“เทพไท” ไม่เชื่อมติพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นำ รธน.ปี 40 มาใช้ใหม่ หยามรอให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งใหญ่ แนะหยอดตาให้ “นช.แม้ว” เพื่อให้ตาสว่างมองเห็นธรรม เชื่อ “แม้ว” ชี้นิ้วให้ เจ๊มิ่ง นั่ง หน.ไม่มีใครกล้าหือ เย้ยซักฟอกรอบสองมีแต่ข้อมูลลม
วันนี้ (16 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ว่า จะไม่เข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเรียกร้องให้มีการนำเอารัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้แทนว่า การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นการแสดงจุดยืนในนามพรรคจริงหรือไม่ เพราะในขณะนี้ภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีความชุลมุน แสดงความคิดเห็นไปคนละทิศละทาง ยุ่งเหมือนยุงตีกัน ถ้าจะเรียกร้องให้มีการนำรัฐธรรมนูญปี 40 ออกมาใช้ก่อน ก็ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมาก และเป็นตัวตั้งตัวตีในการแก้ไข แต่ในขณะนี้เมื่อยังไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขได้ก็ขอให้พรรคเพื่อไทยฝันกลางวันไปก่อน
ส่วนการกล่าวหาว่าความเห็นต่างในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมเป็นการเล่นละครฉากใหญ่นั้น ก็ไม่เป็นความจริง การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองที่จริงจัง ไม่ใช่การเล่นละครเหมือนกับคนในพรรคเพื่อไทย ซึ่งทุกฝ่ายก็ควรเคารพจุดยืนของแต่ละพรรค ส่วนการออกมาเหน็บแนมว่าจะมอบยาหยอดตาให้แก่พรรคร่วมรัฐบาลให้ตาสว่างเพื่อไม่ให้โดนพรรคประชาธิปัตย์แหกตานั้น สมาชิกพรรคร่วมทุกคนดวงตาเห็นธรรมกันแล้วทั้งสิ้น ไม่เหมือนพรรคเพื่อไทย ที่ยังหน้ามืดตามัว ยังเดินชนกำแพงครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถ้าจะมอบยาหยอดตาให้แก่พรรคร่วมรัฐบาล ก็ควรจะนำยาหยอดตาไปมอบให้แก่นายใหญ่ของตัวเอง ที่ดวงตากำลังพร่ามัว มองไม่เห็นสัจจะธรรมของชีวิต ยังยุยงปลุกปั่นให้สมาชิกพรรคของตัวเองก่อความวุ่นวาย นำประเทศไปสู่ความมืดมน ถ้าหากได้มอบยาหยอดตาให้พรรคเพื่อไทยได้ใช้ ก็คงจะไม่ทำให้นักการเมืองประเภทตาบอด หลงแก่อำนาจ เดินชนกันเอง”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมาในที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทย เมื่อล่าสุดที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณให้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นำทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงก็คงจะทำให้เกิดความชัดเจนในตัวผู้นำการอภิปรายได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีคนคอยขัดขวางหลายคนก็ตาม แต่เมื่อนายใหญ่ชี้นิ้วบัญชาการมาอย่างนี้แล้ว ก็คงจะไม่มีใครขัดขืน อาจจะแอบบ่นน้อยใจเพียงคนเดียว เหมือนกับกรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่พลาดโอกาส นายใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ จนต้องเก็บตัวไม่เข้าร่วมประชุมพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะที่ผ่านมา ได้แสดงฝีมือปกป้องนายใหญ่อย่างเต็มที่ จนกระทั่งประกาศตัวเป็นสาวกกลางที่ประชุมสภา แต่นายใหญ่กลับไม่ให้ราคาค่างวด จนต้องออกมาแก้เกี้ยวว่าที่มอบให้นายมิ่งขวัญนำทีมเพื่อจะได้แสดงฝีมือบ้าง
ส่วนที่ออกมายอมรับด้วยตัวเองว่าการหาข้อมูลครั้งนี้ยากกว่าและมีข้อมูลด้อยกว่าการอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีข้อมูลมากเพียงพอที่จะเปิดอภิปรายได้ เมื่อดูจากหนังสือทุจริตอภิสิทธิ์ชนที่พิมพ์ออกมา ก็เห็นได้ว่าข้อมูลดังกล่าวยิ่งกว่าข้อมูลตัดแปะ เมื่อการอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การอภิปรายครั้งนี้ก็คงมีแต่ข้อมูลลม ส่วนกรณีที่ส.ส.เพื่อไทยอ้างเหตุผลเรื่องโลโก้พรรคว่าไม่ถูกโฉลก อาจจะถูกยุบอีกครั้งก็ได้ เพราะโลโก้ของพรรคตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โลโก้พรรคที่เป็นตัวอักษรถูกตัดหัวทั้งสิ้นนั้น ว่าไม่น่าจะเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้พรรคเหล่านี้ถูกยุบ
“ผมอยากจะให้คนในพรรคเพื่อไทยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ควรงมงายบ้าหมอดูหรือไสยศาสตร์เหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าพรรคการเมืองไม่โกงการเลือกตั้ง ไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่มีวันจะถูกยุบ จะเปลี่ยนแปลงโลโก้อย่างไรก็ตามถ้าไม่เปลี่ยนพฤฒิกรรมและนิสัยอันถาวรของคนในพรรค ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกยุบพรรคได้อย่างแน่นอน”