แก๊ง 7.1 ล้าน เสวนาพาเขมรด่าสยามคาบ้าน!! ทูตแขมร์ นั่งไทม์แมชชีน อ้าง 13 จังหวัดของเขมร โดนไทยยึด แต่ไม่ขออ้างสิทธิ์ทวงคืน มึนญวนเป็นเพื่อนบ้านไม่เห็นขัดแย้ง แนะประนีประนอม อยู่ด้วยกันได้ ชี้ ถ้ามีปัญหาประชาคมอาเซียนไม่เกิด ยันทหารเขมรตายไม่ถึง 64 นาย สอนครูไทยอย่าสอนประวัติศาสตร์ด้วยอคติ
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการจัดงานสัมมนาวิชาการอุษาคเนย์ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2544 หัวข้อ “สยาม-แขมร์ คู่รัก คู่ชัง คู่กรรม คู่เวร” โดย นางยู อีว์ (H.E.You Ey) เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กล่าวว่า กัมพูชาและไทยมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ในด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เช่น ลักษณะภาษาที่มีความคล้ายคลึงกัน ที่ต่างหยิบยืมภาษาบาลี-สันสกฤต มาใช้ แต่ที่สำคัญคือ เราทั้งคู่นับถือศาสนาพุทธ ที่เมืองเสียมเรียบ (ไทยใช้คำว่า เสียมราฐ) มีปราสาทหนึ่งที่เรียกว่า “ปราสาทบายน” ซึ่งประกอบไปด้วยปรางค์ทั้งสิ้น 54 ยอด ซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัดทั้ง 54 จังหวัดของกัมพูชา ในสมัยที่จักรวรรดิเขมรยังเรืองอำนาจ ขณะที่ปัจจุบันกัมพูชาเหลือเพียง 24 จังหวัด โดย 13 จังหวัดตกเป็นของไทย และอีก 17 จังหวัด ตกเป็นของเวียดนาม อย่างไรก็ดี เราคงไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในจังหวัดทั้ง 13 จังหวัดได้อีก กัมพูชาทำได้แค่เพียงต้องปกป้องและรักษาสิ่งที่ตนมีอยู่ให้ดีที่สุด
นางยู อีว์ กล่าวต่อว่า ส่วนเวียดนาม ซึ่งได้ 17 จังหวัดของเราไป กลับไม่พบข้อขัดแย้งใดๆด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เพราะผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเป้าประสงค์เดียวกันในการทำข้อตกลง เพื่อจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว เราต่างเป็นเพื่อนบ้านกันทั้งในแง่ภูมิศาสตร์และโชคชะตา และเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันตลอดไป เราต้องอยู่เคียงข้างกัน และเราไม่สามารถย้ายประเทศหนีได้ เพราะว่าเราทั้งสองเปรียบเสมือนลิ้นกับฟัน ซึ่งต้องอยู่ใกล้กันตลอดเวลา เราต้องรู้จักประนีประนอม เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่หัวใจของปัญหา คือ การที่ไทยกับกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความคิดของคนที่จะตัดสิน ทั้งนี้ ไทยกับกัมพูชา ต่างเป็นประเทศในประชาคมอาเซียนด้วยกันทั้งคู่ หากยังมีปัญหาต่อไปประชาคมอาเซียนในปี 2015 ก็อาจไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ จากที่ได้มีการนำเสนอข่าวว่าในกัมพูชามีผู้เสียชีวิตถึง 64 คนนั้น ไม่เป็นความจริงตามที่ได้มีการรายงานข่าวออกไป
“ขอฝากเอาไว้กับทางมหาวิทยาลัย ผู้ให้ความรู้ สอนนักเรียนด้วยเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจ และมีอคติที่ผิดๆ ฝังใจ” นางยู อีว์ กล่าว
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการจัดงานสัมมนาวิชาการอุษาคเนย์ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2544 หัวข้อ “สยาม-แขมร์ คู่รัก คู่ชัง คู่กรรม คู่เวร” โดย นางยู อีว์ (H.E.You Ey) เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กล่าวว่า กัมพูชาและไทยมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ในด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เช่น ลักษณะภาษาที่มีความคล้ายคลึงกัน ที่ต่างหยิบยืมภาษาบาลี-สันสกฤต มาใช้ แต่ที่สำคัญคือ เราทั้งคู่นับถือศาสนาพุทธ ที่เมืองเสียมเรียบ (ไทยใช้คำว่า เสียมราฐ) มีปราสาทหนึ่งที่เรียกว่า “ปราสาทบายน” ซึ่งประกอบไปด้วยปรางค์ทั้งสิ้น 54 ยอด ซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัดทั้ง 54 จังหวัดของกัมพูชา ในสมัยที่จักรวรรดิเขมรยังเรืองอำนาจ ขณะที่ปัจจุบันกัมพูชาเหลือเพียง 24 จังหวัด โดย 13 จังหวัดตกเป็นของไทย และอีก 17 จังหวัด ตกเป็นของเวียดนาม อย่างไรก็ดี เราคงไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในจังหวัดทั้ง 13 จังหวัดได้อีก กัมพูชาทำได้แค่เพียงต้องปกป้องและรักษาสิ่งที่ตนมีอยู่ให้ดีที่สุด
นางยู อีว์ กล่าวต่อว่า ส่วนเวียดนาม ซึ่งได้ 17 จังหวัดของเราไป กลับไม่พบข้อขัดแย้งใดๆด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เพราะผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเป้าประสงค์เดียวกันในการทำข้อตกลง เพื่อจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว เราต่างเป็นเพื่อนบ้านกันทั้งในแง่ภูมิศาสตร์และโชคชะตา และเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันตลอดไป เราต้องอยู่เคียงข้างกัน และเราไม่สามารถย้ายประเทศหนีได้ เพราะว่าเราทั้งสองเปรียบเสมือนลิ้นกับฟัน ซึ่งต้องอยู่ใกล้กันตลอดเวลา เราต้องรู้จักประนีประนอม เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่หัวใจของปัญหา คือ การที่ไทยกับกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความคิดของคนที่จะตัดสิน ทั้งนี้ ไทยกับกัมพูชา ต่างเป็นประเทศในประชาคมอาเซียนด้วยกันทั้งคู่ หากยังมีปัญหาต่อไปประชาคมอาเซียนในปี 2015 ก็อาจไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ จากที่ได้มีการนำเสนอข่าวว่าในกัมพูชามีผู้เสียชีวิตถึง 64 คนนั้น ไม่เป็นความจริงตามที่ได้มีการรายงานข่าวออกไป
“ขอฝากเอาไว้กับทางมหาวิทยาลัย ผู้ให้ความรู้ สอนนักเรียนด้วยเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจ และมีอคติที่ผิดๆ ฝังใจ” นางยู อีว์ กล่าว