“ประวิตร” ฉุน “ไอ้ตู่” ใส่ร้ายกองทัุพเตรียมการปฏิวัติ ซัดเป็นพวกพูดไม่คิด และไม่รับผิดชอบ บอกตำแหน่ง รมว.กลาโหม ไม่ได้จับสลากมา ส่วนปัญหาป้ายของเขมรจบแล้ว ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 เผย ติดตามการชุมนุมทางการเมืองอย่างใกล้ชิด พบกลุ่มผู้ชุมนุมต่างเคลื่อนไหวด้วยความรักชาติบ้านเมือง แนะอย่าสร้างความวุ่นวาย รัฐบาลเข้าใจปัญหาและพยายามแก้ไขอยู่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ปล่้อยข่าวทหารชั้นผู้ใหญ่ประชุมลับเตรียมการปฏิวัติ ด้วยอาการฉุนเฉียว ว่า ต้องไปถาม นายจตุพร ว่า รู้มาจากไหน เพราะไปให้ร้ายคนอื่นเขาแบบนี้น่าเกลียด พูดจาแบบนี้ไม่รู้เอามาจากไหน ก็ต้องไปถามตรงนั้น พวกคุณบอกว่าเขาไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งการพูดมันไม่มีวัฒนธรรม การพูดจาแบบนี้
“ผมเองกว่าจะได้มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาจับสลากแล้วก็มาเป็นได้หรืออย่างไร การมาให้ร้ายกันเรื่อยเปื่อยแบบนี้ไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ให้ถาม นายจตุพร เอาเอง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการฟ้องร้อง นายจตุพร หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้อง แต่ให้ไปถาม นายจตุพร ว่า รู้มาจากไหน พูดจาแบบนี้ เป็นการให้ร้าย และก็ให้ร้ายกองทัพด้วย สร้างความเสียหาย เมื่อถามว่า นายจตุพร ระบุว่า หากนายกรัฐมนตรี สนใจเรื่องนี้ให้ไปถาม พล.อ.ประวิตร ในเรื่องปฏิวัติ เป็นการเสี้ยมให้ทะเลาะกับนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พวกคุณต้องไป นายจตุพร ว่า จะไปเสี้ยมกับใคร ไม่มีหรอก ไปถามนายจตุพร เอาเอง ไม่ใช่มาถามตน พวกคุณก็รู้ดีว่า นายจตุพร พูดจาอะไรแบบนี้พูดแบบไม่รับผิดชอบ
ส่วนกรณีกัมพูชาทุบทำลายป้ายที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เราสามารถพูดจากันได้เรียบร้อย ความสัมพันธ์ของกองทัพทั้งสองประเทศโดยเฉพาะทางด้านทหารก็ดีมาโดยตลอด ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า การเรียกร้องทุบป้ายดังกล่าว ทำให้ทางกัมพูชาเสียความรู้สึกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ทางกัมพูชาเขาทุบของเขาเอง และทำลายของเขาเอง เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาจะขึ้นป้ายใหม่หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ไม่มีแล้วตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว
พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่ม นปช.และ กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ โดยเรื่องนี้เป็นที่จับตามมองของกองทัพภาค 1 เช่นกัน ซึ่งก็ได้มอบหมายให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ติดความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ทุกระยะ และให้รายงานความคืบหน้าตลอด อีกทั้งกำชับให้ทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนจะต้องเข้าใจ และมาด้วยความเต็มใจ หากถูกชักจูงหรือยุยง ให้ใช้ดุลพินิจวิเคราะห์ก่อนที่จะเข้ามาร่วมกิจกรรมการชุมชุม และดูว่าการชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมายหรือไม่
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น จากการติดตามข้อมูลมาโดยตลอด พบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด หรือสีใดก็ตาม ที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ต่างมีความรักชาติบ้านเมือง โดยขอให้ทุกกลุ่มและผู้ชุมนุมต้องคิดถึงส่วนรวมเป็นหลักเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และคิดว่า รัฐบาลเข้าใจปัญหา พยายามที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งต้องขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือในการแก้ปัญหาไปพร้อมกับรัฐบาล และการเคลื่อนไหวของกลุ่มใดก็ตามต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายห้ามเกินเลยเด็ดขาด