นายกฯ ขึงขังห้ามเงินเฟ้อพุ่ง มั่นใจไม่กระทบเสถียรภาพทาง ศก.

“อภิสิทธิ์” มั่นใจจะดูแลอัตราเงินเฟ้อไม่ให้ปรับตัวขึ้นสูงเกินกว่าเป้า จนกระทบต่อเสถียรภาพทาง ศก.พร้อมมอบหมาย ธปท.ดูแลในภาพรวมแล้ว ส่วนราคาสินค้าให้ พณ.และราคาน้ำมันปาล์มได้ให้ทางผู้แทนการค้าช่วยดู ชี้ เงินเฟ้อยังอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้

วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาเงินเฟ้อและสินค้ามีราคาแพงมากขึ้น ว่า ตนไม่ทราบว่า กรรมาธิการการเงินเศรษฐกิจประชุมเสร็จแล้วหรือยัง แต่ว่าอันนี้เป็นเรื่องมาตรการในภาพรวมทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลอยู่ ส่วนราคาสินค้ากระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่โดยตรง เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่รายงานเรื่องของน้ำมันปาล์มเข้ามา ตนได้ให้ทางประธาน ผู้แทนการค้าไปช่วยดูลู่ทางอื่นในการที่จะแก้ปัญหาของสถานการณ์ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเรื่องของผลผลิตด้วย และต้นทุนที่มันเปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน ก็ต้องติดตามกรณีของสินค้าอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาวะเงินเฟ้อของแพงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการปรับอัตราเงินเดือนที่กำลังจะมีผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้การขอขึ้นราคาสินค้าทั้งหลายไม่มีกรณีการไปอ้างอิงถึงต้นทุนในเรื่องของแรงงาน หรือเงินเดือนเลย อย่างกรณีน้ำมันปาล์ม ก็ชัดเจนว่าเป็นผลมาจากเรื่องของผลปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ที่ทางกระทรวงพาณิชย์เขารายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) มา เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ราคาเดิมอิงอยู่กับราคาปาล์มที่ประมาณ 3.50 บาท ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 7 บาทกว่า แล้วก็อยู่ในราคาที่เกิน 3.50 บาท มาเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างจะนานแล้ว ฉะนั้น จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงินเดือนหรือเรื่องของค่าแรง

เมื่อถามว่า จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องระมัดระวังทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านหนึ่ง ต้องไม่ให้ภาวะเงินเฟ้อมันเกินเป้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและต้องไม่ให้มันมาเป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบเศรษฐกิจ เมื่อถามต่อว่า ตัวเลขเส้นแบ่งนี้มันอยู่ควรตรงไหน เงินเฟ้อควรไม่เกินเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีตัวเลขที่เป็นเป้าหมาย ที่ทาง ธปท.กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งยังอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมได้