ทีมเศรษฐกิจไข่แม้ว โวยมาตรการควบคุมราคาสินค้า 41 รายการ เปิดช่องให้ผู้ค้ากักตุนสินค้า ห่วงปากท้อง ปชช.เดือดร้อน เข้าสู่ยุค “ข้าวยากหมากแพง” เย้ยในโลกมีไทยที่ชั่งกิโลไข่ขาย ชี้ เอื้อผู้เลี้ยงไก่รายใหญ่ แต่รายย่อยเดี้ยง จี้ รัฐบาล-ก.พาณิชย์ เข้มงวด พร้อมส่ง “สำนักปราบโกง” ลุยสอบกักตุนน้ำมันปาล์ม สกัดซ้ำรอย
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.พาณิชย์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย แถลงถึงมาตรการควบคุมราคาสินค้า 41 รายการของรัฐบาล ว่า เป็นการเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาถึง 2 เท่า เช่น กรณีน้ำมันปาล์ม ที่มีบริษัทกักตุนไว้ถึง 1 ล้านขวด เนื่องจากรอรัฐบาลเพิ่มราคาให้ขึ้นค่อยนำออกมาขาย ตรงนี้สะท้อนให้เห็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นทุนของราคาสินค้า ส่วนของราคาไข่ที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ เอ้กบอร์ด รับปากจะแก้ไขภายใน 60 วันนั้น กลับมีการแก้ไขในเรื่องการตวง วัด ซึ่งเป็นการแก้ไขไม่ถูกที่ ขณะที่ราคาน้ำมัน รัฐบาลได้บอกว่าราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งไม่มีประเทศไหนขีดเส้นอย่างนี้ เพราะไทยต้องซื้อน้ำมันเข้ามา ไม่ได้ผลิตเอง ดังนั้น ถ้าถึงจุดกองทุนชดเชยราคาน้ำมัน มีเงินไม่เพียงพอที่จะชดเชยก็จะเป็นต้องปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นอย่างพุ่งพรวด ตรงนี้จะเห็นว่าเป็นการจัดการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
อดีต รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงประชาชน โดยเฉพาะคนชั้นล่างเนื่องจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับขึ้นนั้น ไม่สมดุลกับดัชนีผู้บริโภคที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 11 จึงอยากให้รัฐบาลหันมองความจริง อย่าทำให้ประชาชน คิดว่า เงินเดือนขั้นต่ำที่สูงขึ้น จะทำให้เขารวยขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้นตามไปด้วย เรื่องปากท้องประชาชนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อรัฐบาลคิดจะให้ แต่ก็ต้องให้โดยไม่น้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาด้วย ดังนั้น ขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลและเข้มงวดให้มากกว่านี้
ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนาจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า กรณีราคาไข่นั้น เท่าที่หาข้อมูลมานั้น ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ชั่งขายไข่ไก่และไข่เป็ด เป็นกิโลกรัม ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า การจ้างบริษัทที่ปรึกษาร่วมทุนระหว่างประเทศ 69ล้านบาท ในการวางแผนทำนโยบาย “ประชาวิวัฒน์” โดยมีความเห็นให้เอาไข่ไก่มาชั่งกิโลขายนั้น จะเป็นการเอื้อกลุ่มทุนผู้เลี้ยงไก่ขนาดใหญ่มากกว่า เพราะการเอาไข่มาชั่งกิโล จะเป็นการบีบเกษตรกรรายย่อย ให้เอาไข่ที่ไม่ได้คัดเกรดมาชั่งกิโลขายทั้งใบเล็กใบใหญ่คละกันไป เมื่อรัฐบาลได้ กำหนดนโยบายให้ไข่ไก่ชั่งกิโลและมีเสียงคัดค้าน รัฐบาลก็บอกว่า การขายไข่ชั่งกิโลให้เป็นทางเลือก ผู้บริโภคสามารซื้อแบบชั่งกิโล หรือแบบฟองก็ได้ ตรงนี้จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคเพราระพ่อค้าจะเอาไข่ใบเล็กมาชั่งกิโลขาย แต่ไข่ใบใหญ่จะขายเป็นฟอง
“ส่วนผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุม กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ จะลดราคาไข่ไก่ลงให้อยู่ในภาวะต่ำกว่าทุนเพื่อบีบให้เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถอยู่ได้จากนั้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ก็สามารควบคุมราคาไข่ไก่ได้ทั้งประเทศและสามารถกำหนดราคาขายได้ตามอำเภอใจ” นายวิม กล่าว
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นห่วง ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทำการตรวจสอบการกักตุนของผู้ผลิตหรือไม่ รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับในการเก็งกำไรหรือไม่ดังนั้นจึงมอบหมายให้สำนักงานปราบโกง หรือ ส.ป.ก.ที่นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ไปดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มต่อไปซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ได้สาเหตุของสินค้าประเภทอื่น อาทิ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำตาล ไข่ไก่ และสินค้าอื่น ที่มีการผูกขาดการผลิตในประเทศโดยกลุ่มทุนบางกลุ่มที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลสามารถปั่นราคาสินค้าได้อีก
