xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” แนะคนไทยใช้หลักพุทธธรรมปฏิบัติตนเพื่อสร้างความปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” เผยใช้หลักธรรม 3 ข้อ “ขันติ-วิริยะ-สุจริต” บริหารประเทศ แนะคนไทย ใช้หลักพุทธธรรมมาประพฤติปฏิบัติตนหวังสร้างความปรองดองได้



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาเรื่อง “การบริหารประเทศด้วยหลักพุทธธรรม สู่การเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งหลังเป็นประธานเปิดงานพุทธธรรมาภิวัฒน์ อาจริยบูชา 72 ปี พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ว่า ฐานะที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งได้นำหลักพุทธธรรมมาใช้เริ่มตั้งแต่การกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งได้เน้นในเรื่องของการปฏิบัติด้วยความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ และเน้นการบริหารโดยให้หน่วยงานต่างๆ นั้นยึดหลักของความยุติธรรม และหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานสอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้พี่น้องประชาชน ซึ่งล้วนแต่ยึดหลักความยุติธรรม ความเป็นธรรมและความเสมอภาคด้วยกันทั้งสิ้น

สิ่งสำคัญที่คือ การนำหลักธรรมต่างๆ มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมามีความจำเป็นอย่างมากในภาวะที่ตน และรัฐบาล รวมทั้งทุกภาคส่วนต้องช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ หลายวิกฤตการณ์ที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลก มาจนถึงวิกฤตที่เป็นปัญหาความขัดแย้งในเรื่องของการเมืองการปกครองภายในประเทศ แม้กระทั่งปัญหาของภัยธรรมชาติ ซึ่งวิกฤตต่างๆ หรือปรากฏการณ์เหล่านี้มีส่วนสำคัญในการที่มาซ้ำเติมความรุนแรงของปัญหา และยังมีปัญหาซึ่งต้องถือว่าหมักหมมกันมาเป็นเวลาช้านานในสังคมของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาในเชิงโครงสร้างไปจนถึงเรื่อง ปัญหาสังคมในด้านต่างๆ เช่น ปัญหายาเสพติด อย่างนี้เป็นต้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เน้นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสังคมและพัฒนาคุณธรรมสำหรับประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินงานนโยบายในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง รัฐบาลจะได้เน้นถึงเรื่องของการที่จะให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้นมีความยั่งยืนมีผลต่อการปรับปรุงโครงสร้าง ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการของการปฏิรูประเทศควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

โดยเฉพาะในส่วนของการแก้ปัญหาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตนั้น รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อเรื่องของการศึกษา ไม่เพียงแต่ในแง่ของการขยายโอกาสทางการศึกษา แต่ได้เน้นถึงการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 เพื่อปรับปรุงคุณภาพทางการศึกษา ซึ่งการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาดังกล่าว การวางแนวทางของการปฏิรูปในทศวรรษที่ 2 นี้ได้เน้นย้ำถึงเรื่องของคุณธรรมนำความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฝึกฝนเด็กและเยาวชนให้เรียนรู้ในเรื่องของความรับผิดชอบ ความทุ่มเท การเสียสละมีการใช้สติปัญญา ความสามารถและเวลาไปในทางที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์แก่สังคม

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกเหนือจากการเน้นเรื่องของความยุติธรรมและธรรมาภิบาลแล้ว นับตั้งแต่ที่ตนเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ได้นำหลักธรรมอยู่อย่างน้อย 3 ข้อ ที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมามาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน คือ 1.ขันติธรรม คือ ความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุ ความไม่เข้าใจ ความขัดแย้ง ความบีบคั้นของสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่เรื่องของความรุนแรงด้วย สิ่งที่ตนได้เน้นย้ำกับตัวเอง และเพื่อนร่วมงานว่าจะต้องทำให้ตัวเองนั้นมีสติอย่างชัดเจนในการแก้ไขปัญหา แยกแยะเหตุปัจจัยของแต่ละปัญหาให้ถ่องแท้ ไม่ผูกโยงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ซึ่งจะทำให้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ต่างๆ ให้เลวร้ายลง และเมื่อได้ดำเนินการเช่นนี้แล้วก็ทำให้หลายสถานการณ์นั้นสามารถคลี่คลายปัญหาได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญก็คือไม่ถือโทษโกรธเคือง และให้อภัยเสมอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญของหลักพุทธธรรมในส่วนของขันติธรรมที่ได้นำมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนที่ 2 วิริยธรรม คือ ความพยายามในการทุ่มเททำงานในหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง มีวิสัยทัศน์มองเป้าหมายในอนาคตเพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และที่สำคัญก็คือ การคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง และไม่ละความเพียรพยายามหากเป้าหมายต่างๆ นั้นยังไม่สามารถที่จะบรรลุได้ และ 3.สุจริตธรรม คือความซื่อสัตย์สุจริต ความซื่อตรงต่อหน้าที่ มีความสุจริต จริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งก็เป็นหลักธรรมอีกข้อหนึ่งซึ่งอำนวยประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าหลักธรรมเหล่านี้จะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการ แก้ไขปัญหาต่างๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยทุกคนจะช่วยกันส่งเสริมและนำหลักธรรมเหล่านี้มาใช้ในการบริหารงานและการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดผลดีต่อการทำงานในทุกภาคส่วนต่อไป นอกจากนี้ หลักพุทธธรรมยังจะนำมาซึ่งพลังแห่งความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราจึงควรช่วยกันนำมาสร้างความปรองดองความสมานฉันท์ขึ้นในสังคมไทยของเราต่อ ไปด้วย และที่สำคัญหากคนไทยเราได้ร่วมกันนำหลักพุทธธรรมมาประพฤติปฏิบัติจนเป็นวิถี ชีวิตที่ดีงามแล้ว นอกจากจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายก็จะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยได้รับการยอมรับของการเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นศูนย์กลางที่มีความมั่นคงยั่งยืนอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น