นายกฯ ปัด “สิงเทล” เข้าพบถกจัดสรรสัมปทานเอไอเอส

“มาร์ค” ปัดพบ เครือข่ายกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น เข้าพบ เพื่อเจรจาเอไอเอสขอจัดสรรสัมปทาน เผย รมว.กต.สิงคโปร์ เข้าพบ หารือกรอบอาเซียน ยันไม่คุยธุรกิจ

วันนี้ (20 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงมีกระแสข่าวผู้บริหารระดับสูงของสิงเทล สเตรทิจิก อินเวสท์เม้นท์ และเป็นเครือข่ายเดียวกับกลุ่มเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และถือหุ้นใหญ่เอไอเอส ได้ติดต่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีคณะกรรมการตามมาตรา 22 พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2553 มีข้อสรุปให้เอไอเอสกลับไปจ่ายส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทานตามสัญญาสัมปทานเดิม รวมถึงกรณีที่จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาเพิ่มเติมจากเอไอเอส อีก 7.5 หมื่นล้านบาท ว่า เห็นมีคนพูดอยู่แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า กรณีของการดำเนินการตามมาตรา 22 และมาตรา 13 ในทุกกรณีนั้น ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กำลังที่จะรวบรวม และจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งตนได้บอกว่าถ้าสามารถทำได้พร้อมๆ กันในทุกกรณีก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้เห็นความชัดเจนของตัวระบบ และความชัดเจนถึงความเป็นธรรม จะได้ไม่มีข้อครหา ว่า กรณีหนึ่งปฏิบัติแบบหนึ่งหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศเมื่อวันอังคาร (18 ม.ค.) ที่ผ่านมาว่า อยากให้ทำมาให้พร้อมกันมากกว่าที่จะมาทำทีละรายๆ

ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมา มีความสับสนกรณี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะไม่มีการฟ้องร้อง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงได้บอกว่า จริงๆ ทุกกรณีควรจะมาพร้อมกันเนื่องจากว่าคู่สัญญาเป็นคนละคู่สัญญากันนั้นก็มักจะเกิดปัญหา เพราะฉะนั้นจึงได้บอกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปว่า ในเรื่องที่จะต้องมีการเสนอคณะรัฐมนตรีขอให้มาพร้อมกันเป็นทั้งระบบ ขณะเดียวกัน การทำดำเนินการทั้งหมดเป็นเรื่องของข้อกฎหมายของเราซึ่งคนที่มาลงทุนหรือมาทำธุรกิจก็ต้องเคารพกฎหมายของเราอยู่แล้ว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตี ยังกล่าวถึงภายหลังที่ได้มีการพบปะและหารือกับ นายจอร์จ เยียว (George Yeo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ที่เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ ว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับกรอบอาเซียนและความสัมพันธ์โครงการความร่วมมือของข้าราชการ โดยเฉพาะเรื่องที่จะมีการเร่งรัดในเรื่องของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเรื่องของปัญหาในภูมิภาคในภาพรวม ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์จะเดินทางจากจังหวัดเชียงรายไปทางใต้ของประเทศจีนพร้อมคณะรัฐมนตรีมนตรีต่างประเทศของอาเซียน ซึ่งการหารือดังกล่าวนั้นก็ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องของสิงเทล สเตรทิจิก อินเวสท์เม้นท์ แต่อย่างใด