โฆษกพรรคเพื่อไทย โจมตีนายกฯขาดภาวะผู้นำ ละเลยเยี่ยมผู้อพยพจากเหตุปะทะชายแดน แขวะแต่มีเวลาว่างไปรับกีตาร์จากนักดนตรีต่างชาติ ผิดหวังส่งกษิตไปแจงยูเอ็นเอสซี ไม่เหมาะ
วันนี้ (13 ก.พ.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีชาวอำเภอกันทรลักษ์ และอำเภอใกล้เคียง ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้กลับภูมิลำเภาภายหลังเหตุปะทะที่ชายแดนไทยกัมพูชาสงบลง ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นที่น่าผิดหวังที่นายกรัฐมนตรี ขาดน้ำใจ ในการลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน กว่าสามหมื่นคนที่อพยพ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีเสียงคล้ายเสียงปืนที่หมู่สิบสาม ในหมู่บ้านภูมิซรอล ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว จนอพยพกันอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีที่เลือกปฏิบัติ และไม่แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ เพราะหลังจากที่เหตุปะทะเกิดขึ้นมาแล้วกว่าสิบวัน ก็ยังไม่พบการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกลับมีเวลาว่างพอไปรับกีต้าร์สกอร์เปี้ยนและ มีเวลาไปงานวันเกิดสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อีกทั้งยังให้แม่ทัพภาคสอง ฝ่ายค้าน นางสาวไทยและศิลปินนักแสดง เป็นฝ่ายลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวศรีสะเกษ
ส่วนกรณีที่ในวันที่ 14 ก.พ.นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเดินทางไปนครนิวยอร์กเพื่อจะชี้แจงต่อ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือยูเอ็นเอสซี ในกรณีเหตุปะทะดังกล่าว โดยส่วนตัวมองว่า นายกรัฐมนตรีเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้น ซึ่งการที่ให้นายกษิตเป็นหัวหน้าคณะเจรจาตนมองว่าน่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ โดยตนเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรเป็นผู้เดินทางไปเจรจาด้วยตนเองมากกว่า เพราะเชื่อว่า จะมีน้ำหนักมากกว่านายกษิต
ส่วนกรณีที่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที เรื่องการเซ็นสัญญาระหว่าง แคท กับ บริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยทาง สตง.ติงสัญญา 14 ข้อ ว่า น่าจะเข้าข่ายการดำเนินการโดยมิชอบ และอาจมีปัญหาในการเร่งทำสัญญา ซึ่งตนมองว่า เป็นการตบหน้ารัฐบาล โดยตนพร้อมเป็นกำลังใจ
สตง.ในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ตนพบมาว่า จะมีการสร้างสถานการณ์โดยบิ๊กมีสี เพื่อปั่นป่วน ซึ่งตนต้องการให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบและหาทางป้องกัน โดยเฉพาะตึกอาคารสูงที่อาจมีการก่อเหตุได้
ส่วนกรณีที่จะมีการประชุมสภาเพื่อพิจารณางบประมาณกลางปี ซึ่งตนเห็นว่า มีนัยสำคัญของรัฐบาล โดยฝ่ายค้านตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเพียงฉากบังหน้า เพราะการพิจารณางบดังกล่าวจะมีส่วนต่างถึง หมื่นหกพันล้านบาท โดยอาจมีการแบ่งเค้กหรือผลประโยชน์ได้ ทั้งที่ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 -98 ก็เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบกลางปี จะเป็นเหมือนการซ้อมการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันที่ 18 ก.พ.จะยังไม่มีการยุบสภา ตามที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าวันดังกล่าวอาจมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้น นั้น ตนมองว่าเป็นเกมการเมืองแบบแบ่งกันเล่นเท่านั้น เพราะนายกรัฐมนตรีมักพูดเรื่องการยุบสภา
ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมออกแคมเปญ 5 ล้มเหลว 10 จำทน เข้าสู่หมวดเตรียมการเลือกตั้ง พร้อมทั้ง ในวันพรุ่งนี้ ก็จะเปิดแคมเปญดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดของห้าความล้มเหลวและสิบจำทนของรัฐบาล โดยเรียกร้องว่า ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายที่จะมีการยุบสภา ดังนั้น รัฐบาลควรแสดงความจริงใจในการปราบปรามการทุจริตของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