“มาร์ค” ยันทุกสีชุมนุมได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของ กม.เชื่อไม่กระทบเปิดประชุมสภา พิจารณาแก้ไขร่าง รธน.อ้างหากทำตามข้อเสนอ 3 ข้อ ของ พธม.อาจทำให้เสียดินแดน และสงคราม แจง ทุกฝ่ายต้องคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิด ฉุน “ประพันธ์” กล่าวหาเป็นโฆษก “ฮุนเซน” มั่วไม่จริง โยนป้ายที่กัมพูชาสลัก ให้ ผบ.ทบ.เคลียร์
วันนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาเคลื่อนไหวการชุมุนมบริเวณทำเนียบรัฐบาล ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงแนวทางการดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ หากกลุ่มคนเสื้อแดง และคนเสื้อเหลือง ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมพร้อมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่ละคนมีความเคลื่อนไหวของเขา จะรวมไม่รวมอย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และทางเจ้าหน้าที่จะดูแลและประสานงาน และตนอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการดูแล เพื่อให้ทุกอย่างมีหลักมีเกณฑ์ และไม่กระทบต่อประชาชน
เมื่อถามว่า การชุมนุมจะส่งผลต่อการประชุมสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้การทำงานเป็นไปได้ตามปกติทั้งของรัฐบาลและรัฐสภา เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการล้อมทำเนียบขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ทางรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ ผบ.ตร.ได้คุยกันแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานงานกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า ในการชุมนุมในวันที่ 25-26 ม.ค.จะไม่เข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่วันอื่นไม่รู้แล้วแต่สถานการณ์ นายกฯ กล่าวว่า “เข้าไม่ได้ หรอกครับ ถ้าเข้ามาก็ผิดกฎหมาย” ส่วนกรณีที่มีการปิดถนนนั้น ก็มีแนวการวินิจฉัย ว่า การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญจะต้องไม่เป็นการขัดขวางการเข้าออก หรือการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามแนวที่ศาลปกครองเคยวินิจฉัยไว้
เมื่อถามว่า มีคนโต้แย้งที่นายกฯชี้แจงเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ในกรณีที่ 7 คนไทยถูกจับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าโต้แย้งอะไร เพราะเขาอาจมีความเข้าใจเรื่องบ่อน้ำ ซึ่งตนไม่ได้พูดถึงเรื่องบ่อน้ำ เพราะเส้นที่ในการปฏิบัติการต้องลากระหว่างหลักเขตที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนหลักเขตที่เป็นเขตแดนจริงควรจะอยู่ที่ไหนนั้น เป็นคนละประเด็นกัน ถ้าเห็นว่ามีข้อมูลเรื่องสหประชาชาติ เรื่องบ่อน้ำที่อยากจะมาให้ข้อมูลกับทางรัฐบาล ทางนั้นรัฐบาลยินดีที่จะให้ทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ไปดำเนินการประกอบในการที่จะบอกว่า หลักเขตมีการเคลื่อนหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ เส้นปฏิบัติการในปัจจุบันจะลากจากจุดอื่นคงจะลำบาก ดังนั้น คงต้องลากจากหลักเขตปัจจุบัน
เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนกับรัฐ แต่เป็นการเรียกร้องจากรัฐบาล 3 ข้อ ซึ่งหากไม่ได้ตามที่เรียกร้องก็จะเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่า ถ้าทำตาม 3 ข้อ ประเทศไทยจะมีโอกาสในการที่จะเสียหาย หรือเสียดินแดน อาจจะต้องเข้าสู่สภาวะการสู้รบ ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ และตนเห็นว่า หากมีข้อมูลที่จะมาแลกเปลี่ยนกันก็ยินดีรับฟัง แต่ในความรับผิดชอบของตนเห็นว่าถ้าทำตามข้อเสนอแนะของเขา 1.กัมพูชาต้องเดินหน้าแผนบริหารพื้นที่บนมรดกโลกได้ทันที เพราะไม่มีใครไปค้าน เนื่องจากไทยไปถอนตัว 2.เอ็มโอยู ถูกยกเลิกไปสภาพต่างๆ ที่เคยตกลงกันไว้ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าเป็นตัวยันว่าเขตแดนต่างๆ ยังไม่ได้ตกลงกัน อาจจะถูกลบล้าง โดยปัญหาเรื่องพฤตินัยการครอบครอง จะมีความวุ่นวาย ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ตนตัดสินใจอย่างนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ รักษาดินแดน ประโยชน์ของประชน รักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งไม่มีเจตนาอื่น และหากเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องมาพูดคุยกัน ไม่ก็นำเสนอ เพราะมีสิทธิ์ที่จะนำเสนอ
เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมีเอ็มโอยู 43 กัมพูชาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นายกฯ ตอบกลับทันทีว่า “ใครบอกหละครับ อย่างชุมชนตรงนี้อยู่กันมา 30 ปี ส่วนเอ็มโอยูเพิ่งเกิดมา 11 ปี อะไรเกิดก่อนหลังหละครับ ซึ่งต้องดูตามความเป็นจริง เราต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน ชาวบ้านเองที่มาร้องเรียน ที่บอกว่ามาร้องเรียน ปัญหาดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายสิบปี ไม่ได้เกี่ยวกับเอ็มโอยู แต่สิ่งที่เอ็มโอยูทำเป็นหลักประกันอย่างหนึ่ง ว่า แม้จะมีชุมชนกัมพูชาเข้ามา ไม่อาจอ้างสิทธิ์ ว่า เป็นดินแดนของกัมพูชาได้ เพราะกัมพูชามาตกลงกับเราแล้วว่า เรื่องเขตแดนต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดใน เอ็มโอยู กรณีนี้คือว่า เป็นเส้นตรงระหว่างหลักเขต ซึ่งหลักเขตอยู่ที่ไหนก็จะไปสำรวจร่วมกัน
เมื่อถามว่า หากการยกเลิกเอ็มโอยูไปแล้ว 1 ต่อ 2 แสนจะนำมาใช้งานไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ยอมรับว่าเป็นจุดยืนของเรา รัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนไปแล้วว่าไม่ยอมรับ แต่การยกเลิกเอ็มโอยู ก็ไม่ได้ทำให้กัมพูชาไม่ใช้หลัก 1 ต่อ 2 แสน อย่างไรก็ตามกัมพูชาก็พยายามที่จะต้องผลักดัน 1 ต่อ 2 แสน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเอ็มโอยู แต่เมื่อมีเอ็มโอยูเราก็มีตัวอื่นที่จะไปคอยยัน และเราก็ยืนยันว่า ในบางระวางก็ใช้การไม่ได้ เพราะไม่ใช้ผลงานของคณะกรรมการ ตนอยากจะเรียนว่าการทำเรื่องนี้จะต้องคิดถึงว่าฝ่ายกัมพูชามีแนวทางอย่างไร จะมาดูเฉพาะความต้องการของตัวเอง แล้วไม่คิดว่าผลกระทบที่เดินไปในแนวทางนั้น ในขณะที่กัมพูชาเดินไปอีกแนวทางหนึ่งจะเป็นอย่างไร เราต้องเกิดมีความรอบคอบตรงนี้
เมื่อถามว่า หากการชุมนุมที่ยืดเยื้อจะกระทบต่อการบริหารประเทศ ทำให้สภาพการบริหารไม่ได้อย่างที่เคยเกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า จะไม่ให้เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า มีความหวังมากน้อยแค่ไหนในการพูดคุยกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่จะแลกเปลี่ยน และจากที่ตนชี้แจงเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร ไม่ได้ต้องการที่จะมีปัญหากับใคร แต่ตนพูดเฉพาะข้อเท็จจริง หลักเขตอยู่ตรงไหน เส้นลากอย่างไร ภาพในวิดีโอ เมื่อเอาไปรวมกับภาพถ่ายกับเส้นแล้วเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นที่เป็นความต้องการที่อยากจะให้รัฐบาลทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ตนยังมองไม่เห็นว่าทำไมต้องมาทะเลาะกันต้องมากล่าวหากัน
เมื่อถามว่า นายประพันธ์ คูณมี กล่าวหานายกฯ กลายเป็นโฆษกให้กับ สมเด็จ ฮุนเซน นายกฯ กล่าวว่า ไม่จริง นายประพันธ์ พูดไปเรื่อย ตนยังไม่มีอะไรที่จะไปปกป้อง หรือไปบอกตรงกับ ฮุนเซน สักเรื่อง เท่าที่พูดกันมา นอกจากบอกว่าเรายืนยันว่าจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่จุดยืนที่ไม่ตรงกัน ตนยืนยันเรื่องสันปันน้ำ ก็ไม่ตรงกับฮุนเซน เรื่องปัญหามรดกโลกก็ไม่ตรงกัน เอาอะไรมาพูด คนอยากพูดก็พูดได้ แต่ต้องมีข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีป้ายประณามเจ้าหน้าที่ไทยที่กัมพูชานำมาติดไว้หน้าวัดแก้วสิขาคีรีสวารา บริเวณพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ นั้น ได้สั่งการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ประสานงานให้มีการรื้อถอนป้ายดังกล่าวแล้ว และ ผบ.ทบ.ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า จากการที่หุ้นตกพันจุด มองว่า เป็นผลมาจากการชุมนุม จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อของต่างชาติ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปวิเคราะห์ แต่ว่าคงต้องไปดู เพราะอาจมีหลายปัจจัย