การชุมนุมใหญ่ที่พร่ำเพรื่อของคนเสื้อแดงกำลังจะเกิดขึ้นครั้งแรกของปีกระต่าย แต่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนของคนเสื้อแดง ในการปั่นป่วนประเทศโดยขาดจิตสำนึก ซึ่งกำลังจะออกมาป่วนในวันที่ 9 มกราคมนี้ แม้จะดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้นมากไปกว่าความพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่า
คนเสื้อแดง ยังมีตัวตนอยู่ในสังคมนี้ และพร้อมที่จะออกมาสร้างความวุ่นวายได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่น่าสนใจ ซึ่งจะเป็นบทสะท้อนกระบวนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงผ่านการชุมนุมที่มี “ธิดาแดง” ธิดา ถาวรเศรษฐ์ คู่สร้างคู่สมของ เหวง โตจิราการ "หมอวอนนอนคุก" เป็นหัวขบวนได้ในระดับหนึ่ง
ประการแรก คือ การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของแกนนำเสื้อแดง ที่เพิ่งจะมีการลอกคราบ แปรสภาพ “ชมรมหลังบ้านก่อการร้าย” มาเป็น “ธิดาแดง” ชักธงรบเพื่อผัวอย่างเต็มตัว โดยไม่มี “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมเคียงข้างบนเวทีเดียวกัน เป็นครั้งแรก
เพราะ “คางคกตู่” ถูกตะกร้อครอบปาก และจำกัดบริเวณไม่ให้ร่วมก๊วนหมาหมู่เกิน 5 คนไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถใช้น้ำลายพ่นพิษหมาบ้าหน้าคางคก ใส่สังคมไทยผ่านเวทีแดงได้อีก
งานนี้ภาพภายนอกจึงเป็นเรื่องของ “ชมรมหลังบ้านก่อการร้าย” ล้วนๆ เพราะนอกจาก “ธิดาแดง” แล้วยังดึง อาภรณ์ สาราคำ เมีย ขวัญชัย ไพรพนา สมาชิกในชมรม มาร่วมก๊วนล้างแค้นแทนผัวที่อยู่ในคุกด้วย
คำถามที่ตามมาคือ ปริมาณคนเสื้อแดงภายใต้การนำของ “ธิดาแดง” โดยไม่มี “คางคกตู่” ดาวเด่นเล่นบทเริงรักกลางชายหาดเรียกแขกให้ จะมีแรงดึงดูดให้คนเสื้อแดงมาร่วมด้วยได้มากน้อยเพียงใด และจะเป็นบทพิสูจน์บารมี “ธิดาแดง” ในฐานะแกนนำรุ่นใหม่ของคนเสื้อแดงได้หรือไม่ ?
คำตอบ คือ ปริมาณไม่ว่าจะมากหรือน้อยไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จ หรือล้มเหลวของ “ธิดาแดง” เพราะหากมีคนใส่เสื้อแดงไปร่วมด้วยในระดับเดียวกับที่เคยมีการเคลื่อนไหวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านั้นมาเพราะศรัทธาในตัวของ “ธิดาแดง”
แต่เป็นบทสะท้อนกระบวนการจัดตั้งที่มีอย่างเป็นระบบของ ส.ส.เพื่อไทย ร่วมกับเครือข่ายเสื้อแดงและเป็นการรวมกลุ่มแดงอารมณ์ค้าง ที่ยังยอมให้แกนนำก่อการร้ายจูงจมูกทำลายชาติ อันเป็นกรรมเก่าที่เกิดจากมรดกตกทอดของการเคลื่อนไหวตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หาใช่บารมีของ “ธิดาแดง” แต่อย่างใด เพราะว่ากันตามจริง วันนี้ถ้า “ธิดาแดง” เดินงกๆ เงิ่น ๆ บนท้องถนนโดยไม่ใส่เสื้อสีแดงประกาศตัว แสดงตน ว่าเป็น เมียเหวง เหวง จะมีคนเสื้อแดงรู้จักเข้าไปทักทายหรือไม่ ซึ่งดูแล้วน่าจะเดินบนท้องถนนกลืนไปกับผู้คนโดยที่คนเสื้อแดงมองข้ามหัวไปในฐานะหญิงชราคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใด ๆ ต่อบ้านเมืองนี้มากกว่า
