คกก.สิทธิฯ ออกแถลงการณ์ตอกหน้ารัฐบาลมาร์ค ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านคดี “วีระ-ราตรี” ตามสิทธิขั้นพื้นฐานพลเมืองไทย โดยยึดหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ชี้ ปล่อยให้ศาลกัมพูชาตัดสินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ตามสิทธิที่จำเลยร้องขอ ยัน รบ.ไทยกำลังตกเป็นเป้าประชาโลก
วันนี้ (3 ก.พ.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์กรณีการพิจารณาคดี นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนไพบูลย์ ที่ถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุก โดยระบุว่า หลังจาก กสม.ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.54 ต่อกรณีคนไทย 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยได้ขอให้รัฐบาลประกันสิทธิ และเสรีภาพของคนไทยทั้ง 7 คน ตามหลักสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดี ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง นั้น กสม.ได้ให้ความสำคัญต่อกรณีดังกล่าวอย่างยิ่ง และได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะผู้แทน กสม.ได้เดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อร่วมรับฟังการพิจารณาคดีของนายวีระ และ น.ส.ราตรี ที่ศาลกรุงพนมเปญ และมีข้อสังเกตว่า นายวีระ และ น.ส.ราตรี ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอที่จะได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรม เช่น การไม่ได้รับการสนับสนุนด้านเอกสาร และพยานจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ในการต่อสู้คดี ทนายความ และล่าม ไม่สามารถสื่อสารเข้าใจได้ ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อการที่บุคคลทั้งสองจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
ดังนั้น ทาง กสม.จึงมีข้อห่วงกังวล และความเห็นกรณีนี้ 1.เห็นว่า ความไม่ชัดเจนของแนวเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มีผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ หากมีการกระทบกระทั่งในพื้นที่ที่ไทย และกัมพูชา ต่างอ้างสิทธิเหนือดินแดนที่เป็นเขตโต้แย้ง การแก้ไขปัญหาควรดำเนินไปตามหลักสันติวิธี และอย่างเป็นมิตร ในเจตนารมณ์ของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่ควรใช้กระบวนการทางศาลของประเทศใดประเทศหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทับซ้อน เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าว เขตอำนาจของศาลยังไม่มีความชัดเจน 2.ในขณะที่กระบวนการทางศาลยังดำเนินต่อไป ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย และกัมพูชา ดูแลคนไทยที่ยังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมตามพันธกรณีในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม และได้รับสิทธิในการเตรียมเอกสารข้อมูลที่จำเป็นในการต่อสู้คดีตามที่ร้องขอสิทธิที่จะสามารถเลือกทนายความในการต่อสู้คดีตามความประสงค์ และการจัดหาล่ามที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประชาคมโลกกำลังติดตามกระบวนการพิจารณาคดีทางศาลดังกล่าว ว่า เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ หรือไม่ และ 3.ระะหว่างที่การเจรจาเขตแดนยังไม่บรรลุผล ขอให้รัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชาหารือเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิเหนือดินแดน และเคารพข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้ และเพื่อให้ประชาชนไทยและกัมพูชาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข