เกษตรกรชาวไร่อ้อยสุโขทัย กว่า 2,000 บุกล้อมพรรคประชาธิปัตย์ ทวงคำร้องย้ายโรงงานน้ำตาลเปิดเพิ่มที่จังหวัด หลังร้องแล้วไม่คืบ - ชาวนครสวรรค์ 150 คนก็มาด้วย ทวงที่ทำกินถูกประกาศเป็นพื้นที่หวงห้าม
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย จ.สุโขทัย ในสังกัดสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยกว่า 2,000 คน พร้อมรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงและข้อความแผ่นป้ายแสดงความเดือดร้อนจากต้นทุนการขนส่งของเกษตรกรที่ต้องรับภาระต่างๆ ภายใต้การนำของนายสุชัย ลิ้มสมุติ ประธานสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาปิดล้อมหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยเรียกร้องจะขอยื่นหนังสือขอทราบความคืบหน้ากรณีที่ทางสมาคมชาวไร่อ้อยลูกพระยาพิชัยได้เคยทำเรื่องถึงนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม รับทราบปัญหาค่าขนส่งที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยใน จ.สุโขทัย ต้องรับภาระในการขนส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ที่จ.อุตรดิตถ์ ระยะทางไปกลับกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อขอให้มีการย้ายขยายโรงงานไทยเอกลักษณ์ โดยการเปิดสาขาใหม่ที่ จ.สุโขทัย เพื่อเป็นการลดภาระและต้นทุนในการขนส่งของเกษตรกรชาวไร่อ้อย จ.สุโขทัย ไม่ต้องวิ่งขนส่งวัตถุดิบเข้าโรงงงานที่ จ.อุตรดิตถ์อีก โดยกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ปักหลักชุมนุมบนพื้นผิวการจราจร ทำให้ต้องปิดกรจราจรไป 1 เลน เพื่อรอยื่นหนังสือต่อนายกฯ และนายชัยวุฒิเท่านั้น
โดย นายสุชัยกล่าวว่า ตนนำเกษตรกรชาวไร่อ้อยอ จ.สุโขทัย มาทวงถามความคืบหน้าในการขอย้ายโรงงงาน เพราะราคาน้ำมันขยับแพงขึ้นตลอดเวลา ไม่มีท่าทีจะลดลง เป็นการเพิ่มต้นทุนการขนส่งต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย อีกทั้งเมื่อวันที่ 8 ม.ค.53 ทางสมาคมชาวไร่อ้อยลูกพระยาพิชัยในสังกัดสหสมาคมฯ ได้เคยทำเรื่องขอย้ายโรงงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อภาครัฐแล้ว ซึ่งในวันที่ 11 พ.ค.53 ได้มีมติ ครม.รับทราบ ต่อมาวันที่ 31 ส.ค.53 สมาคมฯ ได้เร่งรัดทวงถามไปยังทางกระทรวงอุตสาหกรรมถึงความคืบหน้า แต่ไม่ได้รับคำตอบ สุดท้ายทางสมาคมฯ จึงขอให้ทางสหสมาคมฯ ยื่นหนังสือตรงถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้นายชัยวุฒิ รมว.อุตสาหกรรม ดูแลในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 18 ต.ค.53 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทางสหสมาคมฯ จึงได้มาทวงถามความคืบหน้าในเรื่องนี้ และจะยื่นหนังสือถึงนายกฯ และ รมว.อุตสาหกรรมต่อไป และขอให้เข้าใจว่าหากไม่เดือดร้อนจริง ชาวไร่อ้อยคงไม่ออกมาเรียกร้องเช่นนี้ ทั้งที่ภาครัฐรับปากว่าจะดูแลปัญหาให้แต่กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กลุ่มแผ่นดินของเรา จ.นครสวรรค์ ราว 150 คนได้เดินทางมาขอยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ดินทำกินถูกประกาศของทางการทับซ้อนให้เป็นเขตหวงห้าม ทำให้ได้รับความเดือดร้อนจากการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามฯ ใน จ.นครสวรรค์ พ.ศ. 2479 ทับที่ดินทำกินของเกษตรกรเจ้าของที่เดิม โดยเรียกร้องขอให้แก้ไขถ้อยคำในมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2552 เพื่อให้สามารถออกโฉนดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรกลุ่มแผ่นดินของเราได้ ตามที่ทาง จ.นครสวรรค์ได้เคยรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการระดับอำเภอ ที่ระบุว่าราษฎรในกลุ่มได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ก่อนการประกาศเป็นเขตหวงห้ามก่อนปี 2479 ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