อย่าว่าแต่ “ธิดาแดง” คิดจะนำมวลชนโดยลำพัง ด้วยการดึงคนเสื้อแดงให้มาร่วมวงป่วนชาติจำนวน 6 หมื่นคนเลย ถ้า “ธิดาแดง” เรียกแขกเองเพียวๆ ไม่นับฐานเดิมที่ถูกสร้างขึ้น ก็น่าจะได้แค่สมาชิกในชมรมหลังบ้านก่อการร้ายเท่านั้น ที่อยากออกมาจับเข่าปรับทุกข์ในฐานะที่อยู่ในหัวอกเมียห่วงผัว เหมือนกันเท่านั้น
อีกปัจจัยหนึ่ง ที่น่าจับตาผ่านการชุมนุมครั้งนี้ คือ เนื้อหาของการเคลื่อนไหว ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไป จะมีพลังมากพอในการดึงมวลชนออกมาร่วมได้หรือไม่
ประการถัดมา คือ การชุมนุมพร่ำเพรื่อ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น จะทำให้สังคมเกิดความเบื่อหน่าย จนเกิดเป็นกระแสกดทับคนเสื้อแดง ทำให้ยิ่งเกิดความเสื่อมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งแนวโน้ม หาก “ธิดาแดง” ยังเคลื่อนไหวแบบไร้สติ คิดแค่เพื่อผัว มากกว่าคนเสื้อแดงโดยรวม ย่อมเป็นการทำลายแนวร่วมมวลชนทำให้คนเสื้อแดงถูกมองเป็นตัวทำลายความสุข และความสงบของประเทศอย่างช่วยไม่ได้
ประการสุดท้าย คือ การชุมนุมครั้งนี้ จะเป็นบทพิสูจน์การทำหน้าที่ของตำรวจด้วยว่า หลังยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ประสิทธิภาพของตำรวจไทยจะเป็นอย่างไร หัวใจที่เป็น “มะเขือเทศ” จะยังเข้มข้นอยู่หรือไม่
เพราะที่ผ่านมาช่วงก่อการร้ายแดงครองเมืองโบกธงแดงแอบขนยาเสพติดชนิดที่ “แดง ท่าอิฐ” ยิ้มร่า พาสหายคลองเตย เย้ยด่านตำรวจโดยไม่ถูกตรวจค้น และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ยานรก แพร่ระบาดอย่างหนัก มาจนถึงทุกวันนี้ ย่อมสะท้อนถึงกลไกที่พร้อมดับเครื่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ของสีกากีกางเกงในแดงได้เป็นอย่างดี
แถมล่าสุดวงในสีกากี ที่ไม่มีสีแดงในหัวใจ เขาลือกันให้แซ่ดว่า มีการเกี้ยเซียะ ช่วยเหลือ “ทายาทอดีตนายตำรวจใหญ่” ที่เพิ่งถูกจับกุมฐานมียาไอซ์ในครอบครอง โดยเปลี่ยนตัวเลขยาเสพติดจาก 5 กรัม เป็น 0.5 กรัม เพื่อพลิกสถานภาพ จากผู้ค้ามาเป็นแค่ผู้เสพ แก๊งอดีตนายตำรวจใหญ่ นอกราชการเหล่านี้ ยังเป็นหนึ่งในมันสมองก่อการร้ายแดง ช่วงเผาเมืองด้วย
รับทราบข้อมูลกันอย่างนี้แล้ว ใครที่คิดจะสวมเสื้อแดงไปร่วมชุมนุม ก็ควรคิดให้จงหนักว่ากำลังจะเดินเข้าไปร่วมวงไพบูลย์ กับผู้คนประเภทไหน ขณะที่รัฐบาลก็ต้องจับตาใกล้ชิดเพราะสีกากีที่เห็นยังแฝงด้วยสีแดงในระดับที่คนไทยจะไว้วางใจไม่ได้