“พล.อ.ปรีชา” ซัดแม่ทัพภาคที่ 2 พูดจาเลอะเทอะ ขาดความสำนึกรับผิดชอบ ลั่นผ่านศึกมาแล้วมากมายไม่เคยกลัว “เทพเทือก” อย่าท้า ขอเป็นแทนสัก 10 วันแล้วจะรบเอง โวยเราหวังพึ่งใครไม่ได้อีกแล้ว อยากชนะเร็วต้องมาให้เต็มแผ่นดิน มั่นใจความดีความรักชาติชนะความชั่วช้าเลวทรามกบฏขายชาติได้แน่นอน
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อถามเปรียบเทียบนายวีระ สมความคิด กับ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 คนหนึ่งไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องดินแดนโดยตรง อีกคนหนึ่งมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินโดยตรงเพราะเป็นทหาร คนหนึ่งยืนยันในศาลเขมรว่าเขาถูกจับในดินแดนไทย แต่นายทหารอย่าง พล.ท.ธวัชชัย ว่าเพราะไปพูดแบบนั้นแหละถึงต้องติดคุก 8 ปี ประเด็นนี้ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ ของแม่ทัพภาคที่ 2 กับของนายวีระ มันคนละชั้น การหล่อหลอมของคนสองคนนี้ถึงแม้นายวีระไม่ได้เป็นทหาร ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัยเป็นทหาร แต่นายวีระมีค่าต่อชาติบ้านเมืองกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนกำลังคิดว่าฝันอยู่หรือเปล่า ที่นายทหารระดับแม่ทัพพูดอย่างนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 พูดถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาไม่คิดว่าในชีวิตที่เหลืออยู่จะได้ยินนายทหารระดับแม่ทัพพูดจาเลอะเทอะ ขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อเอกราชและอธิปไตยของชาติ ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ อย่างนี้ต้องปลดทันที นายทหารผู้นี้ไม่เหมาะสมด้านจิตสำนึกต่างๆ ต่ำมาก ฝากถึงผู้บัญชาการทหารบก ตนทราบว่านายทหารผู้นี้เป็นเพื่อนของท่านและท่านเป็นคนแต่งตั้ง ท่านสั่งให้เขาพูดหรือเขาพูดเอง
ตนเป็นทหารผ่านศึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาแล้วมากมาย ไม่เคยกลัว ที่ไหนอันตรายกูนำหน้าลูกน้อง นี่คือชีวิตของกูทหารแก่ เพราะฉะนั้นทหารสมัยนี้มันเป็นอะไรไปแล้ว ทนไม่ไหวจริงๆ พูดอย่างไม่มีความด้านอายสำนึกในความเป็นทหารอาชีพแม้แต่น้อย “ข้าพระพุธเจ้าจะรักษามรดกของพระองค์ไว้” ปฏิญาณทุกวัน อยู่ในหัวหรือเปล่า พูดออกมาได้อย่างไร จิตสำนึกอยู่ตรงไหน
“ขอเป็นแทนสัก 10 วัน แล้วจะรบเอง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ต้องท้า สุดที่จะอดกลั้นจริงๆ เหยียดหยามทหารผ่านศึกคนแก่ๆ ที่เขาอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด นั่งอยู่ที่บ้านก็มี มี ดร.คนหนึ่งอยู่ที่มหาสารคาม ได้ปริญญาเอกหลายใบ โทร.มาหาร้องไห้ต่อหน้าในโทรศัพท์ว่าบ้านเมืองนี้ รัฐบาล ทหาร ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องจัดการให้เรียบร้อย ออกมากันให้มาก เราหวังพึ่งใครไม่ได้อีกแล้ว อยากชนะเร็วต้องมาให้เต็มแผ่นดิน” พล.อ.ปรีชากล่าว
พล.อ.ปรีชากล่าวอีกว่า ที่บอกว่ามีเอ็มโอยู 43 ทำให้ทหารไม่สามารถรบได้ ตรงนี้มันไม่ใช่ ปอดแหกมากกว่าถึงได้อ้างเอ็มโอยู 43 รัฐธรรมนูญเขากำหนดหน้าที่ของทหารไว้แล้วให้ปกป้องอธิปไตยของชาติ กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายใดที่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ
พล.อ.ปรีชากล่าวอีกว่า ใครบอกว่าเราไม่รบ เวลานี้เรารบอยู่แล้ว รบระหว่างความรักชาติผู้ทำแต่ความดี รบกับพลังแห่งความชั่วชั่วขายชาติ เป็นการรบที่ถึงพริกถึงขิง คนที่มีมือเปล่าแต่หัวใจสิงห์กับผู้ที่มีอำราจรัฐแต่ใจหมู สงครามครั้งสุดท้ายเพื่อบ้านเมืองของเรากำลังจะมาถึงแล้ว ชัยชนะเป็นของพวกเรา มาให้เป็นปึกแผ่นยืดเยื้อยาวนาน ไม่ถอย วันที่ 5 เป็นวันดีเดย์ว่าจะทำอย่างไรกับรัฐบาลนี้ ความดีความรักชาติจะชนะความชั่วช้าเลวทรามกบฏขายชาติแน่นอน หมดเวลาพูดหมดเวลาเจรจา จัดการความชั่วให้หมดแผ่นดิน
