เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 โร่ไปขอ “ยอมแพ้” เอ้ย ขอสงบศึกหรือถ้าเรียกให้สวยหรูก็คือ “หยุดยิง” กับ “ลูกชายฮุนเซน” ถึงฝั่งกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ.พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กองกำลังสุรนารี พร้อมทีมงานชุดใหญ่ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.ท.ฮุนมาเน็ต รอง ผบ.ทบ.เขมร ไอ้ “เด็กเมื่อวานซืน” อายุแค่ 34 ปี
00 ผลการตกลงมี 8 ข้อ สรุปให้เข้าใจง่ายก็คือให้ทั้งสองฝ่าย “หยุดอยู่กับที่” เช่น ห้ามปลูกสร้างเพิ่มเติม ทั้งอาคาร ถนน บังเกอร์ ฐานทางทหาร และทั้งสองฝ่ายยังคงกำลังทหารในพื้นที่เอาไว้ก่อนจนกว่าจะได้ข้อยุติถาวร โดยเฉพาะให้รอการเจรจาที่อินโดฯในการประชุมอาเซียนวันที่ 22 ก.พ. ก่อน เมื่อออกมารูปนี้มันก็เหมือนกับ “แพ้ฮุนเซน” นะซีพี่น้อง
00 มันเป็นเกมสันติภาพที่ “ตบตา” คนไทย และเป็นเกมที่กำหนดขึ้นมาโดย “กลุ่มผลประโยชน์” ข้ามชาติไทย-กัมพูชา ที่ชูเรื่องสันติภาพ หยุดยิงมาบังหน้า เพราะคนพวกนี้รู้ดีว่าถ้าสถานการณ์ชายแดนยังตึงเครียดต่อไปพวกเขาก็จะเสียประโยชน์มหาศาลในแต่ละวัน โดยเฉพาะเรื่อง “บ่อน” ซึ่งยังต้องส่ง “ส่วย” ไปให้ “ผู้มีอำนาจ” ในเขมรวันละนับล้านบาท
00 การ “หยุดยิง” ในพื้นที่ของไทย แล้วมา “แบ่งดินแดน” ของไทย ขอถามหน่อยว่าใครเสียเปรียบ แทนที่จะยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาถอยไปให้พ้นพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นของไทยอย่างชัดเจน ยกเว้นปราสาทพระวิหารที่ไทย “ตกหลุม” แพ้ในศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 ไม่ว่ากัน แต่พื้นที่โดยรอบนั้นไม่ใช่ แต่ไทยไม่เคยยืนยันอ้างสิทธิ์ มีแต่บอกว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ทุด !!
00 คำพูดของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาแนวเดิมคือ “ดึงดัน” ยืนยันว่าไม่เสียอธิปไตยถาวรจากการ “หยุดยิงถาวร” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันสูญเสียไปแล้ว เพราะฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามายึดครองเต็มรูปแบบ ทั้งการสร้างวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ ยึดภูมะเขือ สร้างถนน ในพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่อ้างว่า “ยูเนสโก” เห็นด้วยกับแนวทางของตนเองที่จะไม่มีการพิจารณา “แผนบริหารจัดการ” รอบปราสาทในขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหานั่นก็เพราะความตื่นตัวของภาคประชาชนต่างหาก เพราะยังขืนส่งตัวแทนเข้ามาก็จะเจอดีแน่
00 เรื่อง “ปาล์มน้ำมัน” กำลังดุเดือดเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นเกม “ผลประโยชน์” ที่แต่ละฝ่ายไม่ยอมลงกันให้ง่ายๆ งานนี้ฝ่ายประชาธิปัตย์คิดว่าได้เปรียบกับการไล่ถลุง “เจ๊วา” พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาราคาแพง-ขาดแคลน แต่การส่ง “มนุษย์สีเทา” สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามาแทรกแซงนั้นงานนี้ยิ่งเห็น “พิรุธ” และยิ่งการส่งสัญญาณจะให้ “เอกชน” นำเข้ามามันก็ยิ่ง “เข้าเค้า” เพราะหลายคนเริ่มสงสัยกันแล้วว่าอาจมีรายการ “สะสมกระสุน” ก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ และไหนๆเมื่อไม่มีอะไรจะเสียขอให้ “เจ๊วา” แฉให้หมดว่าใครเป็น “ไอ้โม่ง” ซดน้ำมันปาล์ม-สวมโควตา-กักตุน ทุด !!