับจะรอม็อบขู่ศาลเสียก่อน  

แต่การตั้งข้อสังเกตเช่นนี้  ไม่เป็นธรรมกับศาล อีกทั้งยังไม่คำนึงถึงสุภาษิตกฎหมายที่ว่า  "จงประสาทความยุติธรรม  แม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที"

แต่ถ้าอนุมานเอาจาก  การให้การของพยาน อย่างเช่น พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์  นายคณิต ณ นคร ฯลฯ แล้ว  น่าจะเป็น บรรยากาศของบ้านเมืองที่กำลังเรียกร้องการปรองดอง สมานฉันท์   และจำเลยบางคนอย่างนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ให้การว่า การชุมนุมของ คนเสื้อแดง เมื่อปีที่แล้วนั้น เป็นการชุมนุมโดยสันติ  ไม่มีความรุนแรง คำให้การเหล่านี้ อาจจะเป็นข้อเท็จจริงใหม่ ที่ทำให้ศาล เปลี่ยนไปก็ได้

อย่างไรก็ตาม  ในการยื่นขอประกันตัว แกนนำ นปช. ครั้งก่อนๆ รวมแล้ว 5 ครั้ง  รวมทั้ง การอุทธรณ์คำสั่งหนึ่งครั้งนั้น  เหตุผลในการไม่ให้ประกันตัวคือ  คดีนี้ มีอัตราโทษสูง   เกรงว่า จำเลยจะหลบหนี   ทั้ง 5 ครั้ง ศาลยืนยันเหตุผลนี้มาตลอด  ด้วยถ้อยคำว่า "ยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น"

จึงน่าสงสัยว่า ข้อเท็จจริงบางประการ ที่ทำให้ศาลอาญา  เปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น  เมื่อวานนี้นั้น   เป็นข้อเท็จจริง ชุดเดียว กับ ข้อเท็จจริง ที่ศาลอาญา  และศาลอุทธรณ์ ใช้พิจารณาในการออกคำสั่งเมื่อ 5 ครั้งก่อนหรือไม่   คือ ข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่กำหนดอัตราโทษของคดีที่สูงถึงขั้นประหารชีวิต เพราะจนถึงวานนี้  อัตราโทษของคดีนี้ ก็ยังเหมือนเดิม  ไม่เปลี่ยนแปลง

หากเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ทางการเมือง การปรองดองของรัฐบาล   เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข  ลดความแตกแยกของคนในชาติ ก็แสดงว่าศาลอาญาคำนึงถึง ปัจจัยทางการเมือง  ประกอบการใช้ดุลพินิจด้วย ไม่ได้ใช้แต่ข้อกฎหมายเท่านั้น เหมือนที่ศาลมักจะยืนยันในความเที่ยงธรรมว่าการพิจารณาคดีทุกอย่างเป็นไปตาม ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  ไม่มีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้อง  

อย่างนี้แล้ว ตาชั่งที่เคยสมดุลระหว่างข้อเท็จจริงข้างหนึ่งกับข้อกฎหมายข้างหนึ่ง บัดนี้มีเรื่องการเมือง ถูกใส่เข้ามาในข้างหนึ่งของตาชั่งด้วยจะทำให้เสียสมดุลไปหรือไม่

หลักคิดในเรื่อง การขังผู้ต้องหา โดยอำนาจศาลนั้นมีสาระสำคัญว่า   

"การขังผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินกระบวนการทางอาญา  ซึ่งเป็นการขังโดยอำนาจศาล ซึ่งมีมาตรการทางกฎหมายตามหลักอาชญาวิทยาและฑัณทวิทยา ทั้งนี้เพื่อมิให้อาชญากรนั้นออกไปอยู่ร่วมกับสังคมภายนอก โดยที่อาชญากรนั้นเป็นอันตราย หรือมีพฤติการณ์ที่เป็นอันตรายต่อสังคมภายนอก จึงต้องจำกัดสถานที่เพื่อแยกอาชญากรนั้นออกจากสังคม และเพื่อให้หลาบจำในการกระทำความผิดในชั้นหนึ่งก่อน และตามหลักวิชาการทางกฎหมายอันเป็นหลักสากลที่ปฏิบัติต่อผู้ต้องหาในการให้ประกันตัวผู้ต้องหานั้น   รัฐ (หมายถึงองค์กรของรัฐทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งฝ่ายบริหารและศาล) จะต้องคำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์ได้เสียของสังคม โดยรัฐจะต้องมีความเชื่อมั่นว่า ผู้ต้องหาจะไม่ไปกระทำความผิดเดิมนั้นเพิ่มอีก หรือไปกระทำความผิดอื่นๆอีกในระหว่างการประกันตัว (Commit further crimes or any crimes before trial)

รัฐจะต้องดำเนินการโดยคำนึงความปลอดภัยของบุคคลและสังคมที่ความผิดนั้นได้เกิดขึ้น (safety of person and the community) โดยรัฐต้องทราบถึงพฤติกรรมส่วนตัวของผู้ต้องหา ต้องรู้ว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่มีแนวโน้มที่น่าจะก่อให้เกิดอันตราย หรือมีการกระทำความผิดในอดีตอย่างไรมาแล้ว และผู้ต้องหามีความผูกพันเกี่ยวข้องในสังคมและกระทำต่อสังคมนั้นอย่างไร ต้องรู้ถึงภยันตรายที่ได้เกิดขึ้นหรือจะเกิดต่อสาธารณะหรือไม่ (public dangerousness) กับต้องรู้ถึงความที่น่าจะเกิดอันตรายบังเกิดขึ้นหากให้ประกันตัวไป"

ตัวอย่างในกรณีของนายจตุพร  พรหมพันธุ์ ที่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. ประกันตัวออกไปเคลือนไหวกดดันศาลนั้น  ก็มีให้เห็นกันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร    

กรณีศาลมีคำสั่งปล่อยตัวแกนนำ นปช. ทั้ง 7 คน ยังมีเรื่องชวนคิดต่อไปได้ว่า  หากมี ผู้ต้องหาคดีลอบวางเพลิง ที่ศาลไม่ให้ประกันตัว  ร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว  โดยมีพยานชื่อ สนั่น และคณิตมาให้การว่า  บัดนี้เพลิงสงบไปนานแล้ว  และไม่ปรากฎว่า มีการลอบวางเพลิงขึ้นอีกเลย  อีกทั้ง ผู้บัญชาการเรือนจำยังให้การว่า  ระหว่างที่ถูกขังอยู่ ผู้ต้องหามีความประพฤติเรียบร้อย ไม่มีพฤติกรรมที่ชอบเล่นสิ่งของที่ทำให้เกิดประกายไฟ สัญญาว่า ถ้าได้รับการปล่อยตัว จะไม่หลบหนี จะไม่ไปวางเพลิงที่ไหนอีก   

กรณีดังว่านี้จะลงเอยอย่างไร

คนเสื้อแดงเขียนแปะข้างฝาเอาไว้เลยว่า อีกไม่นาน ทักษิณ จะกลับมา อย่างสง่า ผ่าเผย
กำลังโหลดความคิดเห็น