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.พาณิชย์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย แถลงถึงมาตรการควบคุมราคาสินค้า 41 รายการของรัฐบาล ว่า เป็นการเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาถึง 2 เท่า เช่น กรณีน้ำมันปาล์ม ที่มีบริษัทกักตุนไว้ถึง 1 ล้านขวด เนื่องจากรอรัฐบาลเพิ่มราคาให้ขึ้นค่อยนำออกมาขาย ตรงนี้สะท้อนให้เห็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นทุนของราคาสินค้า ส่วนของราคาไข่ที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ เอ้กบอร์ด รับปากจะแก้ไขภายใน 60 วันนั้น กลับมีการแก้ไขในเรื่องการตวง วัด ซึ่งเป็นการแก้ไขไม่ถูกที่ ขณะที่ราคาน้ำมัน รัฐบาลได้บอกว่าราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งไม่มีประเทศไหนขีดเส้นอย่างนี้ เพราะไทยต้องซื้อน้ำมันเข้ามา ไม่ได้ผลิตเอง ดังนั้น ถ้าถึงจุดกองทุนชดเชยราคาน้ำมัน มีเงินไม่เพียงพอที่จะชดเชยก็จะเป็นต้องปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นอย่างพุ่งพรวด ตรงนี้จะเห็นว่าเป็นการจัดการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
อดีต รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงประชาชน โดยเฉพาะคนชั้นล่างเนื่องจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับขึ้นนั้น ไม่สมดุลกับดัชนีผู้บริโภคที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 11 จึงอยากให้รัฐบาลหันมองความจริง อย่าทำให้ประชาชน คิดว่า เงินเดือนขั้นต่ำที่สูงขึ้น จะทำให้เขารวยขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้นตามไปด้วย เรื่องปากท้องประชาชนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อรัฐบาลคิดจะให้ แต่ก็ต้องให้โดยไม่น้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาด้วย ดังนั้น ขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลและเข้มงวดให้มากกว่านี้
ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนาจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า กรณีราคาไข่นั้น เท่าที่หาข้อมูลมานั้น ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ชั่งขายไข่ไก่และไข่เป็ด เป็นกิโลกรัม ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า การจ้างบริษัทที่ปรึกษาร่วมทุนระหว่างประเทศ 69ล้านบาท ในการวางแผนทำนโยบาย “ประชาวิวัฒน์” โดยมีความเห็นให้เอาไข่ไก่มาชั่งกิโลขายนั้น จะเป็นการเอื้อกลุ่มทุนผู้เลี้ยงไก่ขนาดใหญ่มากกว่า เพราะการเอาไข่มาชั่งกิโล จะเป็นการบีบเกษตรกรรายย่อย ให้เอาไข่ที่ไม่ได้คัดเกรดมาชั่งกิโลขายทั้งใบเล็กใบใหญ่คละกันไป เมื่อรัฐบาลได้ กำหนดนโยบายให้ไข่ไก่ชั่งกิโลและมีเสียงคัดค้าน รัฐบาลก็บอกว่า การขายไข่ชั่งกิโลให้เป็นทางเลือก ผู้บริโภคสามารซื้อแบบชั่งกิโล หรือแบบฟองก็ได้ ตรงนี้จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคเพราระพ่อค้าจะเอาไข่ใบเล็กมาชั่งกิโลขาย แต่ไข่ใบใหญ่จะขายเป็นฟอง
“ส่วนผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุม กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ จะลดราคาไข่ไก่ลงให้อยู่ในภาวะต่ำกว่าทุนเพื่อบีบให้เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถอยู่ได้จากนั้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ก็สามารควบคุมราคาไข่ไก่ได้ทั้งประเทศและสามารถกำหนดราคาขายได้ตามอำเภอใจ” นายวิม กล่าว
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นห่วง ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทำการตรวจสอบการกักตุนของผู้ผลิตหรือไม่ รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับในการเก็งกำไรหรือไม่ดังนั้นจึงมอบหมายให้สำนักงานปราบโกง หรือ ส.ป.ก.ที่นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ไปดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มต่อไปซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ได้สาเหตุของสินค้าประเภทอื่น อาทิ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำตาล ไข่ไก่ และสินค้าอื่น ที่มีการผูกขาดการผลิตในประเทศโดยกลุ่มทุนบางกลุ่มที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลสามารถปั่นราคาสินค้าได้อีก
