xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” สั่ง “เทือก” เร่งนำเข้าน้ำมันปาล์มแก้ปัญหาราคาพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจน้ำมันปาล์มราคาพุ่ง หลังอนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน แต่พาณิชย์ยังเฉยโดยอ้างนำเข้าแพงไม่คุ้มทุน สั่ง “เทือก-ไตรรงค์” แก้ปัญหา เร่งนำเข้าโดยเร็ว แต่ต้องโปร่งใส่ ผลิตจริง กระจายให้ทั่วถึง



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"  

วันนี้ (20 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ปัญหาเรื่องของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มราคาแพง เกิดขึ้นจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ซึ่งเป็นผลมาจาก 2 ด้าน คือ ความต้องการภายในประเทศ และในโลกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ปัญหาผลผลิตที่ออกมาซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติปีที่แล้วทำให้ราคาปาล์มสูงขึ้นมาก

“เมื่อก่อนราคาขายขวดละประมาณ 38 บาท ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ กก.ละ 3 บาท แต่เมื่อไม่นานมานี้ ต้นทุนเพิ่มเป็น 9-10 บาท ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รัฐบาลได้ติดตามและประเมินสถานการณ์มาตั้งแต่ปลายปี 2553 เห็นแล้วว่าจะมีการขาดแคลน จึงได้อนุมัติโดยมติ ครม.เข้ามา 3 หมื่นตัน พร้อมกับอนุญาตให้ปรับราคาขึ้นจาก 38 บาท เป็น 47 บาท แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ครม.จึงอนุมัติให้นำเข้าอีก 1.2 แสนตัน”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปรากฏว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนยังประสบปัญหาความเดือดร้อนมากมาย ตนได้รับทราบและติดตามจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และพบว่าที่รัฐบาลอนุมัติให้นำเข้ามา 1.2 แสนตันนั้นยังไม่มีการดำเนินการ จึงได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งรัดให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตันอย่างรวดเร็ว โดยการนำเข้าจะต้องมีระบบที่โปร่งใส ทั้งเรื่องราคา และการจัดสรร และจะต้องไปดูปัญหาอุปสรรคเพิ่มเติมด้วย เพราะมีการกล่าวอ้างว่าแม้มีการนำเข้ามาการผลิตก็อาจจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะไม่คุ้มทุน เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มที่จะนำเข้ามามีราคาสูง ที่จะนำมาขายในราคา 47 บาทได้

“ผมจึงให้ทางรองนายกฯ ประชุมในวันอังคารที่ 22 ก.พ.นี้เพื่อหาข้อยุติ โดยจะไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค แต่จะหามาตรการที่จะนำเข้ามาอย่างรวดเร็ว โปร่งใส มีการกระจาย และผลิตจริงไปถึงมือผู้บริโภคโดยเร็วที่สุด ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ รัฐบาลรับทราบความเดือดร้อน และหากพบว่าปัญหาที่ผ่านมา หรือที่จะดำเนินการต่อไปไม่ชอบมาพากล มีการทุจริต หรือมีการกักตุน ขณะนี้ก็ได้ให้กรมสวบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ได้ด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น