xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก” เชื่อนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน แก้ขาดตลาดได้ “เจ๊วา” หนุนตั้งกองทุนช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
ส.ส.ชาติไทยพัฒนา ตั้งกระทู้สด ถามน้ำมันปาล์มขาดตลาด แนะตั้งกองทุนแก้ ด้าน ปธ.กก.ปาล์ม แจงปัญหาเกิดจากความผันผวนทางธรรมชาติ จึงต้องนำเข้าอีก 1.2 แสนตัน เชื่อแก้ปัญหาได้ รมว.พาณิชย์ รับหลังนำเข้าทำราคาสินค้าเพิ่ม พร้อมขอความร่วมมือห้างลดต้นทุนจัดส่งหวังตรึงราคา ขณะหนุนตั้งกองทุน พร้อมชง ครม.หาทางช่วยผู้บริโภค

วันนี้ (10 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กระทู้สด เรื่อง การขาดแคลนน้ำมันปาล์ม ถามนายกรัฐมนตรี ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลมีแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น และระยะยาวอย่างไร เพราะไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าน้ำมันปาล์มและเห็นว่าควรให้กระทรวงพลังงาน เป็นผู้กำหนดกลไกการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตไบโอดีเซล ให้สมดุลกับการใช้น้ำมันปาล์มในการบริโภค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขาดแคลน ที่ผ่านมากลไกของรัฐทำงานช้า เมื่อนำเข้ามาแล้วทำให้เกิดส่วนต่างของราคากว่า 20 บาท หากมีหน่วยงานดูแลกลไกราคา และการนำเข้าจะทำให้การกำหนดราคาทำได้เร็วทำให้ ภาวะขาดแคลนแก้ไขได้รวดเร็วกว่า ตนยังอย่างทราบว่าระยะยาวจะแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มอย่างไร รัฐบาลจะให้หน่วยงานใดเข้ามาดูแล

“หากลดปริมาณการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลลงส่วนหนึ่งจะทำให้การผลิตน้ำมันปาล์ม เพื่อการบริโภคเพียงพอต่อความต้องการโดยไม่จำเป็นต้องมีการนำเข้าจึงอยาก เสนอให้รัฐบาลลองบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้นจะขยายตัวไปกระทบกับพืชที่ใช้ผลิตน้ำมันตัวอื่น เช่น ถั่วเหลืองทำให้มีการปั่นราคาเกิดขึ้น ตนเห็นว่า ควรตั้งกองทุนน้ำมันปาล์มเพื่อแก้ไขปัญหาให้ทุเลาเบาบางลงน่าจะ เหมาะสมมากกว่า” นายชาดา กล่าว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ชี้แจงแทนนายกฯ ว่า คณะกรรมการมีหน้าที่พิจารณาดูแลการผลิตปาล์มน้ำมันในประเทศตั้งแต่ส่วนที่เกี่ยวกับ เกษตรกร โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เพื่อรองรับความต้องการในการผลิตและการใช้งานตลอด 2 ปี การดูแลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงใช้มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซลเพื่อดูดซับปริมาณ ปาล์มน้ำมันที่เกินความต้องการของประเทศ ต่อมาการผลิตไบโอดีเซลได้มีการขยายเพิ่มขึ้น แต่จากภาวะความผันผวนของธรรมชาติทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มน้ำมัน ตั้งแต่ปลายปี 2553 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งเตือนและนำเสนอการแก้ไขปัญหาด้วยการนำเข้าน้ำมัน ปาล์มจากต่างประเทศต่อมาผู้ผลิตปาล์มทางภาคใต้เกรงจะกระทบกับผลผลิตจึงทำหนังสือให้ทบทวนการนำเข้าจนล่าสุดได้อนุมัติให้นำเข้า 30,000 ตัน และติดตามดูสถานการณ์ตลอดมา จนวันที่ 1 ก.พ.ได้อนุมัติให้นำเข้าอีก 120,000 ตัน รัฐบาลเชื่อว่าการนำเข้าคงพอที่จะแก้ไขปัญหาขาดแคลนได้ ซึ่งการนำเข้าน้ำมันปาล์มพยายามให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งเป็นมาตรการเฉพาะหน้าเท่านั้น ส่วนการบริหารจัดการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการ

ด้าน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ชี้แจงเสริมว่าการนำเข้าน้ำมันปาล์มระยะแรกจำนวน 35,000 ตันพยายามกระจายไปยังผู้ผลิตและผู้บริโภค ถึงวันนี้ประชาชนอาจจะยังไม่รู้สึกถึงความผ่อนคลายและพอเพียงต่อการบริโภค และต้องยอมรับว่าหลังการนำเข้าเกิดการปรับราคาโดยมีส่วนต่างการจำหน่ายเกิดขึ้น ซึ่งกระทรวงได้พยายามขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการและห้างสรรพสินค้าในการ ช่วยกระจายสินค้าโดยลดต้นทุนในการจัดส่งเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวสูงไปกว่านี้ กระทรวงจึงพยายามบริหารจัดการน้ำมันปาล์มในส่วนที่นำเข้าเพื่อไม่ให้ประชาชน ได้รับความเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ยืนยันว่าน้ำมันปาล์มขาดแคลนจริงๆ วันนี้เราต้องดูผู้บริโภคด้วย แต่หากวันไหนปาล์มเหลือเฟือก็ต้องมีการพิจารณาไม่นำเข้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นางพรทิวา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอให้ตั้งกองทุนน้ำมันปาล์ม การผลิตน้ำมันไบโอดีเซลมีกองทุนดูแลช่วยเหลือ แต่การผลิตน้ำมันเพื่อการบริโภคไม่มี และต้องยอมรับความจริงว่าวันนี้มีการนำปาล์มดิบไปทำไบโอดีเซลและมีกองทุนน้ำมันดูแล แต่ขณะที่ผู้บริโภคน้ำมันปาล์มยังไม่ได้รับการดูแล ที่ขาดแคลน เพราะเราไม่มีส่วนที่ดูแลผู้บริโภคเลย ผู้ประกอบการต้องรับภาระทั้งหมด ซึ่งกรมการค้าภายในได้เสนอเรื่องนี้กับครม.แล้วว่าเรากำลังหาแนวทางช่วยเหลือผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น