“เสธ.ไก่อู” ชิงปฏิเสธข่าวทหารเตรียมก่อเหตุรัฐประหารซ้ำ ฝากบอก “ผบ.ทบ.” ย้ำปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ถือเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องแบกรับภาระ และแก้ไขร่วมกันต่อไป วอน ปชช.ใช้วิจารญาณรับฟังข่าวสาร คาดเป็นฝีมือฝ่ายการเมืองเสี้ยมกันเอง
วันนี้ (28 ม.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร ว่า จากการที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกขี้เกียจที่จะตอบคำถาม เนื่องจากได้เคยชี้แจงกับประชาชนไปแล้วว่า ไม่คิดจะทำการปฏิวัติ ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นปัญหาของประเทศที่ทุกคนต้องแบกรับภาระร่วมกัน แต่ทำไมกองทัพถึงต้องเป็นผู้แบกรับภาระคนเดียว อีกทั้งข้อมูลข่าวสารในเรื่องนี้ก็ไม่เคยออกจากปากทหาร เป็นแหล่งข่าวที่ไม่รู้ว่าใคร หรือเป็นการให้สัมภาษณ์ของฝั่งการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยอมรับว่า ข่าวที่ออกมาทำให้กองทัพเสียหาย แต่คงจะไม่ดำเนินการใดๆ
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้าน ออกมาระบุว่า พลเอก ด.จะเป็นผู้ทำการปฏิวัติ ซึ่งทำให้มีการตีความว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ มีหน้าที่ดูแลกรมฝ่ายเสนาธิการ ไม่มีอำนาจในการสั่งการ หรือบังคับบัญชาการรบ
นอกจากนี้ โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวถึงปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครได้ใครเสีย เพราะเรื่องของเขตแดนมีคณะกรรมการดูแลอยู่ ส่วนการที่ฝ่ายไหนจะดำเนินการอะไร ก็อยู่ที่บุคลิกลักษณะของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราไม่ควรเดือดร้อน เพราะหากเราไม่ยอมรับ ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงข้อกล่าวหาที่ว่าผู้บังคับบัญชาไทยระดับสูงเกรงกลัวศักยภาพกองทัพกัมพูชา ว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น ความจริงทุกประเทศมีศักยภาพของตัวเอง ทุกคนต่างรู้อำนาจกำลังรบของตนเองว่า ใครอยู่ในสถานะแค่ไหนอย่างไร สิ่งต่าง ๆ ที่ผู้บังคับบัญชาให้สัมภาษณ์ไปนั้นอยู่บนพื้นฐานของการดำเนินการทางการทูต และเป็นการให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งที่เราทำมาหลาย ๆ อย่างเพื่อรักษาอธิปไตยของเราให้ได้เท่านั้นเอง ไม่ได้เกิดความวิตกกังวลหรือกลัวใครต่อใครทั้งสิ้น
ปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องชายแดนภาคใต้ ปัญหาการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองก็ดี หรือปัญหาป้องกันชายแดนก็ดี เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาระดับชั้น โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบกเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เพื่อให้หน่วยได้มีโอกาสปรับแนวทางในการปฏิบัติตามที่ท่านได้ลงไปมอบนโยบาย เพิ่มเติม ไม่เคยละเลยเรื่องใด และพยายามดำเนินการอยู่
นอกจากนี้เมื่อ เวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และพ.อ.ธนเดช เหลืองทองคำ ผู้อำนวยการกองประสานการช่วยเหลือทางทหาร กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก ร่วมแถลงความคืบหน้าของการเตรียมตรวจรับรถยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จำนวน 14 คัน จากประเทศยูเครน ว่า ผบ.ทบ.มีนโยบายให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เรื่องการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพว่า ตั้งแต่นี้หากมีการจัดซื้อจัดหา หรือรับอาวุธยุทโธปกรณ์จะชี้แจงรายละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
จากกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ารถหุ้มเกราะไปปรากฏตัวที่ จ.ปราจีนบุรี และเตรียมนำไปที่ จ.นครราชสีมา ขอชี้แจงว่า รถหุ้มเกราะจำนวน 2 คันจะนำไปส่งที่โรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร เพื่อให้กำลังพลทำการถอดประกอบชิ้นส่วนรถเพื่อความชำนาญ ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการรับมอบรถยานเกราะล้อยางจำนวน 12 คันและรถบริการอีก 2 คัน ทั้ง นี้กองทัพบกได้สั่งซื้อจำนวน 101 คันประกอบด้วยรถรบ 96 คัน รถใช้ฝึกศึกษา 5 คันและรถบริการอีก 10 คัน
โดยกองทัพบกจะดำเนินการตรวจรับพร้อมกระสุน และลูกจรวดนำวิถีต่อสู้รถถังอีกจำนวนหนึ่งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 13 ก.พ.2554 โดยรถทั้งหมดจะทยอยส่งมาจนครบภายในเดือน ม.ค. 2555 สำหรับยานเกราะล้อยางทั้งหมดจะจัดบรรจุไว้ในกองพันทหารราบยานเกราะ เข้าประจำการใน กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์