ทนายตาน้ำข้าวแก๊งแดง โวฟ้อง “มาร์ค” ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว ฐานสั่งทหารใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเผาเมืองของแก๊งเสื้อแดงจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน บาดเจ็บจำนวนมาก ระบุ “อภิสิทธิ์” มีสัญชาติอังกฤษ เข้าเงื่อนไขฟ้องได้ ด้าน “ไอ้ตู่” เป็นเด็กเลี้ยงแกะอีก อ้างนายทหารคนสนิท “ป๋าเปรม” พร้อมทหารคุ้มกำลัง และ “นาวาอากาศตรี” อีกคน เข้าค่ายทหารม้าเพชรบูรณ์ วางแผนปฏิวัติ
ที่ห้องประชุมห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว วันนี้ (31 ม.ค.) นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทนายความของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้แถลงข่าวผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังจากที่ส่งตัวแทนไปยื่นคำร้องที่มีความยาว 250 หน้า ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อขอให้อัยการประจำศาลอาญาระหว่างประเทศ พิจารณาดำเนินการสอบสวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เกี่ยวกับกรณีการสลายการชุมนุมในประเทศไทย ที่เกิดในช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคมเมื่อปีที่ผ่านมา ที่มีการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 ชีวิต ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังดำเนินการกับจับผู้ที่กระทำผิดไม่ได้และยังไม่เห็นความรับผิดชอบใดๆ จากรัฐบาล
นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ม.ค.สำนักกฎหมายฯได้ยื่นฟ้องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ ในนามของ นปช. ในกรณีการปราบปรามประชาชนที่ทหารใช้กระสุนจริง อุปกรณ์ทางสงครามที่ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งผิดหลักมนุษยชน ก่อนหน้ากองทัพจงใจสลายการชุมนุม ฆ่าประชาชนและลอบสังหารผู้นำของเสื้อแดง โดยไม่มีการเปิดเส้นทางให้คนเสื้อแดงหนีด้วย ถือว่ามีการวางแผนอย่างชัดเจน เมื่อแผนการล้มเหลว จึงใช้สไนเปอร์ช่วง 13-19 พ.ค.ยิงมายังผู้ชุมนุมถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามผู้ชุมนุม
รวมทั้งรัฐบาลไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานใดๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเหตุระเบิดแยกคอกวัวเมื่อ 10 เม.ย. ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพที่ใช้สไนเปอร์ และระเบิด ได้ถูกถ่ายวิดีโอเป็นที่ชัดเจน ซึ่งเกิดจากกองทัพ ส่วนชายชุดดำนั้นรัฐบาลพยายามบอกและโยนความผิดมาให้คนเสื้อแดง แต่ก็ไม่สามารถจับคนชุดดำได้เลย รัฐบาลยังไม่เคยให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับตัวบุคคล รวมทั้งวัตถุพยานก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากผู้ชุมนุม
นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า การสังหารหมู่เหล่านี้เกิดจากการทำลายของรัฐบาล ศอฉ.ได้รับคำสั่งให้มาปราบปรามประชาชนที่ราชประสงค์ และเหตุการณ์เซ็นทรัลเวิลด์ได้ถูกทำลายหลักฐานจนหมดสิ้น ซึ่งล้วนน่าสงสัยทั้งสิ้น และก็มีพยานยืนยันแล้วไม่ใช่คนเสื้อแดง โดยทหารและกองทัพต้องตอบคำถามเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทหารจะถูกสอบโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และถูกกล่าวหาว่าได้ฆ่าประชาชนจริง อีกทั้งดีเอสไอยังมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องเพราะอธิบดีดีเอสไอ เป็นหนึ่งใน ศอฉ. รัฐบาลพยายามกล่าวอ้างถึงสันติภาพ การปรองดอง เพื่อเป็นหน้ากากในการปิดบังการสอบสวนและดำเนินคดีฝ่ายตรงข้าม ในที่สุดการปรองดอง ความยุติธรรมก็ไม่เกิดขึ้นจริง และยังตั้งข้อหาก่อการร้าย ถือว่าขัดต่อแนวทางปรองดองอีกด้วย และกระบวนการสืบสวนในประเทศไทยได้ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนมานานแล้ว เราจึงจำเป็นต้องใช้ค้นหาความรับผิดชอบต่อรัฐบาลและนำไปสู่การฟ้องศาล เมื่อ เม.ย.-พ.ค. เกิดการสังหารหมู่ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย โดยมีประชาชนเป็นเหยื่อแต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ได้ถูกค้นพบเลย
นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีความพยายามในการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานถึงกรณีการปฎิบัติการทางทหารที่เป็นนโยบายที่มุ่งกวาดล้างและกำจัดกลุ่มคนเสื้อแดงโดยกองทัพที่ทำการละเมิดต่อสิทธิ์มนุษยชนโดยการจงใจให้เกิดความรุนแรงอย่างทีผ่านมา จึงต้องการถามหาคำตอบและผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับฟ้องคดีนี้ นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องไปแล้ว แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศอาจจะยังไม่รับเอาไว้ในทันที ต้องมีกระบวนการตรวจสอบก่อน แต่ขณะนี้มีข้อมูลที่ตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ นายอภิสิทธิ์มีสัญชาติอังกฤษ เกิดในประเทศอังกฤษ ค.ศ. 1967 ซึ่งเข้าเงื่อนไขของศาลอาญาระหว่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับคดีนี้ นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า หากจำเลยในคดีถือสัญชาติของประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาของศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นภายใต้ อาร์ติเคิลที่ 12 (B) นั้นจะสามารถดำเนินคดีได้โดยอัตโนมัติทันที แม้ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับหรือไม่รับคดีนี้หรือไม่ก็ตาม
ต่อข้อถามว่ามีแผนบี หรือแผนซีสำรองไหม หากไอซีซีไม่รับคดีนี้ นายอัมเตอร์ดัมกล่าวว่า มีแผนตั้งแต่ A-Z เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในครั้งนี้ สื่อมวลชนทั้งในประเทศไทยและสื่อต่างประเทศรวมถึงสื่อมวลชนในประเทศญี่ปุ่น ต่างให้ความสนใจจึงมีการแถลงเป็น 3 ภาษาด้วยกัน
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาตนทราบมาว่ามีคนใกล้ชิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 1 คน นายทหารคุมกองกำลัง 2 นาย และบุคคลที่เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มียศ “นาวาอากาศตรี” ที่มีลักษณะหน้าแหลม ฟันดำ อีก 1 คน ได้เดินทางไปที่ค่ายทหารม้าจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตนเห็นว่าตามปกติแล้วค่ายทหารม้าจะไม่จัดกิจกรรมใดๆ ในวันหยุด ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลทั้ง 4 ท่านเดินทางไปยังค่ายทหารดังกล่าวเพื่อทำปฏิญญาและส่องสุมเตรียมแผนการในการดำเนินการปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่
