“หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์มาร์ค”
ยิ่งใกล้ช่วงปลายรัฐบาล ปัญหาสารพัดยิ่งมะรุมมะตุ้มเข้าใส่ ทั้งศึกนอก ศึกใน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หลังพิงเชือก ต้องกินพาราแก้ปวดหัว ปวดใจ แก้ไขสถานการณ์พัลวัน ล่าสุดมีการปรับฮวงจุ้ยภายในทำเนียบรัฐบาล ที่ทำงานคนใหญ่คนโต ปัดรังควานเอาเคล็ดกันสักที
หลังจากทำไปทำมา ทุกอย่างกลับดูสาละวันเตี้ยลง ๆ
เอาต้นจันทร์กระจ่างฟ้า ที่เชื่อกันว่า ปลูกไว้แล้ว วาสนาสูง ร่มเย็นดั่งอยู่ใต้ดวงจันทรา เอามะขาม 7 ต้น มาติดตั้ง นัยว่าป้องกันสิ่งไม่ดี และให้รับการเกรงขาม!!
แต่ดูท่าว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่กลัวเกรงพิธีกรรม ไสยศาสตร์อะไรของภาครัฐ ประกาศนัดรวมตัวกันยกใหญ่ กลุ่มเสื้อเหลืองนัดรวมพลเคลื่อนไหว วันที่ 11 ก.พ. ยกระดับขับไล่รัฐบาล ส่วนม็อบแดง นัดชุมนุมแสดงพลังวันที่ 13 และ 19 ก.พ. ตอกย้ำเหตุการณ์การสลายชุมนุม พร้อมป่าวประกาศไปทั่วโลก
ล่าสุด คณะรัฐมนตรี ต้องงัดไม้ตายมาควบคุม แกมข่มขู่ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน 7 เขต ระหว่างวันที่ 9-23 ก.พ. เพื่อรับมือมหกรรมกีฬาสี ที่จะเชิดฉิ่งวิ่งเปรี้ยว กันกลางเมืองหลวง
สถานการณ์ม็อบจ่อประชิดตัว สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ตึงเครียด หลังจากทหารหันปากกระบอกปืนลั่นไกใส่กันสนั่นลั่นทุ่ง จากที่คิดว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค หรือขู่ๆ ปรามๆ กัน ทำไปทำมาท่าจะเถิดเทิงไปกันใหญ่
เสียงปืน เสียงระเบิด ดังต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละวัน เล่นกันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางกระแสข่าวแต่ละฝ่ายต้องการเปิดฉากยิง เพราะมีประโยชน์แอบแฝง !!
เพราะจะว่าไปแล้ว ทหารไทย ทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดน รู้จักกันดีเป็นเพื่อนซี้ กินข้าว ตีกอล์ฟ ตีไก่ ด้วยกันประจำ ตั้งแต่ระดับนายพลยันชั้นประทวน ไอ้เรื่องอยู่ดีๆ จะเขม่นเข่นฆ่ากันนั้น คงไม่ใช่ มันต้องมีสัญญาณอะไร ส่งตรงมาจากหน่วยเหนือแน่
แต่ที่แน่ๆ เลย คนเดือดร้อนเป็นชาวบ้านตาดำๆ ตามแนวชายแดน
เมื่อมองมาที่สถานการณ์ในรัฐสภา ก็ยังคงต้องจับตา เพราะเร็วๆ นี้ จะมีการอภิปรายฟลอร์ใหญ่กันอีนุงตุงนังไปหมด ทั้งเรื่องการแถลงผลงานรัฐบาล การอภิปรายงบประมาณกลางปี 2554 ที่รัฐบาลยัดไส้เข้ามาแบบฉุกละหุก การอภิปรายทั่วไปของ ส.ว. การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน จะเป็นการเปิดแผลตอกย้ำการบริหารล้มเหลวของรัฐบาล
โดยเฉพาะภาวะความเดือดร้อนของชาวบ้าน เรื่องข้าวยากหมากแพง รัฐบาลต้องโดนฝ่ายค้าน ส.ว.ลากไส้ปมนี้จนอ่วมแน่ ทั้งราคาน้ำมันพืช ไข่ไก่ จะถูกหยิบยกมาสับยิ่งกว่าหมูบะช่อ
สำหรับการโหวตลงมติรับ หรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ มาตรา 190 และ มาตรา 93-98 ในวาระที่ 3 วันที่ 11 ก.พ.นั้น ยังลูกผีลูกคน รัฐบาลยังต้องวิ่งล็อบบี้เพื่อรับประกันความเสี่ยงอีกรอบ
โดยเฉพาะมาตรา 93-98 ว่าด้วยระบบเขตเลือกตั้ง เพราะเมื่อวาระ 2 โหวตชนะตามสูตร 375+125 มาด้วยเสียงข้างมาก แบบหายใจไม่ทั่วท้อง ได้มา 298 เสียง แต่วาระ 3 จำเป็นต้องได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง คือ 313 เสียง ดังนั้นต้องเหนื่อยกันอีกยก ล้วงควักกันอีกหน่อย
ล่าสุด ก็มีข่าวใหม่ แต่รูปแบบเก่า มีความเคลื่อนไหวจากนักการเมือง ผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาล เดินสาย ต่อสาย ล็อบบี้ เติมเต็มเสียงที่ขาดหาย พุ่งเป้าไปที่กลุ่ม ส.ว.ที่เคยลงมติงดออกเสียงในวาระ 2 รวมทั้งที่ขาดประชุม ซึ่งนับแล้วมีกว่า 70 คน ในจำนวนนี้รัฐบาล จะต้องเจาะส่วนแบ่งตลาดมาให้ได้สัก 20 เสียง ประกันความชัวร์
ถ้าเดินหน้ากันแบบเอาจริงเอาจัง คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง !!
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากเปลี่ยนจุดยืน พลิกกลับ 180 องศา จากสูตร 400+100 มาเป็น 375+125 ตามมนต์คาถาของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็คงจะต้องจับมือกันเดินต่อให้สุดทาง ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีรายการพลิกกลับไปกลับมาเหมือนเด็กเล่นขายของแน่
เพราะถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93-98 ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จะต้องกลับไปใช้แบบเดิม คือเลือกตั้งส.ส.ระบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ 400 คน และสัดส่วนแยกกลุ่มจังหวัด 80 คน ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีสภาพเป็นพรรคกลาง พรรคเล็ก ส่ายหน้าร้องยี้ บอกเข็ดแล้ว ไม่เอา !!
อย่างน้อย ๆ ก็ขอเป็นเขตเล็ก เขตเดียวเบอร์เดียว เพราะมีโอกาสเจาะทะลวงพื้นที่ แชร์เก้าอี้จากพรรคใหญ่ได้มากกว่า
ตอนนี้ก็มีการวางแผนจัดรูปแบบเขตเลือกตั้ง ขีดวง ตัดแปะอำเภอ เอื้อการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญสูตรใหม่กันไว้บ้างแล้ว พรรคเพื่อไทย รู้หมากเกมนี้เข้าถึงกับร้องจ๊าก ออกมาชี้หน้าด่าออกอากาศกันหน้าดำ หน้าเขียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางเสียงของพรรคร่วมตกหล่นไปบ้าง เพราะบางคนออกตัวเกียร์ 5 ไปแล้ว จะใส่เกียร์ถอยกลับลำก็เสียเชิงนักการเมือง ต้องโหวตแหกคอก ย้ำจุดยืนเดิมต่อไป เช่นพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แต่นั่นไม่ใช่ตัวแปรสำคัญอะไร
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีราคาค่างวดอะไรอยู่แล้ว หากพรรคร่วมจับมือแพ็กกันแน่น ก็คงต้องยืนตามแนวทางเดิม คือ งดออกเสียง หรือไม่เห็นด้วย และพรรครัฐบาลคงไม่มาหาเศษหาเลยเก็บตกคะแนนเสียงจากฝ่ายตรงข้าม
ไปหาเอาจาก ส.ว.ง่ายกว่าเยอะ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าแน่ ข่าวออกมาใช้แค่ 6 หลัก 7 หลัก แค่นั้นก็เหลือเฟือ
พรรคเพื่อไทยคงทำได้แค่เล่นเกมจับผิดหยุมหยิม หาช่องเตะตัดขา เตะถ่วง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้ผ่านสภาไปง่ายๆ ที่เคยขู่ฟ่อๆ จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ การทำผิดขั้นตอนกฎหมาย ก็คงจะทำกันจริงจัง หลังวาระ 3 ผ่านไปแล้ว
ดีดลูกคิดรางแก้ว เช็คเสียงแล้ว ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ผ่านฉลุยแน่ !!