xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ป.ป.ช.สภา ติดเบรกค้านเซ็นรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน หวั่นเสียค่าโง่ซ้ำรอย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาญชัย อิสระเสนารักษ์
กมธ.ป.ป.ช.สภา จ่อยื่นศาลปกครองเบรก รฟม.เซ็นรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายวงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท เชื่อ มีความไม่โปร่งใส 18 เปอร์เซ็นต์ ชี้ข้อมูลที่กรมบัญชีกลางแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีเป็นเท็จ หวั่นซ้ำรอยเสียค่าโง่

วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตามที่ กมธ.ป.ป.ช.ได้ติดตามตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน วงเงิน 52,000 ล้านบาท ที่มีความไม่โปร่งใสในหลายประการ อาทิ การกำหนดวงเงิน และการประกวดราคา เป็นต้น มาอย่างต่อเนื่อง และมีการรายงานข้อสังเกตต่อนายกรัฐมนตรี ให้ระงับการลงนามในสัญญาจัดจ้างไปเมื่อเดือน พ.ย.53 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือลงวันที่ 7 ก.พ.54 มายัง กมธ.ป.ป.ช.แจ้งว่า ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตรวจสอบข้อสังเกตตามที่ กมธ.ป.ป.ช.เสนอมา พบว่า การกำหนดราคากลางชอบแล้วตามกฎหมาย และตนทราบมาว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ ได้มีคำสั่งให้จัดการลงนามในวันที่ 17 ก.พ.ที่จะถึงนี้

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า จากที่ กมธ.ป.ป.ช.ได้ศึกษาคำชี้แจงของกรมบัญชีกลางแล้วพบว่า เหตุผลที่กรมบัญชีกลางชี้แจงมาถึงนายกรัฐมนตรีว่าการกำหนดราคากลางนั้นชอบด้วยกฎหมาย อ้างอิงข้อสรุปของ รฟม.ที่ขัดแย้งกับคำชี้แจงผู้แทน รฟม.ที่ให้ไว้ต่อ กมธ.ป.ป.ช.ในหลายประเด็น อาทิ การกำหนดราคากลางการก่อสร้างอุโมงค์ต่อ 1 กิโลเมตรเท่ากับ 4,140 ล้านบาท ซึ่งอ้างอิงต้อนทุนที่สูงขึ้นจากปี 39 ซึ่งใช้งบประมาณเพียง 1,010 ล้านบาท แต่ในบันทึกการประชุมระหว่าง รฟม.กับบริษัทที่ปรึกษาเมื่อเดือน ก.ย.52 นั้น ระบุว่า ในสัญญาที่ 1 มีราคาสูงขึ้นจากปี 39 เพียงหนึ่งเท่าตัว แต่ในราคากลางที่เสนอคณะรัฐมนตรีไปนั้นสูงถึง 4 เท่าตัว หรือ 4,140 ล้านบาทต่อ 1 กิโลเมตร รวมทั้งประเด็นการปรับเปลี่ยนบริษัทผู้ประมูลราคาต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ให้เป็นผู้ได้รับการประมูล โดยอ้างว่า ผู้ประมูลราคาต่ำสุดอันดับ 1 คำนวณราคาผิด ทั้งที่เป็นการคำนวณโดยระบบคอมพิวเตอร์ และยังมีการอ้างอิงหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลาง โดยอ้างหลักเกณฑ์นานาชาติตามระเบียบการใช้เงินกู้ของไจก้า ในการปรับเปลี่ยนรายละเอียดสาระสำคัญในสัญญา ทั้งที่โครงการนี้เป็นการใช้เงินกู้ภายในประเทศ

“ทาง กมธ.ป.ป.ช.จะทำข้อสังเกตถึงนายกรัฐมนตรีโดยด่วนอีกครั้ง เพื่อชี้แจงว่าข้อมูลที่กรมบัญชีกลางแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีเป็นเท็จ และต่างจากข้อเท็จจริงที่ให้ไว้กับ กมธ.ป.ป.ช.เพื่อให้นายกรัฐมนตรีระงับการลงนามในสัญญา เนื่องจากหากมีการลงนามจะมีผลให้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จะส่งผลเสียหายทำให้รัฐอาจต้องเสียค่าโง่ในภายหลัง ทั้งนี้ กมธ.ป.ป.ช.จะเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้ไต่สวนด่วนเพื่อระงับการลงนามสัญญาที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 17 ก.พ.นี้ แต่หากนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งระงับการลงนามก็จะไม่ยื่นคำร้อง” นายชาญชัย กล่าว

นายชาญชัย ยังเปิดเผยด้วยว่า ในส่วนการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ทาง กมธ.ป.ป.ช.ได้เตรียมการดำเนินการ โดยแยกการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการปป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในส่วนของข้าราชการประจำ ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่า มีข้าราชการฝ่ายการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็จะยื่นต่อศาลอาญา แผนกคดีอาญาทางการเมืองต่อไป เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทุจริตถึง 18 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณ 52,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น